Winter is Coming
ลมเย็นๆ สดชื่นกระทบกับใบหน้าขณะที่เปิดหน้าต่างริมระเบียงเพื่อรับกับไอแดดยามเช้า ปีนี้ลมหนาวมาช้า ...
การเดินทางที่ยาวนานของช่วงเวลาที่ลมหนาวจะพัดผ่านมาทางนี้ในรอบ 1 ปี มันเป็นเป็นการเรียกสติให้เราคิดย้อนกลับไปทบทวนถึงการทำงาน และการใช้ชีวิตในช่วงปีที่ผ่านมาว่า ... เราได้เรียนรู้อะไร
บางคนเฝ้ารอที่วันเวลาจะผ่านพ้นไปในแต่ละวัน บางคนหมกมุ่นกับภาระหน้าที่ที่อยู่ตรงหน้าจนแทบจะลืมไปแล้วว่าช่วงเวลาที่มีความหมายนั้นอยู่ตรงไหน บางคนเฝ้ารอคอยการเริ่มต้นใหม่ และสำหรับบางคนอาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายสำหรับอะไรบางอย่างก็ตาม
ในหลายความรู้สึก หลายเหตุการณ์และความทรงจำที่เกิดขึ้นของแต่ละคน แม้ในช่วงเวลาที่แสนจะสุขสมก็มักจะมีความทรงจำที่แสนจะขมขื่นแทรกไว้อยู่บางๆ เสมอ นั่นก็เพราะว่ามันไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบตลอดเวลา และเราก็ไม่เคยรู้ล่วงหน้าว่าการเปลี่ยนแปลงโดยเฉียบพลันนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ฉันเองเคยสับสนว่าการที่สงสัยในเรื่องราวต่างๆ มากมาย เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ให้ความสนใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง และเสียเวลาชีวิตในหนึ่งปีไปกับเรื่องบ้าๆ บอๆ ไม่มีเข็มทิศอะไรที่แน่นอนตายตัวขึ้นอยู่กับว่าแรงขับเคลื่อนในช่วงนั้นมันคืออะไร?
‘มันคือการทดลอง’ ฉันเริ่มสรุปนิยามให้สิ่งเหล่านี้ด้วยคำว่า ‘เราทุกคนล้วนมีชีวิตทดลอง’ เราทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่สุขสันต์ในจินตนาการ แม้ว่าจะจบและผ่านมันไปด้วยความเป็นจริงที่โหดร้ายก็ตาม แต่แล้วอะไรล่ะที่ทำให้คนที่รู้ว่าสุขเพียงระยะเวลาสั้นๆ นั้นก็สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ฉันอาจจะผิดก็ได้ที่สิริรวมแบบคร่าวๆ ได้ว่า เพราะคนเราต่างก็โหยหาในสิ่งที่สามารถตอบสนองต่อจิตวิญญาณ สำหรับฉันมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนเราจะลองทำอะไรแย่ๆ ผิดแผกและแตกต่างสักครั้ง เพื่อที่จะได้ลืมตาตื่นในวันใหม่ข้างหน้าโดยปราศจากข้อกังขา และพร้อมที่จะเริ่มค้นหาความหมายใหม่ๆ ต่อไป
ในครั้งหนึ่งช่วงกลางปีที่แล้ว ฉันเคยนั่งพูดคุยกับใครสักคนในร้านกาแฟดูดีร้านหนึ่งกลางใจเมือง เรานัดกันที่ร้านนั้นเพื่อทำงานบางอย่างร่วมกันให้สำเร็จ เขามาช้ากว่าเวลาที่นัดไปเกือบครึ่งชั่วโมง แน่นอนฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเวลาที่หดหายไปในตอนนั้น กลับคิดว่าดีเสียอีกฉันได้ทำความรู้จักผู้คนมากมายที่แวะเวียนเข้ามาในร้านด้วยสายตา ... ฉันชอบมองท่าทีที่เป็นไปของแต่ละคน มันน่าสนใจนะ เราไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขามีแบคกราวน์อย่างไร แต่การแสดงออกของแต่ละคนมันสร้างจินตนาการให้เราคาดเดาได้ไม่รู้จบจริงๆ
เมื่อคนที่เรานัดกันไว้นั้นมาถึง เขาดูตั้งใจที่จะคุยเรื่องงานของเรามากกว่าที่จะพิจารณาเห็นความเป็นไปในรอบข้าง ใช่ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ตลอดช่วงเวลาที่คุยกันฉันทึ่งในบางแง่มุมความคิดที่เขาแบ่งปันมาให้ มันสวยงาม มันสดใหม่ และแฝงไว้ด้วยความมีชีวิตชีวาที่ไม่ได้นิยามไว้เพียงแต่ว่าการมีอยู่ของชีวิตคือการมีลมหายใจเท่านั้น ...
ความไม่ธรรมดาที่ซ่อนอยู่ในภายใต้ชีวิตทดลองในแบบของเขานี่แหละ มันมีคุณค่าที่มากกว่าแค่เวลา 30 นาทีที่ฉันเสียไปก่อนหน้านั้นเสียอีก
ถ้าหากว่าเขาเป็นสูตรลัดที่พระเจ้าประทานมาให้คนมีความสับสนในใจไม่เว้นแต่ละวันอย่างฉันแล้ว ฉันต้องไม่ทำเพียงแค่ขอบคุณพระองค์แน่ๆ
ฉันอาจโชคดี (คิดว่าโชดดี) ที่ได้เปิดโอกาสเรียนรู้ไปกับชีวิตทดลองของคนอื่นๆ อยู่เสมอ มันจึงทำให้ในหนึ่งปีที่ผ่านมา ฉันได้ใช้เวลาสังเวยจิตวิญญาณไปแล้วอย่างเต็มเปี่ยม จนไม่รู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาแต่อย่างใด แล้วคุณล่ะ? ได้ลองฟังเสียงที่เรียกร้องอยู่ภายใน แล้วทำอะไรเพื่อตอบสนองเสียงเหล่านั้นบ้างหรือยัง ...
โอกาสมันก็เหมือนกับลมหนาวที่อยู่กับเราไม่นาน จริงอยู่ว่าไม่นานเดี๋ยวมันก็พัดผ่านมาใหม่ แต่เรา ... จะมีโอกาสได้สัมผัสกับอีกกี่ลมหนาวกันนั้น ... ไม่มีใครรู้