ความฝันหนึ่งของหลายๆ คนก็คงอยากให้มีครอบครัวที่อบอุ่น มีภรรยาที่ดี มีรถสักคัน และมีบ้านสักหลังหนึ่ง แต่ชีวิตในปัจจุบันกว่าจะได้มาแต่ละอย่างก็ต้องผ่านความอดทน และผ่านวันเวลาไม่มากก็น้อย ยิ่งเฉพาะการซื้อบ้านสักหลังนั้น ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องผ่อนในระยะยาว และถ้าหากว่าการซื้อบ้านจะต้องมีภาระหนี้ที่ไม่ควรจะเสีย เราจะทำอย่างไร เหมือนอย่างเรื่องของ มู่
มู่ เป็นชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นทำงาน และเก็บเงินเพื่อหวังว่าจะให้ครอบครัวมีบ้านสักหลังหนึ่ง แม้เงินเดือนเขาจะไม่กี่หมื่น แต่เขาก็มองว่าการมีบ้านเป็นของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยราคาบ้านในปัจจุบันก็สูงเสียจนเขาไม่อาจจะผ่อนไหว
แต่แล้วแม้ในมุมที่มืดมิดก็ยังมีแสงสว่าง มู่ ได้พบกับ แหวน นายหน้าขายบ้านสาวสวย เธอได้แนะนำบ้านหลังหนึ่งให้กับเขา บ้านหลังนี้ราคาไม่สูงมากนัก แต่เพราะราคาไม่สูงนี่ล่ะ ทำให้มีเงื่อนไขซึ่งเขาก็รู้อยู่แล้วที่อาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มตามมาภายหลังด้วย
บ้านหลังนี้อยู่ติดริมแม่น้ำซึ่งมีความชันในระดับที่บ้านกับแม่น้ำสูงกว่ากันมาก ทางเข้าออกของบ้านจะต้องผ่านสวนของผู้ใหญ่หวัง โดยที่เจ้าของเก่าก็เพียงใช้เป็นทางเดินเข้าออกเท่านั้น แต่รถยนต์ไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ซึ่งเขาก็ทราบดี
เมื่อมู่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้นขึ้นมา จึงจำเป็นจะต้องใช้ที่ดินของผู้ใหญ่หวัง เป็นทางให้รถยนต์ผ่านเข้าออกได้
มู่ : ผู้ใหญ่หวังครับ ผมชื่อมู่นะครับ ผมเข้ามาแนะนำตัว ผมจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านที่ติดริมแม่น้ำ แต่ทางเข้าออกมีเพียงทางเดียวคือสวนของผู้ใหญ่หวัง ผมจึงมาขอให้รถยนต์มีทางเข้าออกได้นะครับ
ผู้ใหญ่หวัง : โอ๊ย ไม่ได้หรอก ถ้าจะมาพบผมเรื่องนี้ ผมไม่คุยหรอก ถ้าคุณอยากจะผ่านเข้าออก คุณก็ต้องจ่ายค่าทดแทนสำหรับความเสียหายที่คุณนำรถยนต์ผ่านเข้าออก
มู่ : ผมขอร้องล่ะครับ ทางเข้าออกมันก็มีแค่ทางเดียว ถ้าผมย้ายเข้ามาอยู่ก็เหมือนเพื่อนบ้านกัน นะครับ
ผู้ใหญ่หวัง : ไม่ได้ ผมยืนยันว่าคุณต้องจ่ายค่าทดแทนหากจะเข้าออก เพราะผมเสียหาย
มู่ : แต่ทางกฎหมายจริงๆ เขาต้องให้ผมสามารถเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้นะครับ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ผู้ใหญ่หวัง : ก็ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปฟ้องศาลเอาก็ละกัน
Q : เอาละครับ เป็นเรื่องขึ้นแล้ว หลังจากที่มู่ซื้อบ้านติดริมแม่น้ำ แต่กลับมีทางเข้าออกบ้านเพียงแค่ทางเดียวโดยผ่านสวนของผู้ใหญ่หวัง แต่ทางมู่ก็ไม่ยอมอ้างเรื่องกฎหมายขึ้นมา แล้วในความเป็นจริง มู่จะอ้างเป็นทางจำเป็นและใช้รถยนต์ผ่านเป็นทางเข้าออกได้หรือไม่
A : จากข้อเท็จจริงบ้านและที่ดินของมู่ถูกล้อมด้วยที่ดินอื่น ถึงแม้บ้านและที่ดินจะติดอยู่กับแม่น้ำก็ตาม แต่ก็มีความชันในระดับที่บ้านกับแม่น้ำสูงกว่ากันมาก จึงจำเป็นต้องใช้ที่ดินของผู้ใหญ่หวังเป็นทางผ่านเข้าออก โดยตามอุทาหรณ์ก็ปรากฏว่าเจ้าของเดิมก็จำเป็นต้องใช้ที่ดินของผู้ใหญ่หวังเป็นทางผ่านเข้าออกเช่นกันแต่เป็นเพียงใช้เดินเท้าเข้าออกเท่านั้น ซึ่งมู่ก็ทราบอยู่แล้ว เมื่อมู่เข้ามาซื้อแล้วต้องการจะนำรถยนต์ผ่านเข้าออกด้วยนั้น มู่จะอ้างทางจำเป็น เพื่อนำรถยนต์ผ่านเข้าออกไม่ได้เพราะก่อนซื้อ มู่ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าทางจำเป็นดังกล่าวใช้เฉพาะการเดินผ่านเข้าออกเท่านั้น เท่ากับเป็นการยินยอมรับสภาพ เมื่อซื้อมาแล้วจะขอใช้รถยนต์ผ่านเข้าออกโดยอ้างเป็นทางจำเป็นอีกไม่ได้ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 5114/2540 และ 2989/2552
ถึงแม้จะอ้างทางจำเป็นเพื่อนำรถยนต์ผ่านทางเข้าออกได้ก็ต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ดีเพราะนอกจากเจ้าของที่ต้องได้รับความเสียหายเนื่องจากการสร้างถนนเพื่อมีการผ่านทางนั้น ยังสามารถกำหนดเป็นเงินรายปีอีกก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1349
อย่าทำให้การเจรจาต่อรองบานปลายไปในทางเสียหายเกินกว่าจะเยียวยา ด้วยความเป็นคนหัวหมอไม่รู้จริง เพราะเมื่อมีเจตนาที่บริสุทธิ์เพื่อยุติปัญหาอย่างแท้จริงแล้วการเจรจาย่อมหาทางออกที่ดีได้เสมอ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1349 ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้เจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้
ที่ดินแปลงใดมีทางออกได้แต่ต้องข้ามสระ บึง หรือทะเลหรือมีที่ชันอันมีระดับที่ดินกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมากเจ้าของที่ดินจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ได้
ที่และวิธีทำทางผ่านต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน โดยคำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายน้อยที่สุดที่จะเป็นได้ ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านได้ผู้มีสิทธิผ่านต้องใช้ค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ค่าทดแทนนั้นนอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนนแล้ว จะกำหนดเป็นรายปีก็ได้