เลกซัส กรุ๊ป ภายใต้หัวเรือใหญ่อย่างบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จำกัด ได้จัดทริปทดสอบ “All New LEXUS ES300h” รถยนต์นั่งสุดหรูขนาดกลางรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน เพื่อท้าพิสูจน์ความเป็นผู้นำระบบขับเคลื่อนแบบ “ไฮบริด” ที่ผสมผสานการขับเคลื่อนอย่างลงตัวระหว่างเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า บนเส้นทางทดสอบสุดคลาสสิค กรุงเทพฯ-หัวหิน ด้วยระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร
LEXUS ES300h ถูกรังสรรค์ให้อยู่กึ่งกลางระหว่างรุ่น GS และ IS เพื่อเติมเต็มช่องว่างที่หายไปของการทำการตลาด โดย ES300h นั้นจะเน้นในเรื่องการขับขี่ที่ง่าย สะดวกสบาย และหรูหราด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง ซึ่งนั่นเป็นผลลัพธ์มาจากการเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้าแทนการใช้ล้อคู่หลัง ซึ่งจะกินพื้นที่ในห้องโดยสารมากกว่านั่นเอง
ภายนอกของ ES300h ด้านหน้าถูกออกแบบมาในแนวสปอร์ต ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ Spindle Grille โฉบเฉี่ยวด้วย Daytime Running Lights รูปทรงคล้ายลูกศรที่เป็นเอกลักษณ์ของ LEXUS พร้อมโคมไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ HID ที่ปรับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ ส่วนด้านข้าง และด้านท้าย กลับถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย แต่แฝงด้วยรายละเอียด ซึ่งทำให้ ES300h ไม่ได้ทิ้งความเป็นรถยนต์นั่งสุดหรูอย่างรุ่น GS เท่าไหร่นัก
ภายในทันสมัยสะดวกสบายด้วย Cabin Spaciousness มิติห้องโดยสารที่มีสัดส่วนความยาวเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบฐานล้อที่ยาวขึ้น 45 มม. โดยเบาะคู่หน้ามีความยาวเพิ่มขึ้น 30 มม. และพื้นที่โดยสารด้านหลังช่วงเข่ากว้างขึ้น 60 มม. นอกจากนี้ เบาะหน้ายังสามารถปรับให้ต่ำลงได้อีก 15 มม. ส่งผลให้พื้นที่เหนือศีรษะเพิ่มขึ้น พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายเช่น ระบบนำทางที่มีหน้าจอแสดงผลถึง 8 นิ้วที่ให้ทั้งข้อมูลการจราจร และความบันเทิงเต็มรูปแบบ
ES300h มากับขุมพลังขับเคลื่อนในระบบ Full Hybrid ระบบขับเคลื่อนที่ผสมผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังรวมทั้งระบบถึง 205 แรงม้า ส่งผลให้อัตราเร่งที่ 0-100 กม / ชม. ใช้เวลาเพียงแค่ 8.5 วินาทีเท่านั้น โดยมีรูปแบบการในการขับขี่มาให้เลือกปรับได้ 4 โหมดด้วยกัน
โหมด EV สำหรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าไปปั่นมอเตอร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งจะใช้ได้นานแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณไฟฟ้าที่อยู่ในแบตฯ ด้วย โหมด Eco สำหรับการขับขี่แบบประหยัด โดยในโหมดนี้จะเน้นเรื่องความประหยัดพลังงานเป็นหลัก ซึ่งคอมพิวเตอร์ประจำรถจะเป็นผู้คำนวณทั้งเรื่องลิ้นเร่งที่ปล่อยอากาศเข้าเครื่อง ไปจนถึงแรงลมของแอร์ และอุณหภูมิในห้องโดยสารให้เหมาะสม ซึ่งผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ทันที่ที่เหยียบคันเร่ง ซึ่งจะเกิดอาการหน่วงๆ อย่างรู้สึกได้ชัดเจน นั่นเป็นเพราะการป้องกันการสูญเสียพลังงานโดยใช่เหตุจากการเหยียบปล่อยๆ นั่นเอง
โหมด Normal สำหรับการขับขี่แบบปกติ ซึ่งโหมดนี้ การประหยัดหรือไม่ประหยัดพลังงานนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ขับขี่นั่นเอง และโหมดสุดท้าย โหมด Sport เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจ ตอบสนองได้ดั่งใจ ในทุกๆ ครั้งที่เหยียบคันเร่ง ซึ่งความเร็วสูงสุดที่ทำได้นั้น เกิน 190 กม. / ชม.ไปได้โดยที่ไม่ต้องลุ้นอะไรมากเลย แต่เรื่องประหยัดน้ำมันนั้น เห็นทีจะไม่เท่าไหร่ 10-15 กม. / ลิตรเห็นจะได้ ในการเดินทางครั้งนั้น
ช่วงล่างและการควบคุม ES300h ติดความเป็นผู้ดีมาจากรุ่นพี่อย่าง GS มาไม่น้อย ช่วงล่างเซ็ตออกมาได้แบบนิ่มนวล เหมาะกับบุคลิกของผู้บริหารเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ถึงกับโยนตัวมากนักเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงเกินปกติ ซึ่งอาจจะดูเสียวๆ ไปบ้าง แต่ก็สามารถเข้าโค้งได้อย่างปลอดภัย
New LEXUS ES300h เหมาะกับใครนั้น ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 3.49 ล้าน ไปจนถึง 3.89 ล้านบาท คงไม่พ้นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุอ่อน 40 ปีนิดหน่อย จนไปถึงนักธุรกิจรุ่นเก๋า ที่จิตใจยังวัยรุ่นอยู่เป็นแน่ เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่
ไม่แก่จนเกินไป แถมยังแรงและประหยัดอีกด้วย คงทำให้ใครหลายๆ คน ตัดสินใจได้ไม่ยากสำหรับรถญี่ปุ่นสุดหรูคันนี้
Trick & Tip
อุปกรณ์ที่ควรมีไว้ประจำรถ
นอกจากจะมีล้ออะไหล่ติดท้ายรถแล้ว ควรหาเครื่องมือในการเปลี่ยนเก็บไว้ท้ายรถด้วย รวมถึงไฟฉาย ถุงมือ สายพ่วงแบตฯ สายลากรถ เพราะมันไม่ได้มีประโยชน์แค่เจ้าของเท่านั้น มันยังสามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมทางได้อีกด้วย