เอเชี่ยนเกมส์

เอเชี่ยนเกมส์

เดือนนี้มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้น “กีฬาเอเชี่ยนเกมส์” ครั้งที่ 17 ที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่ยิ่งใหญ่รองลงมาจาก “กีฬาโอลิมปิก” เลยทีเดียว

แน่นอนว่ามหกรรมกีฬาเปรียบเสมือนเวทีที่แสดงความยิ่งใหญ่ของแต่ละชาติ จึงไม่แปลกที่ว่า ทำไมยุคนี้หลายๆ ชาติจึงต้องแย่งกันเพื่อเป็นเจ้าภาพให้ได้ ต่างจากสมัยก่อนที่ส่วนใหญ่ไม่สนใจเพราะการเป็นเจ้าภาพในการแข่งกีฬาแต่ละครั้ง สิ้นเปลืองงบประมาณของประเทศมากๆ

มีแต่ชาติที่ “เงินถึงใจถึง” เท่านั้นถึงจะยอมจัด ยิ่งเป็นมหกรรมกีฬาด้วย ไม่ต้องคิดเลยว่างบประมาณที่ใช้จะบานปลายมากขนาดไหน เพราะขนาดเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ครั้งหน้า ครั้งที่ 18 ยังต้องหาเจ้าภาพใหม่เลยแม้ตอนแรก “เวียดนาม” จะได้รับเลือกไปแล้ว แต่ก็เตรียมตัวไม่พร้อม

ถ้ามาว่ากันเรื่องของการเป็นเจ้าภาพ ถือว่าเป็นสิ่งที่ชาวไทยทุกคนควรจะภูมิใจ เพราะประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพในกีฬาชนิดนี้มากกว่าใครเพื่อนถึง 4 สมัยด้วยกัน คือใน         ปีพ.ศ. 2509, 2513, 2521 และ 2541

ที่ได้เป็นเจ้าภาพมากกว่าใครเพื่อนก็มาจากการเสนอตัวและได้รับเลือก 2 ครั้งคือปีพ.ศ. 2509 กับ 2541 แต่ปีพ.ศ. 2513 กับ 2521 นั้นต้องรับบทเป็นมวยแทนหลังจากเจ้าภาพที่ได้รับเลือกจริงๆ ในสมัยนั้นไม่พร้อมจัด (แทนเกาหลีใต้กับปากีสถาน) แสดงให้เห็นว่าสมัย 30 - 50 ปีที่แล้ว ไทยเราคือชาติที่พัฒนาเป็นลำดับต้นของเอเชียเลยทีเดียว

ที่สำคัญประเทศไทยยังเป็น 1 ใน 7 ของประเทศที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครบทุกครั้ง ตั้งแต่ครั้งที่ 1 ที่นิวเดลี ประเทศอินเดีย ปี 2494 จนมาถึงครั้งล่าสุดครั้งที่ 16 ที่กว่างโจว ประเทศจีน ปีพ.ศ. 2553 นอกจากอินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ศรีลังกาและสิงค์โปร์

ในปัจจุบันองค์กรที่ดูแลเรื่องของการจัดเอเชี่ยนเกมส์คือ “สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย” ที่ปัจจุบันมีสมาชิกถึง 45 ชาติด้วยกันซึ่ง “คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย” หรือที่เรียกว่าบ้านอัมพวัน ก็เป็นสมาชิกด้วย โดยมีหน้าที่จัดส่งและนำคณะนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและกีฬาระดับภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีม

ในการคัดเลือกเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ เมืองที่ได้รับการเสนอชื่อมีทั้งสิ้น 2 เมืองคืออินชอน ประเทศเกาหลีใต้ กับ นิวเดลี ประเทศอินเดีย ในการนำเสนอรอบสุดท้าย เกาหลีใต้นำเสนอว่าจะใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านดอลล่าร์สหรัฐแถมยังออกค่าเดินทางและที่พักฟรีให้กับผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดต่างจากอินเดียที่ไม่ได้นำเสนออะไร และทางฝ่ายจัดการแข่งขันยังกังวลเรื่องงบประมาณ มลพิษรวมทั้งการจราจรในเมืองใหญ่ที่เป็นเมืองหลวงอย่างนิวเดลี ดังนั้นพอถึงเวลาลงคะแนน เกาหลีใต้ได้มากถึง 32 คะแนน ขณะที่อินเดียได้เพียง 13 คะแนนเท่านั้นเอง

สำหรับการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้เจ้าภาพเกาหลีใต้บรรจุกีฬาถึง 36 ชนิดเพื่อใช้ในการแข่งขัน โดยพิธีเปิดจะมีขึ้นในวันที่ 19 กันยายน และ ปิดในวันที่ 4 ตุลาคม นับรวมกัน 15 วันเท่านั้น

สัญลักษณ์ของการแข่งขันเป็นรูปลูกศรชี้ขึ้นคล้ายตัวเอ (A) ในภาษาอังกฤษแต่ไม่มีขีดกลาง มีสีฟ้าและเขียว เป็นรูปคล้ายปีกล้อมดวงอาทิตย์ เหมือนชาวเอเชียจับมือกันอยู่กลางท้องฟ้า 

คำขวัญของการแข่งขันครั้งนี้คือ “Diversity Shines Here” ถ้าให้แปลเป็นภาษาไทยก็ประมาณว่า “ความหลากหลายมาเปล่งประกาย ณ ที่นี้” โดยความหลากหลายหมายถึงความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรมและศาสนาที่แตกต่างกันออกไปของชาวเอเชีย

มาที่มาสค็อตหรือสัตว์สัญลักษณ์ของการแข่งขัน ทางเจ้าภาพใช้ “แมวน้ำ 3 ตัว” ที่มีชื่อว่า “บาราเมะ” (ลม) “ซุมุโระ” (การเต้นรำ) และ “วิซอน” (แสงสว่าง) ที่สำคัญยังมีความหมายแฝงถึงการรวมชาติของสองเกาหลีคือเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้อีกด้วย  

ในส่วนของทัพนักกีฬาไทยจากการเปิดเผยของ “คุณธนา ไชยประสิทธิ์” ที่รับบทเป็นหัวหน้าคณะนักกีฬาไทยเหมือนเดิมว่า ในเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ ประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันทั้งสิ้น 522 คน ลงชิงชัยใน 33 ชนิดกีฬาซึ่งเป้าหมายที่คาดเอาไว้อย่างต่ำ 15 - 16 เหรียญทอง

ถึงตอนนี้ก็คงต้องตามเชียร์ทัพนักกีฬาไทยของเราในทุกๆ ชนิดกีฬาที่ลงแข่งขันกับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่อย่างเอเชี่ยนเกมส์ ที่มีเพื่อคนเอเชียเท่านั้นครับ 

มหกรรมกีฬาเพื่อนคนเอเชีย