เริ่มต้นขึ้นแล้วกับฤดูกาลการแข่งขันศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแห่งปี 2014-2015 ลีกการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษที่ถือได้ว่าเป็น 1 ในลีกที่สนุกที่สุดของโลก ซึ่งในฤดูกาลนี้บรรดาทีมชั้นนำแต่ละทีมต่างเสริมทัพกันให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นจนยากที่จะคาดเดาว่าอันดับ 1-4 ของปีนี้จะเป็นทีมใด ในการแข่งขันที่ดุเดือดของแต่ละทีมย่อมต้องการแรงเชียร์สนับสนุนและเงินทองจากบรรดาแฟนบอลของแต่ละทีม แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้ามเมื่อแฟนบอลของ 12 ทีมในลีกอังกฤษล้วนพร้อมใจกันเดินขบวนประท้วงสมาคมฟุตบอลอังกฤษและบอร์ดบริหารของทีมที่ตัวเองรัก!! มันเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้พวกเขาพร้อมใจกันกดดันทีมตนเองได้ขนาดนี้?

คำตอบของเรื่องนี้มีอยู่เพียงเรื่องเดียวนั่นคือเงิน! ใช่ครับผมกำลังพูดถึงเม็ดเงินที่แฟนบอลต้องเสียเป็นค่าตั๋วในการเข้าไปชมการแข่งขันของทีมรักตัวเอง ในปีนี้มีทีมในพรีเมียร์ลีก 12 ทีม พร้อมใจกันขึ้นเงินค่าตั๋วปีประกอบไปด้วย แมนซิตี้, แอสตันวิลล่า, เลสเตอร์, สโต๊ค,เบิร์นสลี่ย์, ควีนสปาร์คเรนเจอร์, ฮัลล์, เอฟเวอร์ตัน,คริสตัลพาเลซ, เซาท์แธมตัน, ลิเวอร์พูล และอาร์เซน่อลโดยทีมที่เก็บค่าตั๋วปีสูงที่สุดในปีนี้คืออาร์เซน่อลที่มีราคาค่าตั๋วปีชั้นสูงสุดที่ 2,013 ปอนด์หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ106,000 กว่าบาทนั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่แฟนบอลทั้ง 12 ทีมประท้วงนั้นเนื่องจากพวกเขาเห็นว่าทีมแต่ละทีมล้วนได้เงินจากการแข่งขันที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษต้องให้อยู่แล้วบวกกับเงินพิเศษที่จะได้ตามลำดับการแข่งขันหลังจบฤดูกาลและยังเงินค่าสปอนเซอร์และลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่แต่ละทีมจะได้รับอีกซึ่งบรรดาแฟนบอลต่างคิดว่านั่นก็เพียงพอแล้ว การที่ยังขึ้นราคาตั๋วปีอีกหลายเปอร์เซ็นต์นั้นไม่ต่างจากการขูดเลือดขูดเนื้อเอาเสียเลย

ในขณะทีม 12 ทีมต่างขึ้นราคาค่าตั๋วปี แต่ก็มีอีก 7 ทีมเก็บราคาตั๋วเท่าเดิมเพื่อซื้อใจแฟนบอลของตัวเองประกอบไปด้วย เวสบรอมฯ, ซันเดอร์แลนด์, สวอนซี, แมนยูฯ, เชลซี, เวสต์แฮม และสเปอร์ส โดยทีมยักษ์ใหญ่อย่างแมนยูฯ นั้นปกติจะขึ้นราคาค่าตั๋วปี แต่สืบเนื่องมาจากฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีของทีมในฤดูกาลที่แล้วจึงตัดสินใจไม่ขึ้นราคาเป็นการแทนคำขอโทษให้แฟนบอล แต่ยังมีหนึ่งเดียวจากทีมในพรีเมียร์ลีกนั่นคือ นิวคาสเซิ่ล ที่ตัดสินใจลดราคาค่าตั๋วปีของสโมสรจากฤดูกาลที่แล้วจาก 717 ปอนด์ เหลือ 710 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 37,600 กว่าบาทเท่านั้น

คงต้องรอดูกันต่อไปว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ทีมบอลทั้ง 12 ทีมที่ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างขึ้นราคาค่าตั๋วปี ขายไม่หมดและปล่อยให้สนามโล่งในแต่ละแมตช์ของการแข่งขัน หรืออย่างร้ายที่สุดคือเสียฐานแฟนบอลบางส่วนของทีมไปเลย กับการยอมลดราคาลงมาเพื่อให้ได้ฐานแฟนบอลเต็มสนามที่สามารถโห่ร้องกดดันทีมผู้มาเยือนได้อย่างดี แต่ที่แน่ๆ การแข่งขันในฤดูกาลใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วและสงครามจิตวิทยาของแฟนบอลก็เริ่มขึ้นเช่นเดียวกัน สงครามครั้งนี้ใครจะได้อะไร? ใครจะชนะ? สุดท้ายก็ไม่พ้นคำว่า “เงิน” นั่นเอง!!