“Royals”
(Songwriters: Joel Little, Ella Yelich O’Connor)
I’ve never seen a diamond in the flesh
I cut my teeth on wedding rings in the movies
And I’m not proud of my address,
In a torn-up town, no postcode envy
*But every song’s like gold teeth, grey goose, trippin’ in the bathroom
Blood stains, ball gowns, trashin’ the hotel room,
We don’t care, we’re driving Cadillacs in our dreams.
But everybody’s like Cristal, Maybach, diamonds on your timepiece.
Jet planes, islands, tigers on a gold leash.
We don’t care, we aren’t caught up in your love affair.
**And we’ll never be royals (royals).
It don’t run in our blood,
That kind of lux just ain’t for us.
We crave a different kind of buzz.
Let me be your ruler (ruler),
You can call me queen Bee
And baby I’ll rule, I’ll rule, I’ll rule, I’ll rule.
Let me live that fantasy.
My friends and I—we’ve cracked the code.
We count our dollars on the train to the party.
And everyone who knows us knows that we’re fine with this,
We didn’t come from money. (*) (**)
Ooh ooh oh
We’re bigger than we ever dreamed,
And I’m in love with being queen.
Ooh ooh oh
Life is great without a care
We aren’t caught up in your love affair. (**)
อันแหวนเพชรเม็ดงามหากถามฉัน เคยเห็นมันกับตามาบ้างไหม
ตอบว่าเห็นจากทีวีซีรี่ส์ไง เพราะเกิดในเมืองจนๆ คนเดินดิน
แต่ทุกเพลงมักแฟนซีมีฟันทอง โชว์เหล้าดองของเมาเผาทรัพย์สิน
รอยคราบเลือดชุดราตรีมีราคิน เราไม่อินเพราะฟินได้ในฝันเอง
ถึงใครๆ จะทำอวดขวดคริสตัล ทั้งรถเหล้านาฬิกาที่ว่าเจ๋ง
ทั้งเครื่องเจ็ทเกาะส่วนตัวนัวกันเอง เสือตัวเป้งปลอกคอทองน้องไม่แคร์
เพราะอย่างไรเราหาใช่ราชวงศ์ เป็นเผ่าพงศ์บ้านๆ นั่งหว่านแห
ของหรูหรามันห่างไกลใช่ตัวแปร เราก็แค่ชอบอีกอย่างที่ต่างกัน
ให้ฉันเป็นเจ้าหัวใจเธอได้ไหม เรียกฉันไซร้ว่าตัวแม่ใช่แค่ฝัน
จะดูแลทุกข์สุขหาสารพัน แค่นี้ฉันเหมือนอยู่แดนแฟนตาซี
ถอดรหัสความคิดชีวิตเป็น จะมองเห็นความสุขใจไม่ต้องหนี
นับเงินในกระเป๋าไว้ใช้ที่มี ไปปาร์ตี้แบบจนๆ คนกันเอง
เพื่อนที่รู้จักเราเขาย่อมรู้ จะไม่ดูถูกไซร้ไม่ข่มเหง
จนแต่เงินไม่จนใจไม่หวั่นเกรง จึงร้องเพลงบอกโลกอย่าโศกเอย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เพลงนี้จะมาจากเด็กที่ตอนเริ่มดัง เธออายุแค่สิบหก (แม้ว่าหน้าตาเธอจะเกินวัยไปสิบปี) แต่อาจจะเพราะเธอเป็นเด็กจากนิวซีแลนด์ เลยมีพื้นฐานความคิด แนวดนตรีที่ต่างไปจากเมนสตรีมที่เป็นกันอยู่
แม้ว่าชื่อจริงจะยาวเหมือนรถด่วนสายใต้ เอลลา มารียา ลานี เยลิช-โอคอนเนอร์ (Ella Marija Lani Yelich-O’Connor) ก็ใช้ชื่อในฐานะนักร้องแค่พยางค์เดียวว่า ลอร์ด เธอเกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ.1996
เพลงนี้แปลยากอยู่ประมาณหนึ่งเพราะต้องเดาว่าเนื้อเพลงเธอต้องการสื่ออะไร และต้องการแน่ใจว่า ศัพท์แสงแต่ละตัว เธอหมายถึงอะไรบ้าง
อย่างคำว่า Cristal อันนี้สะกดถูกแล้ว มันเป็นชื่อแชมเปญยี่ห้อนึง เมย์บัคก็เป็นรถหรูของเยอรมัน เกรดเดียวกับโรลส์รอยส์ ที่ตัวเธอเอามาเสียดสีบรรดาศิลปินดังๆ ที่มักจะแสดงภาพหรูหราไฮโซ ในมิวสิควีดีโอ
ในขณะที่ชีวิตจริงกลับฉาวโฉ่ไปด้วยเรื่องสุรายาเมาเคล้ากาเม ทำลายข้าวของในห้องพักโรงแรม หรือข่าวรักๆ เลิกๆ ซึ่งเธอบอกว่า เธอไม่อินด้วย เพราะชีวิตเธอมาจากเมืองซ่อมซ่อ ชนิดที่เห็นรหัสไปรษณีย์แล้วก็คงไม่มีใครอิจฉา แต่เธอก็พอใจในชีวิตแบบที่เธอมี
เราไม่จำเป็นต้องย้อนเวลาไปเด็กเหมือนลอร์ด ไม่ต้องไปเกิดใหม่ในเมืองเดียวกัน เพื่อจะ “Crack the code” หรือถอดรหัสความคิดตัวเอง เพื่อเข้าใจได้ว่าแต่ละคนมีวิถีทางที่แตกต่างกัน
อะไรที่ดีของคนๆ หนึ่ง ไม่จำเป็นต้อง “ดี” สำหรับทุกคน อย่างที่เธอบอกว่า“We crave a different kind of buzz” เราชอบความสุขอีกแบบที่แตกต่างออกไป
ไม่จำเป็นต้องหรู ไม่เพียงแต่การใช้เงิน การหาความสุขแบบโลกๆ หรอกนะครับ กระทั่งวิธีการปฏิบัติธรรมก็ยังมีหลายรูปแบบให้เลือกตามจริต ตามความถนัดของแต่ละคน
วิธีคิดของลอร์ด ถ้าอนุมานว่าเธอคิดแบบนี้จริงๆ ก็ต้องถือว่าเธอเป็นคนสันโดษ ตามความหมายแบบพุทธ คือมีเท่าไหร่ได้แค่ไหนก็พอใจในสิ่งที่ได้ที่มี
พูดแบบนี้ คนชอบตีความผิดแบบสุดโต่งว่า พระพุทธเจ้าสอนให้เราขี้เกียจ ไม่ใช่นะครับ ท่านสอนให้ใช้ชีวิตแบบมีจุดหมาย ให้พัฒนาตัวเอง ให้มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา รวมเรียกว่าอิทธิบาทสี่ เป็นธรรมะเพื่อความสำเร็จ
แต่ท่านสอนให้สันโดษ หลังจากที่ทำเหตุคือเจริญอิทธิบาทแล้ว ผลจะเป็นอย่างไร ได้มากได้น้อย ก็ถือว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว ให้พอใจผล เรียนรู้จากมัน แล้วค่อยทำใหม่ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีกจนกว่าจะสำเร็จ
มีมาก อาจจะทุกข์มากกว่ามีน้อย หรือมีน้อยก็อาจจะทุกข์มาก ถ้าขาดสติ ขาดปัญญา วางใจไม่เป็น สุดโต่ง แยกแยะไม่ได้ระหว่างการทำเหตุ กับการยอมรับผล
สุขสันต์วันที่เรายังมีเพลงดีๆ ฟังนะครับ