เมธี อรุณ

เมธี อรุณ

แม้ว่าบุคคลบนถนนสายดนตรีจะสร้างแนวเพลงอันหลากหลายขึ้นมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน แต่สำหรับเจ้าของเสียงร้องแห่งวงลาบานูน คนที่คุณอ๊อฟ พูนศักดิ์ จตุระบุล แนะนำให้เรามารู้จักในครั้งนี้ เขาคือผู้ที่ทำให้สำเนียงและเสียงร้องภาษาที่แตกต่างถูกถ่ายทอดออกมาพร้อมกับท่วงทำนองอันเป็นเอกลักษณ์

รู้จักกับอ๊อฟ บิ๊กแอส ได้อย่างไร

รู้จักตั้งแต่อยู่ค่ายเพลงมิวสิกบั๊คส์ด้วยกัน เกือบ 13 ปีแล้ว เขาเป็นรุ่นพี่ ช่วงที่ลาบานูนทำอัลบั้มชุดที่ 2 พี่อ๊อฟก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้ แต่ช่วงที่ทำอัลบั้มเกือบเสร็จด้วยเหตุผลบางอย่างทางค่ายจึงเปลี่ยนโปรดิวเซอร์คนอื่นมาแทน ตอนที่ได้คลุกคลีกับพี่อ๊อฟได้อะไรเยอะมาก ทั้งความรู้ วิธีคิด วิธีการเรียบเรียงเพลง ทำดนตรี ถือได้ว่าเขาเป็นครูของผมเลย

อะไรที่ทำให้ลาบานูนห่างหายไปจากวงการเพลง

หลังจากค่ายเพลงมิวสิคบั๊คส์เริ่มมีปัญหา ด้วยความที่เราให้เกียรติคนที่ปั้นเราขึ้นมา จึงเลือกที่จะอยู่กับค่ายต่อไป แต่พออยู่สักพักก็รู้สึกเหนื่อย ท้อ รู้สึกอิ่มในทางดนตรี บวกกับตอนนั้นเรียบจบปริญญาโท (คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์) เลยคิดว่าหยุดแล้วลองไปทำในสิ่งที่เราเรียนมา ผมจึงได้ทำงานเป็นเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลเกือบ 1 ปี แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุทางการณ์เมือง จึงโดนพักทางการเมือง

หลังจากนั้นก็ไปเป็นอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สอนวิชาด้านรัฐศาสตร์ อยู่ 3 ปีกว่า แล้วก็ลาออกเพราะพบว่ามีแต่คนขอเพลงของลาบานูนแล้วต่างก็ถามถึงว่าลาบานูนหายไปไหน ผมเลยคิดว่ายังมีคนที่อยากฟังเพลงลาบานูนอยู่ เลยชวนอนันต์ มือเบส กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ได้มือกลองใหม่แล้วก็ลองทำอัลบั้มแบบลองเชิง วัดฟีดแบคหลังจากที่ห่างหายไปนาน พอปล่อยเพลงออกมาปรากฏว่าลาบานูนก็มีทัวร์คอนเสิร์ตมาตลอด 3 ปี 

คิดว่าอะไรที่ทำให้แฟนเพลงยังรอการกลับมาอีกครั้งของลาบานูน

พอนั่งวิเคราะห์ดูผมคิดว่าเพลงของลาบานูนเป็นเพลงที่ผ่านกระแสทุกยุคทุกสมัยไปได้ เพลงอะไรจะมาก็แล้วแต่ แต่นี่คือเพลงของลาบานูน เพลงที่เป็นเอกลักษณ์แบบนี้ไม่มีใครเล่นได้นอกจากลาบานูน อย่างเพลง ‘ยาม’ ที่ปล่อยออกมาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ผมยังรู้สึกเหลือเชื่อเลยว่าทุกวันนี้คนก็ยังฟังเพลงนี้อยู่ 

ขณะที่กำลังทำอัลบั้มชุดใหม่อยู่นี้ผมเริ่มรู้สึกว่าเราพร้อมที่จะบินอีกครั้งหนึ่ง จะสำเร็จไม่สำเร็จไม่รู้ แต่ผมเชื่อว่าเพลงที่เอาถ้อยคำมาเรียบเรียงจนสวยหรูขนาดไหน มันยังไม่เท่าเพลงที่เกิดจากเรื่องราวจริงและเพลงที่แต่งออกมาจากความรู้สึกข้างใน

เมธี อรุณ
เมธี อรุณ

ช่วงที่ไม่ได้เล่นดนตรีเป็นอย่างไรบ้าง

ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้เเตะกีตาร์เลย เคยคิดที่จะขายกีตาร์ที่มีอยู่ทั้งหมดด้วยซ้ำ ทั้งหมดตีมูลค่าเกือบ 5 แสนบาทแต่ผมจะขายในราคาแค่แสนกว่าบาท สุดท้ายก็มีเรื่องที่ทำให้ไม่ได้ขาย ผมคิดว่าสิ่งเหล่านั้นมันคงไม่อยากจากผมไป บางครั้งที่เห็นกีตาร์น้ำตาผมก็ไหลให้กับเรื่องราวที่ผ่านมา

ตอนที่เป็นอาจารย์ นักศึกษารู้ไหมว่าคุณคือนักร้องวงลาบานูน

รู้ครับ ถ้าเรียนกับ อ.เมธี เด็กลงเรียนเต็มตลอด เวลาเด็กประเมินคุณภาพอาจารย์ผมก็ได้เต็ม ช่วงที่มหาวิทยาลัยรับอาจารย์เข้ามาใหม่ก็จะให้มาดูวิธีการสอนของผม เพราะถือว่าเป็นแบบอย่างของอาจารย์รุ่นใหม่ๆ เวลาสอนก็ต้องบริหารจัดการเวลาให้ดี ทำอย่างไรให้ไม่น่าเบื่อ 

ชีวิตความเป็นอาจารย์เหนื่อยมาก ผมไม่เคยทำงานอะไรหนักเท่ากับการเป็นอาจารย์มาก่อนเลย ผมไม่ได้มองว่าสอนแค่ให้เด็กจบปริญญาตรี แต่มองว่าเด็กที่เข้ามานั่งเรียนเหล่านั้นเป็นความหวังของพ่อแม่ เพราะฉะนั้นข้อมูลอะไรก็แล้วแต่ที่เราพูดออกไปนั่นหมายความว่าเขาจะจดจำไปตลอด เราจึงต้องรับผิดชอบสิ่งที่เราพูดออกไป ต้องค้นคว้าแหล่งอ้างอิงอย่างเต็มที่ เพราะนั่นคืออนาคตของเด็ก

ชอบบทบาทไหนมากที่สุด 

ทุกอย่างมีจุดแข็งของมันหมด แต่สิ่งที่เหมือนกันหมดก็คือการทำเพื่อคนอื่นแล้วเราก็มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรี นักการเมือง และอาจารย์ บทบาททั้ง 3 อย่างนี้แทบไม่ได้แตกต่างกันเลย ปลายทางของมันคือความสุขทั้งหมด เพียงแต่การเป็นนักดนตรี เป็นศิลปินมันมีเวลาให้ตัวเราเองมากที่สุดและมีเวลาพักผ่อนเยอะที่สุด 

บทบาทด้านศาสนาเป็นอย่างไรบ้าง

การเมืองกับศาสนาช่วงที่อยู่สตูลเป็นของคู่กัน ชาวบ้านที่นั่นเขาจะมองว่าผมเป็นผู้นำ ซึ่งผมก็ปฏิบัติตามหลักศาสนาอย่างดีที่สุด ส่วนกระแสวิจารณ์เรื่องการเป็นศิลปินที่ภาพลักษณ์ดูจะขัดกับศาสนา ผมว่ามันคนละส่วนกันครับ อาจจะมีมุมที่คนอื่นโจมตีบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเท่าไหร่ เพราะเรารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ 

ชีวิตส่วนตัวของนักร้องนำวงลาบานูนเป็นอย่างไร

ผมใช้ชีวิตเรียบง่ายมาก วันที่ผมมีความสุขก็คือได้กลับมาบ้าน เตะบอล การทัวร์คอนเสิร์ตจริงอยู่ที่ได้เงิน แต่ถ้าได้อยู่นิ่งๆ เขียนกลอน เขียนเพลง ได้อยู่กับพี่น้อง เพื่อนๆ นั่นแหละชีวิตมีความสุขแล้ว พยายามปลง ไม่ยึดติดกับอะไรมาก เพราะเวลามันแสนสั้นนัก ใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า 

เขาคือผู้ที่ทำให้สำเนียงและเสียงร้องภาษาที่แตกต่างถูกถ่ายทอดออกมา