คริส หอวัง
ภาพผู้หญิงใส่เสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวใหญ่ๆ ถือพู่เชือกฟางสองข้าง ส่ายสะโพกไปมา ในโฆษณาแชมพูยี่ห้อหนึ่ง นับว่าเป็นก้าวแรกของเธอที่ทำให้เราได้รู้จักกับผู้หญิงที่ทั้งเซ็กซี่และเก่งเรื่องงานในคนๆ เดียว ครั้งนี้ถึงเวลาแล้วที่เธอจะมาอวดเรือนร่างสวยๆ ให้กับหนุ่มๆ MiX ได้ชมกัน
“ตื่นเต้นมากๆ ค่ะ ครั้งแรกที่คุยกับพี่หนิง (สไตลิสต์สาวสวยของเรา) ก็เลือกกันว่าจะเป็นแบบไหนดี สตรีทแวร์ หรือว่าสปอตแวร์ดี คือคริสคิดว่าคริสไม่ได้เซ็กซี่มาก แต่พี่เขาก็ช่วยเลือก สรุปมาได้คอนเส็ปต์เป็นแบบผู้หญิงลุยๆ หน่อย ที่ต้องเดินป่า เดินบ้าง นั่งบ้าง เหนื่อยก็พัก เดินไปเรื่อยๆ เหมือนว่าชอบป่า แล้วก็มาท่องเที่ยวด้วย
“คริสชอบแบบนี้นะ เพราะว่ามันดูเท่ๆ ดี เวลาถ่ายรูปก็ทำให้เรามั่นใจ ถ้าให้แบบเซ็กซี่สุดๆ เลย คงต้องยกให้พี่อั้มมากกว่า คริสคงไม่ไหว (หัวเราะ)”
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่านอกจากเธอจะชื่อ คริส แล้ว เธอยังมีอีกชื่อว่า ศิริน นั่นทำให้เธอต้องเล่าย้อนไปไกลถึงตอนที่เธอเป็นเด็กๆ เลยทีเดียว
“จริงๆ แล้วชื่อ คริส คือชื่อจริงๆ ของคริส แต่ตอนนั้นมีกฎหมายออกมา เป็นช่วงเดียวกับที่คริสต้องเข้าโรงเรียนที่เมืองไทย แล้วเขาก็บังคับว่าห้ามมีชื่อฝรั่งพยางค์เดียว ชื่อเดียว อย่างน้องสาวคริส ก็คือ ดญ.พลอย หอวัง ของคริสก็คือ ดญ.คริส หอวัง แต่ชื่อพลอย เขานับเป็นชื่อภาษาไทย พยางค์เดียวได้ไม่เป็นไร แต่ของคริสเป็นชื่อฝรั่ง พยางค์เดียวห้ามใช้ คุณพ่อคุณแม่เขาก็เลยไปปรึกษาพระให้ช่วยตั้งชื่อให้ จนได้ชื่อ ศิริน ทำให้ชื่อที่อยู่ในบัตรประชาชนก็เลยเปลี่ยนเป็น ศิริน หอวัง แต่คริสก็ยังฝังใจตั้งแต่เด็กๆ ว่าเราไม่ได้ชื่อนี้นะ
“แล้วหลังจากนั้นประมาณ 2 ปี กฎหมายนั้นก็ถูกยกเลิก แต่คริสก็ไม่ได้เปลี่ยนกลับแล้วล่ะ เพราะว่ามันจะวุ่นวายมาก ปัจจุบันเวลาเซ็นต์หรือกรอกอะไรก็จะเป็น ศิริน หอวัง ทั้งหมด”
คริสเรียนโรงเรียนอินเตอร์ตั้งแต่เด็กๆ จากนั้นเธอก็ได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา และจบทางด้าน Dance จาก California Institute of Arts มา พอกลับมาเมืองไทย เธอก็เริ่มต้นชีวิตการทำงาน
“มีคนเคยบอกว่าคริสบ้างาน ถึงขนาดมองว่าเป็นโรค Workalholic บ้างานเลยก็มี แต่จริงๆ อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่ คริสเคยบ่นเหมือนกันเวลาที่ทำงานหนักๆ เหนื่อยๆ แต่พอมานั่งมองหรือคิดอีกมุมหนึ่ง เรามีโอกาสได้เรียนในสิ่งที่หลายๆ คนไม่ได้เรียน มีโอกาสได้ทำงานดีๆ หลายๆ อย่าง เช่น เป็นดีเจที่ Fat Radio เป็น CJ ที่ Chic Channel ทำงานพิธีกร ถ่ายแบบ เป็นครูสอนเต้น ฯลฯ คือพูดง่ายๆ ว่าเราโชคดีกว่าคนอื่นตั้งเยอะ แล้วเราจะมานั่งเบื่อ นั่งเศร้าทำไม ก็เลยต้องทำหน้าที่ ทำในสิ่งที่เรารักให้ดีที่สุดค่ะ”
นอกจากงานที่เธอว่ามาแล้ว ตอนนี้เธอยังมีงานแสดงภาพยนตร์ที่นับได้ว่าเป็นการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว หลังจากที่เราได้เห็นเธอผ่านทางโฆษณากันไปแล้ว
“หนังที่กำลังจะฉายชื่อเรื่อง อีติ๋มตายแน่ เป็นหนังเรื่องแรกของคริส พี่ต้อม ยุทธเลิศ เป็นคนกำกับ หลายๆ คนอาจจะมองว่าพี่เขาโหด แต่จริงๆ แล้วใจดีและน่ารักมาก แล้วก็ได้พระเอกอย่างพี่โน้ส อุดม หลายๆ คนคาดหวังว่าจะต้องได้เห็นอะไรตลกๆ แน่ๆ แต่จริงๆ จะเป็นอย่างไร ขออุบไว้ก่อน แต่บอกได้ว่าถ้าได้ดูหนังจบแล้ว ทุกคนจะต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อีติ๋ม มันสมควรตายจริงๆ”
เธอบอกว่าชอบผู้ชายที่ตั้งใจและมุ่งมั่นกับการทำงานมากๆ เพราะเป็นสิ่งที่เธอเห็นแล้วจะรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่มากๆ เลย
“ถ้าให้คริสมองผู้ชายว่าคนไหนเซ็กซี่ คริสมองไม่ออกหรอกค่ะ แต่ถ้าบอกว่าผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ไหม คริสจะมองไปถึงเรื่องเวลาเขาทำงาน อย่าง เป้ วงสเลอ ถามว่าเขาเซ็กซี่ไหม ก็คงไม่ แต่เวลาที่เขาหยิบกีตาร์มา ถือว่าเขาเซ็กซี่มากๆ เขาอินกับสิ่งที่เขาทำ ก็นั่นล่ะ คริสรู้สึกว่าเขาเซ็กซี่ หรืออย่างนักแข่งรถ เวลาที่เขาอยู่ในยูนิฟอร์มของเขา กำลังตั้งใจแข่ง คริสก็จะรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ดี”
เราลองแหย่ๆ ถามถึงจูบแรกของเธอ นึกว่าเธอจะไม่ตอบ แต่เธอก็บอกกับเราว่ามันเกิดขึ้นสมัยเรียนไฮสคูลที่บอสตัน ตอนนั้นเธอได้รู้จักกับ Visual Artist ชาวญี่ปุ่น
“ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เหงื่อแตก คิดอะไรไม่ออก มันเกิดขึ้นที่งานโรงเรียน แต่ถ้าให้กลับไปมอง คริสมองว่าตอนนั้นเป็นเรื่องของเด็กๆ มากกว่า เพราะว่าเราก็ปลื้มเขา เพราะเขาเป็นคนเก่ง ไม่เคยไปกินข้าวหรือไปเที่ยวด้วยกันหรอก ตอนนั้นก็คิดเหมือนกันนะว่าเขาเป็นแฟนเรา แต่พอโตมาถึงได้รู้ว่า มันเป็นแค่รักแบบเด็กๆ แค่นั้นเอง”
นั่นคือเรื่องในอดีต แต่ปัจจุบันเธอมีคนคอยดูแลหัวใจเธออยู่แล้ว นั่นก็คือ กุ๊ยอุ๋ย นที เอกวิจิตร์ แห่งวง Buddha Bless
“คบกันมาได้ 2 ปีแล้วค่ะ เหตุผลหนึ่งเลยก็คงเป็นเพราะเขาเป็นคนดี เลยทำให้เราสองคนเข้าใจกันได้ไม่ต้องทะเลาะกันมากเท่าไร ที่ทะเลาะกันบ้างก็มี แต่ว่าจะเกิดขึ้นจากคริสซะมากกว่า แต่เขาก็จะให้อภัย ทำให้คุยกันรู้เรื่อง ถ้าถามเรื่องแต่งงาน คริสไม่เคยตั้งไว้ว่าผู้หญิงห้ามเกิน 30 ปี ต้องแต่งงาน เพราะว่าคริสว่ามันใช่เมื่อไรก็คงอยากแต่งเอง
“สำหรับคริสตอนนี้ยังสนุกกับงานที่ทำอยู่ ยังอยากไปเที่ยว ไปทะเลอยู่ แล้วที่สำคัญก็คือยังไม่อยากมีลูกด้วย เพราะคริสคิดว่า การที่คนเราจะแต่งงานกันนั้นต้องคิดอยากมีลูกด้วย ถ้าไม่ได้คิดอยากมีลูก แล้วจะแต่งไปทำไมล่ะ พูดง่ายๆ ก็คือถึงวันนั้นเมื่อไร พร้อมแล้ว อยากมีลูกแล้ว อยากมีครอบครัวแล้ว เต็มที่กับชีวิตที่อยู่คนเดียวแล้ว จะช้าหรือเร็วก็ได้ วันนี้ยังตอบไม่ได้ พรุ่งนี้อาจจะอยากมีลูกแล้วก็ได้ แต่ ณ วันนี้ยังไม่อยากมี สำหรับคริสตอนนี้ ทำงานก่อนดีกว่า เพราะตอนนี้กำลังสนุกกับงานเลยค่ะ”
“คริสทำงานหนักมาก เวลาที่กลับมาบ้านก็จะเปลี่ยนชุดเลย เพราะว่าเราต้องการให้เราสบายที่สุด เวลานอนก็เหมือนกัน ก็ใส่ชุดนั้นนั่นล่ะนอน เพราะมันสบายมากๆ เคยแก้ผ้านอนเหมือนกัน คือไม่ได้ตั้งใจนะ พอเราอาบน้ำออกมา แล้วก็นั่งอ่านหนังสือแล้วก็หลับไป”
ครับ เชื่อแล้วครับว่างานหนักจริงๆ