กับหวัดสายพันธุ์ใหม่

กับหวัดสายพันธุ์ใหม่

ครั้งหนึ่งมีไข้หวัดสายพันธุ์ที่รุนแรงและคร่าชีวิตมนุษย์ไปกว่าห้าสิบล้านคน เราเรียกไข้หวัดครั้งนั้นว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สเปนรวมทั้งยังมีไข้หวัดสายพันธุ์อื่นๆ ที่คอยเข้ามาทดสอบมนุษย์ตลอด เช่น ไข้หวัดใหญ่เอเชีย ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง ไข้หวัดใหญ่รัสเซีย แต่ละครั้งก็ทำให้ต้องสูญเสียผู้คนไปจำนวนไม่น้อย และในปี 2009 ก็เป็นอีกครั้งที่เราต้องเผชิญกับเชื้อไวรัสหวัดที่สามารถคร่าชีวิตคนได้

 

หากเทียบกันแล้ว ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 นั้น ยังไม่มีความรุนแรงเท่ากับ Sars หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน)กับ ไข้หวัดนก เนื่องจากการออกฤทธิ์ในการคร่าชีวิตคนนั้นอยู่ในระยะที่นานกว่า แต่กลายเป็นว่าทำให้น่ากลัวยิ่งขึ้น เพราะทำให้เชื้อมีเวลาในการแพร่ขยายจากคนที่ติดเชื้อไปสู่อีกคนหนึ่งได้นานขึ้น และเจ้าไข้หวัด 2009 นี่เองที่ทำเอาวงการเขียงหมูสั่นสะเทือน เพราะชื่อแรกของมันที่ถูกตราไว้ให้คนทั้งโลกรู้จักคือ “ไข้หวัดหมู” ทำเอาหลายคนหลีกลี้หนีหน้าให้กับหมูกันหมด 
ต่อมาจึงต้องเปลี่ยนชื่อเรียกโดยใช้แหล่งกำเนิดของโรคเป็นชื่อเรียกแทนว่า “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก” ก่อนที่องค์การอนามัยโรคจะให้เรียกชื่อโรคนี้ว่า “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009H1N1” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009”

 

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ชนิด A H1N1 มีลักษณะพันธุกรรมหรือยีนที่ประกอบไปด้วยเชื้อไข้หวัดใหญ่ถึง 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน นั่นคือ เชื้อไข้หวัดใหญ่จากมนุษย์ เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ และเชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย ที่มาของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ คาดกันว่ามาจากการที่มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมโดยมีหมูเป็นพาหะนำโรค โดยหมูอาจจะได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่จากคน รวมถึงติดเชื้อไข้หวัดหมูเข้าไปรวมกัน จึงทำให้เซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสโจมตีและเกิดการผสมกลายเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู แต่ไวรัสตัวนี้สามารถแพร่ระบาดด้วยการติดต่อจากคนสู่คนได้ ดังนั้นหากเรากินหมูที่ไม่มีเชื้อไวรัสก็ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด

 

และหลังจากที่ข่าวการแพร่ระบาดของไข้หวัดชนิดนี้กระจายออกไป รัฐบาลหลายๆ ประเทศก็มีการรับมือกันอย่างเต็มที่ บางประเทศถึงกับฆ่าหมูทั้งประเทศ ซึ่งนั่นไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างแท้จริง เพราะไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ด้วยการ ไอ จาม โดยเชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย รวมทั้งติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อติดอยู่ และยังสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางจมูก ตา โดยการป้องกันตัวในเบื้องต้นนั้นก็ง่ายๆ เพียงแค่เราใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก และปาก เพื่อป้องกันเวลาจาม ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง หลีกเลี่ยงพาตัวเองเข้าไปในสถานที่เสี่ยง เช่น ชุมชนแออัด รวมทั้งควรงดเดินทางไปยังประเทศที่ติดเชื้อ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ หากเกิดอาการไข้อย่างรุนแรงและไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

 

สำหรับอาการของผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดชนิดนี้นั้น จะมีอาการคล้ายๆ กับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ มีไข้สูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไอ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างรุนแรง ท้องร่วง ปวดศีรษะ และอาการเหล่านี้จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆการกินยาแก้ปวดไม่ช่วยทำให้อาการต่างๆ เหล่านี้ทุเลา และเมื่อผ่านไปประมาณ 5 วัน จะหายใจลำบาก ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดการติดเชื้อและอักเสบขึ้นที่ปอด จนกระทั่งมีโอกาสเสียชีวิตได้ แต่หากถ้าผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรง และอาการอยู่ในขั้นไม่รุนแรง ก็มีโอกาสหายได้ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย

 

ณ วันที่เขียนต้นฉบับ (10/05/2552) ปัจจุบันมีคนไทยติดเชื้อแล้วหนึ่งคนแต่ก็ยังต้องรอผลอยู่ว่าเป็นไข้หวัดชนิดนี้หรือไม่เพราะต้องส่งผลไปตรวจที่สหรัฐฯ แล้วรอผลอีกเจ็ดวัน ก็ได้แต่เอาใจช่วยให้ปลอดภัย ส่วนใครที่สุขภาพแข็งแรงอยู่แล้วก็ควรดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อไรก็ตามที่แข็งแรง ไม่ว่าเชื้อโรคใดๆ ก็ทำอันตรายเราไม่ได้อย่างแน่นอน

ไข้หวัดเป็นโรคที่ไม่มียาตัวใดสามารถรักษาให้หายได้