ณิชา  สืบวงศ์ลี

ณิชา สืบวงศ์ลี

แม้จะเป็นการบริหารงานภายใต้กิจการครอบครัว แต่ด้วยวัยเพียง 25 ปี กับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของคุณปุย ณิชา สืบวงศ์ลีManaging Director ของบริษัท บอดี้เชพ คอร์ปอเรชั่นจำกัด จึงทำให้เธอต้องดูแลทั้งสามแบรนด์อย่าง บอดี้เชพ ปราณลีสปา และ คริสตี้ ฟร้องส์ ให้ก้าวต่อไปอย่างสวยงาม

 

“ที่ผ่านมาในด้านของการทำงานในตำแห่งผู้บริหารอาจไม่ค่อยมีปัญหาเท่าใดนัก เพราะปุยได้มีโอกาสทำงานกับทุกฝ่ายมาก่อนที่จะเข้ามาทำตำแหน่งนี้ จึงทำให้เราได้เรียนรู้งานและเรียนรู้คนในตำแหน่งต่างๆ อยู่บ้างแล้ว เลยทำให้ลดช่องว่างไปได้ค่ะ แต่การจะบริหารกิจการของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นจากเดิมให้ได้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย จริงอยู่เราต้องคงคุณภาพสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐาน แต่ถ้าเราไม่พยายามยามคิดหาวิธีในการพัฒนาให้มันดียิ่งขึ้น เราก็จะเป็นแค่ส่วนหนึ่งใน Market Share”

 

ก้าวแรกสู่โลกธุรกิจ

“จากการที่มีความสนใจในเรื่องของคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็กๆ ปุยจึงสนใจเรียนทางด้านไอที เมื่อเรียนจบมาทางด้านสาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่เพนซิลวาเนีย สเตท ยูนิเวอร์ซิตี ก็ได้เริ่มจากเข้ามาทำด้านไอทีที่บริษัทก่อนเลยค่ะ ตอนนั้นบอดี้เชพกำลังจะขยายสาขาจากที่มีอยู่ 18 สาขา และคริสตี้ ฟองซ์มีอยู่ 20 สาขา วันเวลา 4 ปีที่ผ่านมาของปุยก็สามารถขยายได้เกือบ30 กว่าสาขาแล้วค่ะ

 

“เราวางตำแหน่งของบอร์ดี้เชพไว้ในส่วนของกลุ่มลูกค้าเกรด B- ถึง A โดยจะครอบคลุมในส่วนที่เป็นตลาดคุณภาพ และปริมาณทุกวันนี้เราจึงมีทั้งหมด 67 สาขาด้วยกัน และเราสามารถพูดได้เลยว่าเราอยู่ในอันดับหนึ่ง เนื่องจากว่าเราจับกลุ่มลูกค้าไว้ได้ทุกกลุ่ม”

 

ช่องว่างที่บอดี้เชพมองเห็น

“การที่เราสามารถอยู่ในอันดับหนึ่งได้ นั่นก็เพราะว่าเรามองเห็นช่องว่างทางการตลาดที่เกิดขึ้น เราจึงแตกไลน์ออกมาเป็น คริสตี้ฟร้องส์ เรามองว่าเรื่องของการเข้าคอร์สลดน้ำหนักนั้นจะเป็นในส่วนของคนที่มีกำลังซื้อในระดับหนึ่งและกลุ่มลูกค้าจะเป็นคนในกรุงเทพฯ เป็นหลัก แต่ในทางด้านของต่างจังหวัดยังไม่มี เราจึงมองเห็นและแตกแบรนด์ออกมาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยจะอยู่ตามจังหวัดใหญ่ๆ เป็นหลัก แต่สำหรับในกรุงเทพฯ คุณอาจจะไม่ค่อยเห็น เพราะเราได้แบ่งตลาด ซึ่งหนึ่งในพรีเซ็นเตอร์ที่สร้างเสียงตอบรับที่ดีและคุณอาจจะจำได้ก็คือคุณซีแนม AF1 นั่นเอง”

 

“เราโดดเด่นในเรื่องของ Innovation คือเรามีการทำวิจัยในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ เรื่องของการให้บริการ เรื่องของสินค้าที่ผู้บริโภคนำไปใช้ได้เองที่บ้านหรือใช้ในสาขาเราเอง ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ หรืออาหารเสริมเพื่อการดูแลรูปร่างต่างๆ เรามีมาตรฐานที่สามารถสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าได้ว่า เราใส่ใจในการดูแลรูปร่างคุณจริงๆ”

 

คลื่นลมแห่งเศรษฐกิจกับโปรเจ็คท์ใหม่ล่าสุด

“ถ้าดูจากปี พ.ศ. 2540 ที่ผ่านมา ต้องบอกว่ามีผลบ้าง แต่ไม่กระทบต่อการเติบโตเสียทีเดียว เพราะผู้บริโภคก็ยังมีความสนใจในด้านความสวยความงามและการลดน้ำหนักอยู่ จนมาปี พ.ศ. 2552 ผู้บริโภคก็ยังให้ความสนใจในตรงนี้อยู่ แต่เขาอาจมีเงื่อนไขในความคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งทางบอดี้เชพเองก็ได้ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งกับจุดนี้ค่ะ”

 

“ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ เราจะมีการเปิด บอดี้เชพ คาเฟ่ ซึ่งจะเป็นร้านกาแฟสดที่สามารถควบคุมน้ำหนักได้ ซึ่งจะดึงลูกค้าคอกาแฟที่สนใจและชอบดื่มกาแฟอยู่แล้ว ด้วยแนวคิดที่ว่าแต่ทำไมคุณไม่ดื่มกาแฟที่ชอบไปพร้อมๆ กับการรักษารูปร่างตัวเองไปด้วยล่ะ เราจึงออกโปรเจกต์นี้ขึ้นมาเพื่อรองรับ ซึ่งจะมีทั้งช็อปและคอร์นเนอร์หลากหลายรูปแบบ โดยมีเป้าว่าจะเปิดให้ได้ 50สาขา ภายในปีนี้ค่ะ”

 

ปรัชญาในการทำงาน

“คุณพ่อสอนอะไรให้เราได้เรียนรู้หลายต่อหลายอย่าง โดยมีสิ่งหนึ่งที่เราจับมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในการดำเนินชีวิตและการทำงานก็คือคุณพ่อจะปลูกฝังด้วยคำพูดของ จอห์น เอฟ เคเนดี้ อดีตประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐฯ ว่า “Ask Not What the Country Can Do for You, But Ask What You Can Do for the Country” ซึ่งเราต้องเข้าใจก่อนว่าคำว่าCountry นั้นมันแปลความหมายได้หลากหลาย ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นในส่วนของประเทศเท่านั้น อาจจะหมายถึงสังคมของคุณบ้านของคุณ ออฟฟิศของคุณหรืออะไรก็ได้ค่ะ คือไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เราจงอย่าไปถามหรือเรียกร้องอะไรจากใคร แต่จงถามว่าเราได้ทำอะไรให้แก่ใครแล้วหรือยังจะดีกว่าค่ะ

 

“สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานก็คือการทำงานกับคนและการใช้ความสามารถของคน เราต้องดึงความสามารถของผู้ร่วมงานของเราออกมาให้ได้มากที่สุด เราต้องนึกถึงใจเขาใจเรา การเป็นหัวหน้าไม่ได้หมายความว่าสั่งได้ทุกอย่างเพราะทุกวันนี้จะเน้นในเรื่องของ Two Way Communication มากกว่า เราต้องเคารพความคิด ต้องคุยกับเขา ไม่มีใครรู้ปัญหาทุกอย่าง หัวหน้าหรือผู้บริหารอาจจะรู้แค่กว้างๆ แต่ลูกน้องเขาจะรู้ปัญหาหน้างานได้ดีกว่าเรา เราจึงต้องฟังเขาด้วย และการที่เราให้เขาแสดงความคิดเห็นนั้นก็สามารถสร้างให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งกับงานและออฟฟิศ แล้วเขาก็จะมีใจกับการทำงานมากขึ้นค่ะ” 

 

วันว่างและอีกมุมหนึ่งของความฝัน

“ถ้าไม่ได้มาทำงานตรงนี้ ให้คิดเล่นๆ ก็คงอยากเป็นผู้กำกับนะคะ แต่น่าจะเป็นผู้กำกับละครเวที เพราะปุยเคยทำงานเบื้องหลัง 4ปี ใครจะรู้ว่าปุยเคยทำพาร์ทไทม์สมัยเรียนด้วยการไปทำไลท์ติ้ง แสง สี เสียงของละครเวทีด้วยนะคะ (หัวเราะ) มันคือความชอบน่ะค่ะ

 

“ปุยถูกเลี้ยงมาแบบให้กล้าคิดกล้าทำ กล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ก็ต้องมีสัมมาคารวะ และการที่มีพี่น้องสามคน เราเป็นคนโต ก็ต้องดูแลน้องๆ ด้วยความที่เป็นคนชอบลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ปุยจึงเปิดตัวเองในมุมกว้างเข้าหาสิ่งต่างๆ มากกว่าให้สิ่งต่างๆ เข้ามาหาเรา คืออยากทำอะไรก็ทำเลย ชอบดนตรี ชอบศิลปะ ชอบเต้นรำ แทงโก้ ซัลซ่า ได้หมด ล่าสุดก็ไปเข้าคลาสเรียนเต้นนิวยอร์ค ซัลซ่า ตอนนี้ที่คิดอยากลองเรียนก็จะเป็นพวกฮิพฮอพ เพราะถ้าว่างๆ ก็จะไปเต้นรำตลอด มีเพื่อนๆ ไปกันเยอะค่ะ ก็สนุกสนานกันไป นอกนั้นก็จะเป็นการพักผ่อนกับธรรมชาติด้วย เพราะครอบครัวจะชอบไปเที่ยวแบบธรรมชาติตั้งแต่เด็กๆ แล้วน่ะค่ะ จังหวัดไหนๆ ก็ลุยมาหมดแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นในคลับหรือผับอาจหาปุยยากหน่อย (หัวเราะ)”

ท่ามกลางคลื่นลมแห่งเศรษฐกิจที่แปรปรวนอยู่ในขณะนี้