Meralgia Paresthetica (ตอนที่1)
โรคนี้เป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการชา แสบ ร้อน รวมทั้งอาจมีอาการคันๆ หรือจั๊กจี้บริเวณต้นขาด้านนอก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่เส้นประสาทรับความรู้สึกของผิวหนังที่ต้นขาถูกกดทับ การสวมเสื้อผ้าที่คับเกินไป ความอ้วน หรือภาวะน้ำหนักเกิน และการตั้งครรภ์ ทั้งหมดเป็นสาเหตุของโรคที่พบได้บ่อย อย่างไรก็ตาม โรคนี้ยังพบได้จากการบาดเจ็บเฉพาะที่ หรือเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น เบาหวาน เป็นต้น
ส่วนมากแล้วเราสามารถบรรเทาอาการของโรคนี้ได้ง่ายๆ ด้วยการรักษาแบบอนุรักษ์นิยม เช่น ใส่เสื้อผ้าที่หลวมกว่าเดิม แต่ในกรณีที่อาการเป็นรุนแรง การรักษาอาจจะรวมไปถึงการกินยาเพื่อบรรเทาอาการ หรือแม้กระทั่งต้องผ่าตัด ซึ่งกรณีหลังพบได้ไม่มาก
สำหรับสาเหตุของโรคนี้นั้นเกิดมาจากเส้นประสาท Lateral Femoral Cutaneous Nerve ซึ่งปกติเส้นประสาทนี้จะทำหน้าที่รับความรู้สึกจากผิวหนังของต้นขาด้านนอกที่ถูกกดทับ หรือถูกหยิก และเส้นประสาทนี้เป็นเส้นประสาทที่รับเฉพาะความรู้สึกเท่านั้นจึงไม่ได้มีผลต่อการใช้กล้ามเนื้อขาแต่อย่างใด อีกทั้งคนส่วนใหญ่จะมีเส้นประสาทเส้นนี้ผ่านบริเวณขาหนีบถึงต้นขาด้านบนโดยไม่มีปัญหา แต่ในโรค Meralgia Paresthetica เส้นประสาท Lateral Femoral Cutaneous Nerve จะเกิดปัญหาใต้ inguinal ligament ได้บ่อย ซึ่ง inguinal ligament จะวิ่งจากช่องท้องผ่านบริเวณขาหนีบถึงต้นขาส่วนบน
พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้มีโอกาสเกิดโรคนี้ก็อย่างเช่น การสวมใส่เสื้อผ้าที่คับเกินไป โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ใส่กางเกงขาเดฟ หรือกางเกงรัดๆ รวมไปถึงสภาวะน้ำหนักเกิน หรือผู้ที่เป็นโรคอ้วน การตั้งครรภ์ก็มีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคนี้เช่นกัน แม้แต่การมีรอยแผลเป็นใกล้กับบริเวณ inguinal ligament ซึ่งอาจเกิดจากอุบัติเหตุ หรือการผ่าตัดครั้งก่อนๆ ก็เช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น การยืน เดิน หรือปั่นจักรยานเป็นเวลานานๆ ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนั้นแล้ว ภาวะเส้นประสาทบาดเจ็บ อาจจะเกิดจากเบาหวาน หรืออุบัติเหตุจากการคาดเข็มขัดนิรภัยภายหลังได้รับอุบัติเหตุทางยานพาหนะ ก็เป็นสาเหตุของโรค Meralgia Paresthetica เช่นกัน
ฉบับหน้า จะเล่าถึงสภาวะที่เสี่ยงต่อโรค รวมไปถึงการตรวจและวิธีการรักษาในแบบต่างๆ รวมทั้งวิธีรักษาแบบธรรมชาติบำบัดด้วยครับ
ไทฟอยด์ป้องกันได้
ไข้ไทฟอยด์ หรือไข้รากสาดน้อย ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และสามารถติดต่อผ่านทางอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียจากอุจจาระหรือปัสสาวะของผู้ป่วย อาการของโรคจะมีไข้สูงเป็นระยะเวลานาน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ม้ามโต ชีพจรเต้นช้า มีจุดแดงตามลำตัว ไอแห้งๆ และพบว่ามีอาการท้องผูกมากกว่าท้องร่วง การป้องกันทำได้โดยการฉีดวัคซีน แต่นั่นก็อาจไม่สามารถป้องกันได้ถ้าหลังรับวัคซีนแล้วได้รับเชื้อเป็นจำนวนมาก ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ดื่มน้ำต้มหรือน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว และล้างมือให้สะอาด
ส้มตำ ลดอ้วนยอดเยี่ยม
ส้มตำมีไขมันต่ำ ไม่มีคอเรสเตอรอล เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการบริโภคอาหารตามแบบตะวันตก เช่น ฟาสต์ฟู้ด ซึ่งอาหารเหล่านี้เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน เบาหวาน และไขมันในเส้นเลือด นอกจากนั้นส้มตำยังช่วยทำให้อิ่มเร็ว ทำให้ขับถ่ายสะดวก แถมยังช่วยขับถ่ายของเสียรวมทั้งขับสารพิษต่างๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ เช่นนั้นแล้ว ใครที่อยากลดความอ้วนแบบง่ายๆ ก็เลิกอาหารฝรั่ง แล้วหันมากินอาหารไทยๆ อย่างส้มตำแทน รับรองลดพุงแน่นอนครับ