Vertigo
นี่เป็นเพียงแค่ความรู้สึกแรกที่คุณจะได้สัมผัสหากไปยืนอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมบันยันทรี ชั้น 61 ในห้องอาหารที่ชื่อ Vertigo
ห้องอาหารแห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 จากแนวคิดของลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่อยากจะดินเนอร์ในบรรยากาศดาดฟ้า รับลมธรรมชาติ แรกเริ่มอาหารของที่นี่เป็นประเภทบาร์บีคิว มีเพียงแค่ 4-5 โต๊ะ จากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก มีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์บนชั้นดาดฟ้าให้กลายเป็นเรือลำใหญ่ที่สามารถรับแขกได้กว่า 150 ท่าน โดยแบ่งเป็น2 โซน โซนหนึ่งคือ มูนบาร์ เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนสบายๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า โซนที่ 2 คือVertigo ห้องอาหารที่ให้บริการอาหารสไตล์ตะวันตกหลากชนิด ให้คุณได้เลือกสั่งและลิ้มลองอาหารจากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี มีให้เลือกตั้งแต่ 4 จาน ในราคา 2,800++ บาท จนถึง 9 จาน ในราคา 3,600++ บาท
จานแรกที่ถูกเสิร์ฟเห็นแล้วน่าทึ่งจริงๆ เพราะเขาหยิบ Appetizer มาให้ถึง 5 ชนิด เรียกว่า Vertigo Appetizer Place : Seared Bay Scallop, Seared Foie Gras, Caesar, Lobster Spring Roll และ Tuna Tartar มีตั้งแต่หอยเชลล์ชิ้นโตจากญี่ปุ่น ในจานนี้จะมีมาให้ 2 ชิ้นให้กินกับมะม่วงเพราะความหวานของมะม่วงจะช่วยเพิ่มรสชาติของหอยเชลล์ให้อร่อยมากยิ่งขึ้น ฟัวกราก็มาในแบบชิ้นโตถึง 2 ชิ้นกินกับแยมลูกมะเดื่อเพื่อลดความเลี่ยน ซีซ่าร์สลัดก็อร่อย ผักโรเมนกรุบกรอบเข้ากันกับน้ำสลัดได้ดี ยังมีกุ้งลอบสเตอร์ที่นำมาผัดสไตล์ไทยๆ กับถั่วงอก กะหล่ำปลี แครอต ใส่น้ำมันหอยปรุงรสนิดหน่อย แล้วห่อเป็นปอเปี๊ยะให้ได้ลิ้มลองกัน รวมทั้งทูน่าทาร์ทาร์ที่เป็นเนื้อทูน่าสดปรุงรสกับอโวคาโด ด้านบนเป็นไข่ปลาแซลมอน ความหวานของเนื้อปลากับความมันกรอบของอโวคาโดช่างเข้ากับไข่ปลาแซลมอนได้ดีจริงๆ ทั้งหมดเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมี Main Course รออยู่
จานต่อไปเป็นซุปฟักทอง Butternut Squash Velout, Pumpkin Tortellini จะเสิร์ฟมาพร้อมกับเกี๊ยวฟักทองบด โดยเนื้อฟักทองที่นำมาใช้เป็นพันธุ์ฟักทองที่มีความหอมกว่าปกติ ทำให้ซุปจานนี้หวานหอมกลมกล่อมมากๆ
จากซุป คั่นด้วยเชอร์เบทที่ให้รสเปรี้ยวนิดๆ เพื่อล้างรสชาติอื่นๆ ที่กิน และนั่นหมายความว่าจานต่อไปที่จะถูกเสิร์ฟมาเป็น Main Course หรือพระเอกของเราในวันนี้ ซึ่งทางร้านเลือกมาให้ 2 จาน จานแรกเป็น Roasted Snow Fish, Warm Capers Olive Vinaigrette, Roasted Butternut Squash ปลาหิมะชิ้นใหญ่ที่นำไปทอดและอบประมาณ 15 นาที เนื้อปลาไม่สุกมาก นุ่มกำลังดี เหตุผลที่เชฟไม่ทำให้เนื้อปลาสุกเป็นเพราะปลาหิมะบางที่เขาก็ใช้ทำซาซิมิ แต่หากใครชอบสุกๆ ก็สามารถบอกเชฟได้เช่นกัน ยังมีพริกหวาน ลูกเคเปอร์ที่ให้รสชาติเปรี้ยว เค็ม ซึ่งช่วยให้รสของปลาหิมะอร่อยขึ้นกว่าเดิม
Main Course จานที่ 2 เป็น Rosemary Scented Oven Roasted Rack of Lamb, Tabouleh, Capsicum เนื้อแกะออสเตรเลียที่ผ่านการหมักด้วยโอลีฟออยล์ เกลือ พริกไทย และโรสแมรี่ เพื่อดับกลิ่นแกะ เนื้อแกะจะถูกนำไปย่างให้พอสุกประมาณ 15 นาที เนื้อจะนุ่ม ไม่มีกลิ่นสาปมารบกวน เนื้อไม่เหนียว กินง่าย โดยเชฟจะเสิร์ฟให้กินกับสลัดผักชี มีซอสโรสแมรี่ไว้ราดเพื่อเพิ่มรสชาติ
สุดท้ายของหวานก็มีหลายอย่าง แต่ครั้งนี้เชฟเลือก Tiramisu, Kahla Jelly ทีรามิสุคาลัวเจลลี่ มาให้กิน เนื้อเค้กนุ่มอย่าบอกใครกลิ่นกาแฟกับคาลัวเจลลี่ก็เข้ากันได้ดี
สำหรับใครที่ชื่นชอบดื่มไวน์ ที่นี่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านไวน์ (Wine Sommelier) ที่พร้อมจะคัดสรรไวน์ชั้นดีจับคู่กับอาหารมื้อค่ำของคุณ ให้มื้อนี้เป็นมื้อที่คุณไม่อยากเลือน
How to Go?
โรงแรมบันยันทรีอยู่บนถนนสาทรใต้ หากเดินทางมาจากเส้นพระราม 4 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทร สังเกตทางซ้ายมือ จะเห็นโรงแรมตั้งอยู่ และหากมาจากทางสะพานตากสิน ก็ต้องกลับรถตรงสุดถนนสาทร ที่นี่เปิดให้บริการ 18.30-23.00 สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ โทร. 0-2679-1200 (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ เนื่องจากเป็นชั้นดาดฟ้าและไม่มีหลังคา)