ธนพร ธนากิจอำนวย

ธนพร ธนากิจอำนวย

นอกจากเธอจะเป็นลูกสาวคนสำคัญของคุณปิยะ ธนากิจอำนวย กรรมการผู้จัดการบริษัท รีโน (ประเทศไทย) จำกัด แล้ว เธอยังเป็นหนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญที่สามารถผลักดันเสื้อผ้าแบรนด์ไทยอย่าง Workshop ให้โดดเด่นอยู่ในอันดับต้นๆ ของวงการแฟชั่นไทยได้อย่างน่าชื่นชม โดยเธอบอกว่าสิ่งสำคัญที่มีส่วนทำให้เธอสามารถบริหารและพัฒนาแบรนด์มาได้จนถึงทุกวันนี้ก็คือการเรียนรู้จากทุกคำสั่งสอนของคุณพ่อ เธอจึงไม่เคยกลัวที่จะเริ่มสร้างอะไรใหม่ๆ และไม่เคยหวาดหวั่นกับปัญหา เธอบอกกับเราว่าในเมื่อเดินหน้าแล้ว ก็ต้องก้าวต่อไปเรื่อยๆ หากเหนื่อยก็ผ่อนแรงลงบ้าง แต่อย่าหยุด เพราะเมื่อใดก็ตามที่หยุดพักเพียงแค่เสี้ยววินาที คนอื่นๆ ก็จะก้าวนำหน้าเราไปเสมอ

 

จุดเริ่มต้น

ด้วยความที่เติบโตมากับธุรกิจเสื้อผ้า เธอจึงผูกพันและวาดหวังที่จะสานต่อแบ่งเบาภาระทางด้านธุรกิจของผู้เป็นบิดาให้ได้ ดังนั้นเมื่อเธอจบการศึกษาด้านการบริหาร จึงได้ก้าวเข้ามาเรียนรู้งานอย่างเต็มตัว

 

“หมูหวานเรียนรู้งานมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กๆ ได้เห็นได้เห็นการทำงานของคุณพ่อ มันเหมือนกับทำให้เราได้เรียนรู้และซึมซับเข้าไปทุกวันๆ อยากจะเก่งให้ได้อย่างท่านบ้าง ก็เลยตัดสินใจเดินตามทางสายนี้ในที่สุด หมูหวานเริ่มเข้ามาดูงานที่ AIIZ career ก่อน โดยในแต่ละเดือนจะเปลี่ยนหน้าที่การทำงานไปเรื่อยๆ เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ และฝึกฝนการทำงานในชีวิตจริงได้
ทุกหน้าที่ความรับผิดชอบ เพราะเรากำลังเข้ามาทำงานของเราเองทั้งนั้น ทำจนครบปีก็ได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ จึงได้เห็นว่าเมืองไทยยังขาดสินค้าที่จะมาตอบโจทย์ประเภท Multi Brand ที่จะมีลูกเล่นของสินค้าหลากหลายสไตล์มาให้ลูกค้าได้เลือกเยอะขึ้น และสินค้าพวกนี้ยังไม่ค่อยมีอยู่ในห้างฯ สังเกตได้ว่าพอเราเข้าไปในห้างฯ แล้วจะพบว่าสินค้าประเภทนี้มีอยู่น้อยมาก ซึ่ง Multi Brand ที่มีอยู่หรือที่เราชอบนั้นราคาก็จะสูงมาก กำลังการซื้อก็จะถูกจำกัดลง ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มทาร์เก็ตที่สนใจจะเป็นกลุ่มนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบ หรือกำลังจะเริ่มทำงาน จนถึงทำงานแล้ว พวกเขาก็จะเป็นกลุ่มที่พอมีสตางค์ซื้อได้ เราก็เป็นคนชอบเสื้อผ้าสไตล์นี้อยู่แล้ว เพราะแม้ว่าเราจะเป็นคนใส่เสื้อผ้า ไม่ได้เป็นดีไซเนอร์ แต่เราก็อยากดึงความเป็นตัวเองผ่านออกมาทางการแต่งกายให้ได้มากที่สุดเช่นกัน และก็เชื่อว่าหลายๆ คนก็คิดแบบนั้นค่ะ”

 

แบรนด์เมเนเจอร์

“จากระยะเวลาในการทำงานที่ผ่านมาก็ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงขั้นตอนการทำงานอย่างมากมาย แล้ววันหนึ่งเราก็เสนอคุณพ่อว่าอยากทำแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งท่านก็บอกว่าถ้าอยากทำ เราต้องทำให้ดีที่สุด และเราควรต้องลงมือเอง เห็นปัญหา ลุยกับมันเองให้ได้ พอได้มาเริ่มทำเองจริงๆ ก็ได้เจอปัญหาเลยทีนี้ ทั้งๆ ที่เราได้มีการวางแผนไว้อย่างดี มีการสำรวจตลาด ดูความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ข้อดีข้อเสีย สิ่งที่ตอนนี้ตลาดยังไม่มีคืออะไรบ้าง แล้วเราก็คิดให้เหนือโดยการเอาเงื่อนไขหรือจุดเด่นของแต่ละอย่างมารวมกันให้ได้ แต่แล้วมันก็ทำให้เกิดปัญหาตามมาจนได้ ซึ่งเราก็ได้ข้อคิดมาว่า การเอาข้อดีของสินค้าหลายๆ ตัวมารวมกัน มันทำให้เกิดเงื่อนไขหรือข้อแม้ตามมาอีกมากมาย เราจึงได้เรียนรู้ไม่ใช่ว่าเราเป็นคนแรกที่คิดจะทำสินค้าลักษณะนี้ออกมา แต่ถ้าเขาทำแล้วมันเวิร์ค เขาก็คงทำกันไปนานแล้ว ก็เลยเป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้และหาวิธีในการจัดการ หรือแก้ไขปรับเปลี่ยนกันไป”

 

ปัญหาและอุปสรรค

“แน่นอนว่าการทำงานย่อมต้องมีปัญหามาให้เราได้แก้ไขอยู่เสมอ เพียงแต่ใจเราต้องยึดมั่นให้ได้ว่ามันไม่มีอะไรที่หนักเกินไปเกินกว่าที่เราจะรับมือกับไม่ได้หรอก เรามองว่าทุกปัญหาที่เกิดนั้นแก้ได้หมด ถ้ามันเป็นปัญหาเรื่องงาน เรามองว่าปัญหานั้นคือข้อสอบมากกว่า ถ้าเราไม่ทำข้อสอบเราจะประเมินตนเองได้อย่างไร แล้วเราจะเป็นคนไม่ทำงานนั่งโต๊ะอยู่นิ่งๆ แน่นอน จะไปที่ร้านไปดูแล ไปให้เห็นปัญหาให้ได้ ถึงว่าที่เป็นอยู่ในบางครั้งมันเพอร์เฟ็คแล้วก็ตาม แต่เราก็ยังต้องเอะใจนิดหนึ่งแล้วว่าตกลงมันเพอร์เฟ็คเกินไปรึเปล่า ต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทุกวันที่ทำงานไม่มีวันไหนที่ไม่มีปัญหา และนั่นแหละคืองานที่เราจะต้องทำ

 

“ความที่หมูหวานเป็นคนชอบถาม ชอบฟังความคิดเห็นของคนอื่น เพราะแต่ละคนความคิดเห็นมันจะไม่เหมือนกัน ยิ่งฟังไว้ให้มากๆ ก็จะได้ไอเดียในการทำงานมากขึ้นด้วย ส่วนในด้านการบริหารผู้ที่ให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดคือคุณพ่อ ส่วนด้านการขายหรือ
การบริการต่างๆ น้องๆ พนักงานขายในร้านจะเป็นผู้ที่สะท้อนสิ่งต่างๆ ให้เรารับรู้ได้อย่างดี”

 

คอนเส็ปต์ในการทำงาน

“จากการทำงานที่ผ่านมาหลายๆ ครั้ง ทำให้เราได้รู้ว่าในวิกฤตินั้นมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ อยู่ที่เราว่าจะหามันเจอหรือไม่แค่นั้นเองค่ะ สำหรับชีวิตการทำงาน หมูหวานจะเป็นคนบ้างานมาก ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทุกกระบวนการของการทำ กว่าเสื้อผ้าแต่ละตัวจะออกมาวางขายได้นั้นมันไม่ใช่ง่ายๆ เลย ทุกขั้นตอนกระบวนมันเป็นสิ่งที่เราจะต้องรู้ แล้วเราก็จะสนุกไปกับการ
หัวหมุนไปกับมันในแต่วัน”

 

ทำงานที่รัก

“การที่เราจะค้นหาว่าแท้จริงแล้ว เราชอบอะไรหรืออยากทำอะไรนั้น มันอยู่ที่มุมมองของเรามากกว่า ถ้าคิดในแง่ดี งานที่ทำอยู่ก็จะไปได้สวย เพราะงานของหมูหวานมันต้องใช้สมองสองส่วน คือด้าน Arts และ ด้าน Business ผสมผสานเข้าด้วยกัน เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดอะไรขึ้นเราต้องควบคุมมันให้อยู่ รวมถึงอารมณ์ของเราเองด้วยอะไรที่มันพลาดไป เราจะไปโมโหหงุดหงิดกับมันไม่ได้ มันจะพาลทำให้เราเสียไปหมด เราต้องเอนจอยไปกับมัน ถ้ามันไม่สนุก เราก็ต้องทำมันให้สนุกให้ได้ แล้วเราก็จะอยู่กับมันได้นาน”

 

สองปีที่ผ่านมา

“ทุกวันนี้ Workshop ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ คนตอบรับดีขึ้น แต่ก็พยายามหาทางให้มันเป็นเส้นกราฟพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้มันจะไปได้ดีแล้ว เราก็ยังต้องมีการปรับกลยุทธ์ มีการวางแผนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือเราไม่สามารถหยุดอยู่กับที่ได้ในโลกวงการธุรกิจ ถ้าเราหยุด คนอื่นก็จะแซงหน้าเราทันที เราได้เปรียบตรงที่ Workshop มี Decoration ที่หลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกตั้งหัวจรดเท้า เราไม่ได้คิดแค่ว่าผลิตสินค้าออกมาแล้วขายได้เท่านั้น กล้าพูดได้ว่าเราเนี้ยบทุกขั้นตอน ตั้งแต่คัดเลือกวัตถุดิบ คัตติ้งดีไซน์ ในบางครั้งดีไซน์เนอร์มีอารมณ์อยากทำเองก็มาฝากขายที่ร้านชิ้นสองชิ้น ซึ่งเป็นความตั้งใจที่อยากให้ร้านเราเป็นแบบนั้นเรียกได้ว่าอยากให้เสื้อผ้า หรือของแต่ละชิ้นในร้านมันกลายเป็น Piece of Arts มากกว่าจะเป็นเพียงแค่เสื้อ หรือเครื่องประดับเท่านั้น แถมเร็วๆ นี้กำลังจะเปิดที่เซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลพัทยาที่เพิ่งเปิดใหม่ และในอีกหลายๆ ที่ก็ยังอยู่ในแพลนของเราค่ะ”

 

ด้วยวัยเพียง 25 ปี กับตำแหน่งตำแหน่งหน้าที่การอันหนักอึ้ง แต่เธอก็ยังมีแง่คิดดีๆ อยู่เสมอว่า

 

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราต้องตั้งสติให้ได้ และพร้อมรับมือกับมัน มาลิสต์ดูว่าปัญหาคืออะไร แล้วค่อยๆ หาทางแก้ไขจัดการมันไปทีละเรื่อง ทีละขั้นตอน ทำให้ดีที่สุดที่เราสามารถทำมันได้ก่อน หลังจากนั้นไหวไม่ไหวค่อยหาทางกันต่อไป”

 

พลังของเธอนี่ละครับ ที่ทำให้ Workshop กลายเป็นห้องเสื้อแบรนด์ดังที่ใครๆ ต่างก็ให้ความสนใจ

ด้วยบุคลิกที่สดใส บวกกับการแต่งกายที่ดูสง่า