สรสิดา ชานนประภาส์
วันนี้เธอสามารถที่จะกล่าวคำพูดเหล่านี้ได้อย่างมาดมั่น แต่ถ้าถามย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้น กว่าจะก้าวมาถึงตำแหน่งผู้บริหารทุกวันนี้ สรสิดา ชานนประภาส์ Brand Director บริษัท สยาม โกลด์ แกลลอรี่ จำกัด เธอบอกได้คำเดียวว่ามันไม่ง่ายเลย ด้วยมีแต่ความตั้งใจแต่ไร้ประสบการณ์ จากที่เคยอยากมีเส้นทางของตัวเอง กลับผันตัวเองเข้าสานต่อธุรกิจของครอบครัวที่มีชื่อเสียงยาวนานอย่างเครือ บ้านช่างทอง กรุ๊ป ที่มีเอกลักษณ์คือ การผลิตทองคำงานฝีมือช่างโบราณ สำหรับ Goldlery เป็นการแตกไลน์ทางธุรกิจ จึงเป็นโพรเจ็กต์สำคัญที่เธอต้องผลักดันให้สุดแรง
“ไม่เคยวาดภาพว่าตัวเองจะต้องเข้ามาทำธุรกิจของครอบครัวคิดเลยค่ะ อยากทำงานในสายงานที่เราเรียนมามากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็คอยช่วยเหลืองานที่บ้านมาโดยตลอด คลุกคลีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยเรียน จนเรียนจบก็ทำตามความฝันของตัวเอง คือไปหางานทำข้างนอกเพื่อหาประสบการณ์ แต่สุดท้ายก็ค้นพบว่างานของครอบครัวเป็นสิ่งที่เราอยากทำ และทำได้ดีกว่า ส่วนการทำงานข้างนอกนั้นได้ช่วยให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้น
“การทำงานในฐานะที่ก่อตั้งแบรนด์น้องใหม่ขึ้นมา แม้ว่าจะอยู่ในเครือบ้านช่างทองที่หลายๆ คนคงรู้จักกันอยู่แล้ว แต่ก็ต้องอาศัยเวลา ความรอบคอบ และทีมเวิร์คที่ดีด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งเรียนรู้การทำงานจากพี่ชาย (บุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออสสิริส จำกัด และบริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด ผู้นำด้านการให้ความรู้และคำแนะนำในด้านการลงทุนในทองคำ) ซึ่งเราก็ได้ซึมซับความรู้ต่างๆ มาโดยไม่รู้ตัว แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังคงเข้าไปขอคำปรึกษา และข้อเสนอแนะอยู่เรื่อยๆ เพื่อนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับภาพรวมของธุรกิจในปัจจุบัน จึงทำให้แผนงานมีไดเร็คชั่นที่แน่นอนและชัดเจนมากขึ้นทุกวัน
แม้ Goldlery จะเปิดตัวธุรกิจมาได้เพียง 2 ปีเท่านั้น แต่ผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้านั้นกลับดีเกินคาด ด้วยเอกลักษณ์ทั้งหมดที่ชัดเจน จึงสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ไม่ยาก สินค้าของ Goldlery มี 2 กลุ่มคือ กลุ่มงานทองล้วน และกลุ่ม Mix & Match ถือเป็นการดีซายน์ผสมผสานระหว่างทองคำและหินสีจากธรรมชาติต่างๆ ได้อย่างสวยงามลงตัวและมีเอกลักษณ์
“นอกเหนือจากนั้น Goldlery ยังมีจุดเด่นตรงที่สามารถรองรับ Made to Order สำหรับลูกค้าที่ต้องการความแปลกใหม่ในสไตล์ของตนเอง ซึ่งกำลังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น เราได้เปลี่ยนมุมมองของเครื่องประดับประเภทนี้ใหม่เลยก็ว่าได้ ทำให้เครื่องประดับทองแม้ไม่ได้มีแต่เพียงทองคำแท้ทั้งเส้น ก็ดูสวยสง่า มีคุณค่าได้เช่นกัน กลุ่มเครื่องประดับ Made to Oder จึงเป็นเป้าหมายต่อไปที่เรากำลังพัฒนาต่อจากการสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น แม้เราอาจไม่ใช่เจ้าแรกที่ทำธุรกิจเครื่องทอง เครื่องประดับ ที่สามารถปรับเป็น Made to Order ได้ แต่เชื่อว่าความสามารถในการตอบโจทย์ของลูกค้าอย่างมีเอกลักษณ์ และมีความชัดเจนในแบรนด์ จะทำให้ Goldlery กลายเป็นที่จดจำได้ในไม่ช้า”
Know Her
>> ด้วยความที่เป็นคนชอบภาษา หลังจากปูพื้นฐานศิลป์ภาษาในชั้นมัธยมแล้ว เธอจึงเข้าศึกษา ต่อและจบปริญญาตรีเอกภาษาญี่ปุ่น คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างนั้นได้มีโอกาสเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น โครงการ Nikkensei ที่ Tokyo Gakugei University
>> จากนั้นจึงศึกษาต่อจนจบปริญญาโทใบแรกสาขา MSC Asian Politics จาก School of Oriental and African Stydies (SOAS), University of London
>> เมื่อเรียนจบ เธอได้เดินตามเส้นทางชีวิตของเธอเองด้วยการเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่นในชั้นมัธยมที่โรงเรียนสาธิตจุฬา จากนั้นเข้ารับตำแหน่ง Coordinator ที่ Japan Overseas Development Cooperation (หน่วยงานของรัฐบาลญี่ปุ่น) และต่อมาจึงประจำตำแหน่ง Commercial Officer ที่สถานทูตเบลเยี่ยม
>> ด้วยความที่มีนิสัยลุยๆ เฮฮา เลยทำให้เธอมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็นในด้านกีฬาหรือ สังสรรค์กับเพื่อนๆ ซึ่งเธอบอกว่า “จะปล่อยให้ตัวเองเครียดไม่ได้ ต้องออกไปแฮงก์เอาต์”
>> แต่เมื่อถึงเวลาทำงาน เธออาจจำเป็นต้องขรึมบ้าง เพื่อให้เกิดช่องว่างในการบริหารและ ดูแลลูกน้อง ให้ดำเนินไปอย่างมีปัญหาน้อยที่สุด นั่นคือสไตล์การทำงานของเธอ