ศราวดี-ศราวุธ  วิษณุคำรณ

ศราวดี-ศราวุธ วิษณุคำรณ

ทั้งสองคนเล่าว่าชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็กจากการที่ได้เห็นคุณพ่อ ชูศักดิ์ วิษณุคำรณ เป็นแบบอย่างที่ทำงานศิลปะอย่างจริงจัง ทั้งในด้านการออกแบบดีซายน์และรูปแบบของเพ้นท์ติ้งที่โดดเด่นน่าประทับใจ เมื่อทั้งสองคลุกคลีกับศิลปะมาตั้งแต่เด็ก จึงซึมซับ
ผลงานและวิธีคิดของพ่อ

 

หลังจากทั้งสองคนทำทางด้านงานศิลปะมาหลายสิบปี ได้บ่มเพาะประสบการณ์ที่หลากหลาย จึงร่วมมือกันเปิด “บริษัท รูปภาพ จำกัด” รับทำงานตกแต่งภายในเกี่ยวกับศิลปะทุกชนิด ตามออเดอร์ของลูกค้าว่าอยากได้แบบไหน ซึ่งส่วนใหญ่อยากได้งานศิลปะไปประดับบ้าน รีสอร์ท หรือสำนักงาน โดยคุณรูปให้ความเห็นว่า

 

“ลูกค้าที่ชอบศิลปะในรูปแบบไหนก็มาสั่ง ถ้าเขาชอบโขน เราก็จะดีซายน์ออกมาแล้วนำไปเสนอ  ในฐานะที่เราเป็นศิลปินก็จะไม่ทำให้สูญเสียความเป็นตัวเอง เพราะเราจะคุยกับนักธุรกิจที่อยากได้งานศิลปะ เรียกว่าพบกันคนละครึ่งทาง” คุณรูปให้ความคิดเห็น

 

“อะไรที่เป็น Commercial เราจะเฉื่อยไม่ได้เลย ถ้าเป็นในรูปแบบของธุรกิจด้วยแล้ว เรามีค่าใช้จ่ายในการทำงานเยอะ เราก็ต้องทำงานให้ดีและเสร็จตามกำหนดระยะเวลา ผมว่ามันเป็นอาชีพของเรา คือถ้าเป็นศิลปินที่ทำงานไม่ต้องแคร์ใคร ขายได้ไม่ได้ไม่รู้แบบนี้จะทำให้ครอบครัวเดือนร้อน เราต้องปรับตัวเองให้เข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง แล้วก็ใช้วิชาชีพที่เรามีแตกแขนงออกมา เราเป็นศิลปินอยู่ เพียงแต่เสริมตรงส่วนธุรกิจเข้าไป” คุณภาพกล่าวเสริม

 

ผลงานแต่ละชิ้นของพี่น้องคู่นี้ มีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ผลงานของคุณภาพจะเป็นแนวไฟน์อาร์ทจริงจัง เน้นหนักไปในทางศาสนาเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนของคุณรูปจะมีจุดเด่นตรงที่มีความเป็นพ็อพอาร์ต โมเดิ้ิร์น ดูสบายๆ

 

ด้วยการทำงานคนละสไตล์นี่เองที่ทำให้ผลงานมาสเตอร์พีชของแต่ละคนนั้นเมื่อจับมาคู่กัน จึงมีความโดดเด่น เหมือนกับความสดใสผสมกับแนวทางจริงจัง โดยทั้งสองท่านคัดเลือกงานมาคนละ 1 ชุด ชุดละ 6 ภาพ ตามแบบที่ตัวเองถนัด เริ่มจากคุณรูปที่ขออธิบายผลงานก่อน

 

“รูปเป็นคนชอบสนุกๆ งานจึงสื่อออกมาไม่ต้องซีเรียสกับอะไรเลย อยากให้ดูสบายๆ สีสดใส ไม่ต้องดูให้ลึกซึ้งอะไรมาก ไม่ต้องตีความว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ งานพ็อพอาร์ทของรูปจะเด่นด้วยสีที่สดใส ลักษณะงานจะไม่ใช่แอ็บสแตร็คล้วนๆ แต่จะสามารถมองรูปทรงออกว่าคืออะไร เพียงแต่ถ้าใครเห็นงานชิ้นแรกๆ ก็อาจจะดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ในชุดหลังจะสามารถดูรู้เรื่องมากขึ้น ส่วนเทคนิคการเพ้นท์ติ้งบางอย่างก็เอามาจากของน้องชายบ้าง”

 

“ส่วนของผมได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งในเรื่องของธรรมะและพุทธประวัติ ผมรู้สึกซาบซึ้งและคิดว่าควรจะทำอะไรที่มันประทับใจในเรื่องนั้น แล้วก็ได้ไปที่อินเดียมาด้วย เพียงแต่ว่าการนำเสนอของผมกับพ่อจะไม่เหมือนกัน ผมจะมีเรื่องของสื่อผสมมาช่วย” คุณภาพอธิบายเพิ่มเติม

 

“อย่างผมมีความประทับใจในวัสดุ ผมค่อนข้างทำงานละเอียด เพราะจิตรกรมไทยที่เคยเรียนมาสอนให้ประณีต ก็เลยยึดศิลปะไทยร่วมสมัยเป็นแบบ แต่ละชิ้นใช้เวลาทำไม่เท่ากัน งานจะมีมิติและค่อนข้างซับซ้อน เพราะต้องไปหาวัสดุหรือสั่งทำ เรียกว่ามีขั้นตอนยุ่งยากแต่สนุก”

 

ในตอนท้ายของการสนทนา เราถามทั้งสองคนว่าจะหยุดเดินบนถนนสายนี้หรือไม่ ทั้งคู่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีทางที่จะพรากการทำงานศิลปะออกไปจากพวกเขา

 

นั่นเป็นข้อความยืนยันความเป็นตัวตนจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกอย่างแท้จริง

คนเราแต่ละคนรู้จักเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง