สีไพร มุ่งพันธ์กลาง
เธอสลัดคราบสาวอีสานธรรมดา และทิ้งอดีตสาวโรงงานไว้เพียงเบื้องหลัง ก้าวเข้าสู่อีกเส้นทางที่หลายคนใฝ่ฝัน อาชีพ ‘นางแบบ’ส่งให้เธอได้เฉิดฉายอยู่ในโลกแฟชั่นของเมืองฝรั่งเศส จากการชักจูงของคนรู้จัก แม้มันจะทำรายได้ที่สวยงาม แต่นั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
“ย้อนไปสมัยก่อน ดิฉันเข้ามาอยู่ในตัวเมืองโคราชตามลำพัง ทำงานมาแล้วหลายรูปแบบ ขายของตามฟุตปาทก็เคยมาแล้วเชื่อไหมไม่ว่าทั้งวันจะหนักและเหนื่อยแค่ไหน แต่ช่วงเวลาสุดท้ายของวันจะต้องจบด้วยการฟังเพลงเสมอ และดิฉันเป็นคนชอบความสนุกสนาน ชอบสังสรรค์ จึงเริ่มเข้าคลับครั้งแรกตอนอายุ 15 ปีเท่านั้น ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนว่ามันเป็นโลกของเรา”
‘เสียงเพลง’ คือสิ่งเดียวที่เธอมีปฏิกิริยากับมันมากที่สุด เธอหลงใหลในความสนุกของเสียงเพลงตามปาร์ตี้ จนในปี 2002 เธออยู่ที่เยอรมันและได้มีโอกาสได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของการเปิดแผ่นของดีเจหญิงชื่อดัง สิ่งที่เรียกว่าแรงบันดาลใจจึงเกิดขึ้นกับเธอทันที
“ฝีมือและลีลาของเขาสุดยอดมาก เขาทำให้ทุกคนมีความสุขและสนุกไปกับเขาได้ ดิฉันตัดสินใจตั้งแต่วันนั้นเลยว่าจะเป็นดีเจหลังจากนั้นก็ใช้เวลาเรียนรู้การเป็นดีเจอยู่ที่เยอรมัน นำเงินเก็บจากการทำงานมาซื้ออุปกรณ์เพื่อการฝึกซ้อม ฝึกเล่นที่เมืองไทยด้วย และเมื่อมีโอกาสไปเมืองนอกอีกครั้ง เพื่อนๆ ก็มองเห็นว่าดิฉันมีแวว มีพรสวรรค์ ก็เลยสนับสนุน ด้วยการเป็นผู้จัดการให้
“ครั้งแรกต้องไปโชว์ตัวที่เยอรมนี ตื่นเต้นมาก คิดอยู่ตลอดว่าจะต้องวางท่าทางอย่างไร เพราะจะผิดพลาดไม่ได้เลย คืนนั้น เล่น2 ชั่วโมง ดิฉันตั้งใจกับมันมาก แต่พอเล่นเสร็จ ก็ไหว้และกล่าว Thank You เพราะอยากโชว์วัฒนธรรมไทย ทุกคนก็ประทับใจ และให้การตอบรับดีมาก
“นั่นจึงทำให้ดิฉันมีโอกาสไปทำงานมาแล้วทั่วโลก บางครั้งต้องรับงาน 7 วัน ใน 7 ประเทศติดต่อกัน แม้จะเหนื่อย แต่ผลตอบแทนและการได้ทำงานที่ตัวเองรักมันมีความสุขค่ะ
“สิ่งหนึ่งที่ทำให้ดิฉันแตกต่างจากคนอื่นก็คือความเป็นตัวของตัวเองมากในแบบที่ไม่แคร์ความคิดของคนอื่น เพียงขอให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและสนุกก็พอ อีกอย่างดีเจหญิงมีน้อย พอมีดีเจหญิงมันก็กลายเป็น Talk of the Town ได้ไม่ยาก ตลอดเส้นทางนี้โดนคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มาไม่น้อย แต่มันก็คือแรงผลักดันให้ดิฉันสู้จนถึงทุกวันนี้”
แน่นอนว่าการใช้ชีวิตของเธอนั้นย่อมไม่ธรรมดา ด้วยต้องเดินทางทุกอาทิตย์ เธอจึงต้องเผชิญกับการเดินทางมาแล้วหลากรูปแบบ หากบางครั้งมีเวลา เธอจะใช้เวลาเที่ยวชมเมืองและพักผ่อนอยู่กับโปรแกรมทำเพลงที่ชื่อ ableton Live โปรดิวซ์มันตรงนั้นเมื่อกลับมาที่เบอร์ลิน เธอจะรีบเข้าสตูดิโอทันที
“ดิฉันจะอยู่กับงานตลอดทั้งวัน เมืองเบอร์ลินเป็นเมืองหลวงแห่งอิเล็กทรอนิกมิวสิค เหล่าดีเจ โปรดิวเซอร์ และศิลปินหลายสาขาอาชีพต่างๆ ก็มารวมตัวกันที่นี่ อีเว้นท์ที่นี่จึงเยอะมาก นอกจากการไปอีเว้นท์เพื่อทำงานแล้ว การไปปาร์ตี้ก็คือการผ่อนคลายของดิฉันอีกเหมือนกัน
“ตอนนี้นอกจากทำซิงเกิ้ลเพลงแล้ว ดิฉันมีแผนที่จะทำอัลบั้มด้วย ดิฉันรักในเสียงดนตรีของ Jazz, Funk, Soul ก็จะเอาดนตรีแนวนี้มาผสมกับอิเล็กทรอนิก อยากให้อัลบั้มออกมาแบบฟังสบายๆ ความเร็วประมาณ 110 bpm ที่ทุกคนสามารถฟังได้ ไม่ใช่แค่คอเพลงอันเดอร์กราวด์เท่านั้น แต่ก็มีแพลนอนาคตไว้หลายรูปแบบ แน่นอนว่ายังวนเวียนกับดนตรีอยู่ค่ะ”
Know her
• หลังจากการเปิดแผ่นครั้งแรกจบลง เธอก็ได้มีโอกาสไปเล่นตามผับต่างๆ ทั่วโลก 112 ครั้ง 36 ประเทศในปีนั้น
• ดีเจมีสองประเภท คือ Commercial DJ ดีเจที่เล่นเพลงฮิตทั่วๆ ไป ส่วน Underground DJ นั้น จะเล่นเพลงสไตล์ของตัวเองด้วยการที่โปรดิวซ์เองเล่นเอง และจะชอบเล่นเพลง White Label ของดีเจคนอื่นๆ ด้วย (เพลงยังไม่ลงค่าย)
• เธอมีโอกาสไปเปิดเพลงในงานฟุตบอลโลก 2006 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศเยอรมันนีมาแล้ว
• ทุกวันนี้เธอมีรายได้หลักแสน โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
• ติดตามเธอได้ที่ www.facebook.com/djnakadia หรือ www.youtube.com/nakadia2008