ภวดล เกลียวอรรคเดช

ภวดล เกลียวอรรคเดช

และผู้ชายที่เรามาสัมภาษณ์วันนี้ก็คือผู้จุดประกายความคิดแห่งการก่อตั้งค่ายเพลงนี้ คุณหนุ่ม ภวดล เกลียวอรรคเดช ประธานกรรมการบริษัท ไอมิวสิค จำกัด ที่ตอนนี้มีนักร้องน้องใหม่ในสังกัดออกมา 2 อัลบั้ม คือวงร็อคที่ใช้ชื่อว่า 7 o’ Clock และอัลบั้ม Convergence Love I ที่รวบรวมคนดังถึง 4 คนมาไว้ในอัลบั้มเดียวกัน คือ ฮาเวิร์ด หวัง (อดีตหนุ่มน้อยวง Giant ที่ตอนนี้กลายมาเป็นนายแบบโฆษณา) อเล็กซ์ เรนเดลล์ (ดาราดังแห่งช่อง 3) ยิปซี คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ (นางเอกภาพยนตร์อนุบาลเด็กโข่ง) และ มรว.แม้นนฤมาศ ยุคล หรือ หญิงแม้น สาวที่มาเป็นปกให้กับ MiX เล่มนี้ น่าคิดว่าอะไรที่ทำให้ค่ายน้องใหม่ค่ายนี้ดึงคนดังๆ มาร่วมงานได้ขนาดนี้

 

“เท่าที่ผมมอง เหมือนกับว่าทีมงาน ผู้บริหาร โปรดิวเซอร์และน้องๆ ศิลปินเขามีความเชื่อมั่นในตัวบริษัท เราพิสูจน์ให้เห็นว่างานของเราดี แล้วเราก็คิดว่าเรามีความรับผิดชอบจนสร้างความไว้วางใจ ผมคิดว่าน่าจะเป็นด้วยเหตุผลตรงนี้ที่ทำให้ทุกคนแฮปปี้”

 

ก่อนที่จะมาถึงการก่อตั้งค่ายเพลง imusic ต้องย้อนไปถึงเรื่องราวความสามารถของผู้ชายคนนี้ที่ผลักดันตัวเองจนมาถึงจุดนี้ได้อย่างน่าทึ่ง คุณภวดลเรียนจบปริญญาตรีนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก่อนจะบินไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา เมื่อเรียนจบก็กลับมาทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย ช่วงนั้นเขาได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงินการธนาคารมากทีเดียว ไม่ว่าจะเรื่องของสินเชื่อ ค่าเงิน การแลกเปลี่ยนเงินตรา การลงทุน และอีกมากมาย แต่ความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าของกิจการยังอยู่ในหัวใจตลอดเวลา จึงตัดสินใจลาออกมาเรียนรู้งานการค้าขายอย่างจริงจัง โดยมาเป็นเซลล์ขายเหล็กให้กับโรงงานอุตสาหกรรมอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะลาออกมาทำงานในตำแหน่ง Marketing Director ของบริษัทเหมืองแร่แห่งหนึ่ง และเริ่มก่อร่างสร้างกิจการของตัวเอง

 

“ช่วงนั้นผมอยู่บริษัทมาประมาณ 2 ปี หลังจากนั้นผมก็รู้สึกว่ายังไงเราก็เป็นลูกจ้างอยู่ดี เวลานั้นเราพอมีทุนก้อนหนึ่งแล้ว ก็เริ่มมาเปิดบริษัทเหล็กของตัวเองควบคู่ไปกับทำบริษัทเหมืองแร่ มันน่าสนใจน่าลอง พอเลิกทำงานก็มาดูแลบริษัทเหล็ก เพราะการเป็นเซลล์ไม่ต้องอยู่บริษัททุกวัน แค่ทำยอดให้บริษัทพอใจก็พอแล้ว ก็เลยมามีเวลาทำบริษัทเหล็กของเราไปด้วย”

 

ช่วงเวลานี้เองที่เขาได้สัมผัสกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ลองผิดลองถูกในวงการนี้จนเรียกได้ว่าสามารถทำรายได้กับการลงทุนประเภทนี้ได้อย่างดีทีเดียว

 

“ผมได้เข้ามาในวงการหุ้น ลองผิดลองถูกบ้าง ไปเจอผู้ใหญ่ให้คำแนะนำก็ทำให้รู้ว่าตลาดหุ้นเป็นไลฟ์สไตล์ของผม เป็นเหมือนสิ่งที่เราหามานาน มันเป็นเหมือนชีวิตเรา ผมเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่มองว่าหุ้นเหมือนการพนัน เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่มีคนส่วนน้อยที่เขามองอีกมุมหนึ่ง มองมุมกลับกัน แล้วก็ประสบความสำเร็จ มันเลยเป็นอะไรที่น่าคิด”

 

จึงอาจพูดได้ว่าการลงทุนครั้งล่าสุดของเขาก็คือการเปิดค่ายเพลง imusic โดยใช้ความรู้จากการสั่งสมประสบการในด้านธุรกิจตามปรัชญาที่ว่า ต้องมีความรู้ให้มาก แต่ใช้เงินลงทุนให้ต่ำที่สุด บวกกับที่เขาเริ่มสนใจเรื่องของดิจิตอลคอนเทนต์ เรื่องของการดาวน์โหลดเพลง จนมาลงตัวในเรื่องของการทำค่ายเพลง

 

“ผมว่า Market share ของเพลงมันน่าจะมีอยู่ น่าจะขายได้ แต่ว่าเราจะทำยังไงให้ต้นทุนของเราน้อยที่สุด ทำให้พอเหมาะพอดี มันเป็นยุคของดิจิตอล ผมว่าดิจิตอลกับเพลงมันน่าจะไปได้ ผมเลยอยากลอง ผมอยากทำให้เป็นแบบค่ายใหญ่ๆ ด้วยซ้ำ”

 

การเข้ามาของ imusic ภายใต้การบริหารงานของเขา คงจะทำให้วงการเพลงมีความตื่นตัวไม่น้อย ในด้านของผู้บริโภค imusicมาพร้อมกับซีดีที่เรียกว่า Convergence CD ซึ่งมีแนวคิดที่จับรวมทุกอย่างมาไว้ในซีดีแผ่นเดียวกันตั้งแต่ ออดิโอ เอ็มพีสามริงโทน วอลเปเปอร์ และมิวสิควิดีโอ โดยซีดีแผ่นนี้สามารถนำไปใช้งานได้กับทั้งเครื่องเล่น CD/DVD เครื่องเสียงติดรถยนต์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และเครื่องเล่น MP3/MP4 เรียกว่าผู้บริโภคสามารถนำไปใช้ได้อย่างครบวงจร และในด้านของคนทำงาน ที่นี่กล้าพูดว่าเป็นค่ายแรกที่สามารถให้คนแต่งเพลงเข้ามาตรวจดูจำนวนการดาวน์โหลดเพลงและส่วนแบ่งได้ด้วยตัวเองทางเว็บไซต์ www.imusic.co.th

 

“ความแตกต่างของค่าย imusic คงเป็นเรื่องของแผนการตลาดที่เราวางไว้ เราไม่คิดจะเป็นคู่แข่งของใคร แต่คิดว่าจะเป็นช่องทางหนึ่งของผู้บริโภคมากกว่า ผู้บริหารเราก็ดี เพลงเราก็ดี ผู้ร่วมงานเราก็ดี ถึงองค์กรเราจะเป็นองค์กรเล็ก เงินลงทุนก็น้อย แต่ผมว่าดีเพราะมีความคล่องตัว คิดว่าภายใน 3-5 ปี อยากจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ นั่นคือก้าวต่อไปของเราครับ”

ค่ายใหญ่ต่างพากันลดต้นทุน แต่นาทีนี้กลับมีค่ายเพลงน้องใหม่