ผศ.ดร.ปรีชาพร สุวัฒโนดม
เขาเรียนจบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา ที่ University of California, Irvine USA เรียนจบปริญญาโท 2 ใบ จากUniversity of California, Los Angelis (Master of Science in Civil Engineering & Master of Engineering)และเรียนจบปริญญาเอกในสาขา Civil Engineering ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน โดยได้เป็นนักเรียนทุนจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งเป็นทุนของรัฐบาลไทย
“เราเรียนในประเทศที่ไม่ใช่ภาษาของเราเอง ช่วงแรกผมก็เลยจะมีปัญหาในการอ่าน เพราะอย่างตัวเลขจะสามารถทำได้เลย แต่การอ่านที่ต้องทำความเข้าใจ เพราะฉะนั้นคนที่จะอ่านหนังสือเก่งและเข้าใจ ก็คือคนที่อ่านหนังสือเก่งและเข้าใจ คนที่เขียนหนังสือเก่ง ต้องอ่านเก่ง คนที่พูดเก่ง ต้องเป็นคนที่ขยันฟัง อย่างเวลาผมดูหนังผมก็จะเปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษก็จะได้เรื่องของภาษา
“แล้วผมก็ไม่เคยขาดเรียนเลย ผมพยายามนั่งหน้าตลอด มันเกี่ยวกับจิตวิทยานะ เพราะนักเรียนที่นั่งข้างหน้าจะได้เกรดเฉลี่ยมากกว่าเด็กที่นั่งข้างหลัง แล้วคนที่ตั้งใจเรียนแล้วมาทำการบ้านก็จะใช้เวลาน้อยกว่าคนที่ไม่ตั้งใจเรียน แล้วคนที่ตั้งใจฟังแล้วมาทำการบ้าน มาทบทวนก่อนส่ง ก็จะเรียนเก่งกว่าคนอื่น มันพูดง่ายแต่ทำยากนะครับ เพราะความขยันที่ยากที่สุดก็คือความขยันที่เสมอต้นเสมอปลาย ผมเป็นคนที่ขยันเสมอต้นเสมอปลาย การศึกษาเป็นแค่ประตูเปิดสู่โอกาส แต่การทำงานจริงๆ ยังมีอะไรอีกเยอะ เพราะมันเป็นแค่เศษหนึ่งส่วนสามของชีวิตเท่านั้น”
หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกามานานกว่า 20 ปี คุณโอ๋ก็กลับมาดูแลกิจการของครอบครัว นั่นคือการบริหารงาน ที่โรงแรมโกลเด้นแลนด์รีสอร์ท ในจังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งยังมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างและบริษัทส่งออกของตัวเองอีกด้วย ส่วนทางด้านงานราชการ เขาดำรงตำแหน่งเป็นวิศวกรโยธาปฏิบัติการ สำนักสำรวจและการออกแบบ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมนอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้แทนการค้าไทย สำนักงานผู้แทนการค้าไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ซึ่งตอนนี้งานเร่งด่วนของเขาก็คือการมองหาตลาดลงทุนในประเทศแถบอเมริกาใต้ เพื่อหาช่องทางเปิดตลาดใหม่ๆ ในการค้าขายให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“ผมว่างานราชการเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่มีใครมาสอน ถ้าผมไม่ได้ทำเอง ฟังแต่คนอื่นก็ไม่วันเข้าใจ มันเป็นอาชีพที่เสียสละ แต่ผมภูมิใจที่เป็นข้าราชการเพราะได้ทำงานให้ประชาชน อย่างตอนนี้ผมต้องหาข้อมูลดูว่าประเทศที่เราจะไปเยี่ยม ของที่เราส่งออกและของที่เรานำเข้ามากที่สุดคืออะไร เราขาดดุลหรือได้ดุลเขา แล้วเราจะดูว่าจะสามารถทำอะไรที่จะให้ผู้ประกอบการของไทยไปขายของหรือร่วมลงทุนในประเทศเขาได้เลย ที่อเมริกาใต้มีคนอยู่ประมาณ 600 ล้านคน ซึ่งตอนที่เศรษฐกิจดีๆ เราก็ไม่มองถึงกลุ่มลาตินสักเท่าไหร่ แต่พอตอนนี้ลาตินคือสิ่งที่เราควรไปตีตลาดเขา อาจเป็นไปได้ว่าแทนที่เราจะเอาปลากระป๋องไปขายเขาเราก็เอาโรงงานไปสร้างไว้ที่นั่นเลย โดยเราจะเชิญนักธุรกิจที่มีศักยภาพและสามารถร่วมลงทุนกับที่นั่นได้เลย”
นี่คือบางส่วนในงานประจำของเขาเท่านั้น เพราะเมื่อเลิกจากงานประจำเขาก็เข้ามาดูแลบริษัทรับเหมาก่อสร้างของตัวเองอย่างขยันขันแข็ง
“พอทำงานตอนเช้าถึงเย็นเสร็จ ช่วงเย็นผมกลับมาบริษัทส่วนตัว เพราะผมต้องเป็นคนเซ็นเช็ค เวลามีการตกแต่งห้อง ผมก็ต้องไปดูไซท์งานว่างานเดินไปถึงไหนแล้ว อย่างสัญญา 6 เดือนเสร็จ ผมก็ต้องไปดูว่าทุก 2-4 อาทิตย์ งานเสร็จตามตารางที่กำหนดไว้หรือไม่ บางทีเราก็ไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับลูกค้าว่าคนงานเป็นยังไง ส่วนงานที่โรงแรมก็จะเข้าไปช่วยดูแลในวันอาทิตย์ครับ”
ทำงานเยอะขนาดนี้ก็เพราะเขารักงานทุกตำแหน่งที่ทำอยู่ เพราะการทำงานหลายๆ ด้านของเขานั้นเปรียบเหมือนความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตที่มีความถนัดแตกต่างกันไป แม้ว่าจะต้องแลกมากับเวลาและความเหนื่อยที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
“อย่างในการทำโรงแรมเราต้องมี Service Mind สมมติผมทำอาหาร บางคนบอกเผ็ด แต่บางคนก็บอกว่าไม่เผ็ด การจะทำให้ทุกคนแฮปปี้ได้ มันต้องมี Service Mind ที่ดูแลกันจริงๆ และต้องละเอียดตั้งแต่ที่พัก ผ้าปูที่นอน ห้องน้ำ อาหาร คนเดินถือกระเป๋า การเช็คอิน เรียกว่าต้องมีทุกอย่าง ส่วนงานด้านวิศวกรรมทางหลวงผมก็ชอบออกแบบถนน สะพาน การก่อสร้าง ผมชอบเห็นตึกสวยๆ ชอบคำนวณ พอมาทำเป็นผู้ช่วยผู้แทนการค้าไทยผมก็ชอบดูยอด ชอบคิดเรื่องของไฟแนนซ์ เรื่องการลงทุนดีมานด์ ซัพพลายต่างๆ วิธีการปูตลาดใหม่ๆ เป็นวิธีการค้าอย่างหนึ่ง
“มันเหนื่อย เครียด แต่มีความสุข คือยิ่งเครียดผมมีความรู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้น เหมือนเป็นการฉีดวัคซีนให้กับตัวเอง แต่ผมก็จะนั่งสมาธิแทบทุกวันครับ”
ในเวลาที่ว่างจริงๆ เขาจะชอบไปทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญซองผ้าป่า ทำบุญที่บ้านพักคนชราหรือบ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน
“ไม่รู้ตัวเองแก่ลงรึเปล่านะ พอมีเวลาก็อยากจะนอน ผมนอนตีหนึ่งกว่าบางทีต้องตื่นตี 5 บางทีก็ทำงานยาว ก็เหนื่อยนะครับ เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้หยุด คือผมคิดว่าเราทำอะไรก็ได้ เราเป็นวิทยากรไปพูดในงานรับปริญญา หรือที่ศูนย์เยาวชน ผมว่ามันก็เป็นประโยชน์อย่างหนึ่งที่ได้ทำให้กับเด็กรุ่นน้องนะ
“วันหนึ่งผมก็อยากจะมีครอบครัว อยากมีแฟนที่ดีเหมือนคุณแม่ ผมอยากเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ไม่ว่าตำแหน่งผมจะเป็นตำแหน่งที่เล็กหรือใหญ่ก็ตาม ผมว่าเราเปรียบเหมือนรวงข้าวคือยิ่งสูง ต้องนอบน้อมถ่อมตน”