อนุรักษ์ แพรโรจน์

อนุรักษ์ แพรโรจน์

“เราตั้งใจทำ Club Arts เป็นโกดังเก็บงานศิลปะของบ้านครับ แล้วภายในบ้านหลังนี้ก็มีห้องครัวเล็กๆ ชื่อว่ามังคุดคาเฟ่ ไว้คอยบริการแขกที่เข้ามาเยี่ยมชมด้วย มีผมเองที่เป็นทั้งศิลปินและเจ้าของบ้าน คอยรับแขก ดูแลลูกค้า และรับออเดอร์เอง เพียงแต่ที่ชื่อแยกกันก็เพื่อแยกสัดส่วนตามวัตถุประสงค์ของพื้นที่เท่านั้นเองครับ”
 

Club Arts (Gallery by the river) มีศิลปะหลายแขนงให้เลือกชม ทั้งนิทรรศการศิลปะ หนังสั้น การแสดง และดนตรี ส่วนร้านอาหารมังคุดคาเฟ่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน เหมือนเป็นกุศโลบายที่ต้องการดึงความสนใจของคนที่ชื่นชอบในเส่นห์ของอาหารไทย และความงามของศิลปะบนจานอาหาร ในบรรยากาศสบายๆ ริมเจ้าพระยา ให้เข้ามาเพลิดเพลินกับศิลปะจัดวางที่สามารถสัมผัสได้ไม่ยาก ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ไม่ต้องมีบัตรเข้าชม หรือต้องแต่งตัวที่รัดกุม เพื่อให้รู้สึกเสมือนมาเยี่ยมเยือนบ้านเพื่อนคอเดียวกัน
 

“ร้านอาหารเกิดจากการคำนวณความเป็นไปได้ในการประกอบธุรกิจครับ ด้วยทำเลริมน้ำและประสบการณ์ด้านงานจัดเลี้ยง เลยคิดเอาว่าน่าจะเป็นธุรกิจหนึ่งที่สามารถทำรายได้เลี้ยงพื้นที่ศิลปะแห่งนี้ให้อยู่รอด แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะรวยจากการทำธุรกิจนี้นะครับ แค่ต้องการสร้างพื้นที่พักใจให้กับคนที่ผ่านเข้ามาได้หลบความวุ่นวายในเมืองหลวง และมาเพลิดเพลินกับศิลปะบนจานอาหารก็แค่นั้น ผมว่าศิลปะเป็นเหมือนดอกไม้งามนะ เบ่งบาน มีกลิ่นหอม เชื้อเชิญหมู่แมลงมากมายให้เข้ามาชื่นชมในความงาม ที่นี่ก็เป็นแบบนี้ครับ
 

“ผมเริ่มจากการกำหนดต้นทุนทุกอย่าง บวกกำไรเท่าที่พอดีกับความเป็นอยู่ของเรา และพอเหลือที่จะกลับคืนสังคมบ้าง โดยมองหาช่องทางทำรายได้ ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน กี่เปอร์เซ็นต์จากรายได้หลักของร้านอาหาร หรืองานจัดเลี้ยง กี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้เสริมจากการจำหน่ายผลงานศิลปะ เพื่อให้ได้ยอดตามที่ตั้งไว้ จากนั้นก็นำส่วนที่เหลือร่วมสมทบทุนกับองค์การการกุศลต่างๆ ผ่านการจัดนิทรรศการศิลปะขึ้นมาหนึ่งคอลเลคชั่น สัดส่วนของธุรกิจจึงดำเนินไปอย่างมีศิลปะ ผสานกันอย่างแยกไม่ออกบนความพอดีครับ”
 

“ที่ร้านตั้งโต๊ะแค่ 10 โต๊ะครับ ทำน้อยๆ เพราะตั้งใจเป็นธุรกิจเล็กๆ แค่พอเลี้ยงตัวได้ บริการกันอย่างเป็นกันเองเหมือนบ้าน เราอยากให้ความสำคัญกับพื้นที่ศิลปะมากกว่า เพราะถ้าวันหนึ่งต้องลุกขึ้นมาทำเกิน 10 โต๊ะ เนื่องจากต้องการกำไรที่มากขึ้น วันรุ่งขึ้นผมก็คงต้องตั้งโต๊ะเพิ่มไปเรื่อยๆ แล้วต้องทำอะไรอีกหลายอย่างเหมือนคนที่คิดว่าจะหาความสุขได้หากเราหาเงินได้เยอะๆ ผมว่าเราลองมองหาความสุขจากสิ่งที่ทำ สุขที่ได้ทำ ให้มากกว่าผลของสิ่งที่ทำ เท่านี้คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
 

คุณอนุรักษ์ แพรโรจน์ หลงใหลในศิลปะมาตั้งแต่วัยเด็ก เขาเล่นดนตรีไทยที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม และสามารถคว้ารางวัลมาครองได้มากมาย จากนั้นเมื่อคิดเดินในเส้นทางสายศิลปะ จึงเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาศิลปะการแสดง จนในที่สุด วันหนึ่งก็ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับ ครูเล็ก ภัทราวดี มีชูธน ซึ่งถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยทีเดียว
 

“พอครูเล็กเอ่ยปากชวนให้ไปอยู่ด้วย ต้องบอกว่าผมใช้เวลาตัดสินใจอยู่เหมือนกัน เพราะตอนนั้นคำนึงถึงรายได้เป็นหลัก และอาจยังมองไม่เห็นความมั่นคงของชีวิตกับธุรกิจละครเวทีเมื่อ 10 ปีที่แล้วของบ้านเรา ผมนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง แม่บอกว่า ‘ถ้าเป็นแม่ แม่ไปตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณเล็กชวนแล้ว ถ้ารักที่จะเลือกเดินตามฝัน ทำในสิ่งที่ชอบ ก็ไม่ต้องไปกลัวอะไรแล้วลูก’ จนวันนี้ก็ 9 ปีแล้วครับ สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนมุมคิดของผมให้รู้จักความพอดี รู้จักหน้าที่ของตน และอยู่อย่างสุขนิยม ก็ด้วยเพราะการมองเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะ ผ่านความคิดต้นแบบอย่างครูเล็ก ภัทราวดีนั่นเองครับ
 

“ผมเริ่มเข้ามาช่วยครูเล็กที่ภัทราวดีเธียเตอร์ในส่วนของฝ่ายบริหาร มีหน้าที่ตั้งแต่หาเงินทุน ทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ แล้วก็บริหารจัดการโดยรวม จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากมาก เพราะตั้งแต่เด็กๆ ผมมีโอกาสรู้จักกับผู้ใหญ่หลากหลายวงการจากการได้เล่นดนตรีไทยในงานต่างๆ ประกอบกับอุปนิสัยส่วนตัว ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านเลยให้ความเอ็นดู การขอการสนับสนุนในแต่ละด้านเลยไม่ยากนัก แต่ในบางครั้งก็อาจมีเรื่องติดขัด ซึ่งก็เป็นอุปสรรคจากทางเราเองบ้าง อย่างเรื่องข้อมูลประชาสัมพันธ์ที่ล่าช้า บางครั้งสื่อก็ลงให้ไม่ทัน เพราะต้องปิดต้นฉบับล่วงหน้า
 

“งานที่ผมทำอยู่นี่ถึงแม้จะเป็นงานด้านศิลปะ แต่ผมก็ถือว่ามันเป็นธุรกิจนะ เพราะทุกอย่างมีต้นทุน บางคนอาจไม่เข้าใจว่าเสียเงินมาซื้อบัตรชมการแสดง แล้วจะได้อะไรกลับไป หรือทำไมงานศิลปะชิ้นนี้ถึงมีราคาสูง นั่นก็เพราะทักษะและประสบการณ์ของศิลปินแต่ละแขนง ต้องอาศัยเวลา ความหมั่นเพียรสร้างสรรค์จนเกิดความชำนาญจนอยู่ในระดับมาตรฐานสากล เราแลกความงามด้วยทักษะ ความเชี่ยวชาญ กับค่าตอบแทนและเสียงปรบมือ แค่นี้ก็ทำให้เรายิ้มได้ และมีกำลังใจแล้วครับ”
 

ส่วนในอนาคตถ้าเป็นไปได้นอกเหนือจากนี้ เขายังมีความฝันว่าอยากจะขยายพื้นที่ศิลปะที่ไม่ใช่เพียงหนึ่งมื้ออาหารที่คุณจะเข้ามาสัมผัสงานศิลปะจากแกลเลอรี่คาเฟ่แห่งนี้ แต่จะต่อเติมให้การใช้ชีวิตของคุณได้เพลิดเพลินกับศิลปะในหนึ่งวันกับ บูติค โฮเทล แบบโฮมสเตย์ ที่มีเขาที่เป็นทั้งศิลปินและเจ้าของบ้าน คอยเชื้อเชิญให้ผู้มีโอกาสผ่านเข้ามาได้สัมผัสศิลปะอันหลากหลายตามแบบฉบับของ Club Arts (Gallery by the river)
 

เราคงต้องคอยติดตามกันต่อไป

 

Know Him!

• คุณอนุรักษ์เชี่ยวชาญในเครื่องดนตรี “จะเข้” ย้อนไปในอดีตเขาเคยคว้ารางวัลระดับประเทศมาแล้ว อาทิ  ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชของมูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) และการประกวดบรรเลงเดี่ยวจะเข้ ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ของศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ  

• งานอดิเรกของเขาคือเป็นครูสอนศิลปะเด็ก และเป็นที่ปรึกษาองค์กรต่างๆ ในการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะ

• ข้อคิดที่เขาทิ้งท้ายไว้วันนั้นคือ “ศิลปะจะสร้างสรรค์ความดีและความงามในชีวิตได้ หากเราเรียนรู้ที่จะจัดวางบนความแตกต่างด้วยความเข้าใจ”

 
ถ้าพูดถึงในแง่ของการทำธุรกิจสักอย่างนึง