ผู้ชายคนนี้มีหลายบทบาท เขาคือดอกเตอร์นักวิชาการผู้มีภูมิความรู้ เขาคือนักธุรกิจ เขาคือกรรมการผู้จัดการบริษัท อควา อินโนเทค (ประเทศไทย) จำกัด และเขาคือนักลงทุนอิสระที่มีความสามารถไม่น้อย ทั้งหมดสรุปได้ว่าเขาคือคนที่ทำงานหนักเพื่อผลตอบแทนทั้งที่เป็นตัวเงินและความสุขทางใจ

ด้วยความเชื่อของ ดร.มนู ที่ว่า การมีเงินเยอะก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาซื้อสุขภาพร่างกายที่ดีได้ ถ้าสูญเสียมันไปแล้ว เมื่อเขามีโอกาสไปที่ประเทศเยอรมันและได้พบกับผลิตภัณฑ์เหยือกกรองน้ำ “บริต้า” ที่พิสูจน์แล้วว่ามีคุณภาพดี สามารถกรองน้ำโดยผ่านมาตรฐานความปลอดภัย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคนที่ใช้จริง เขาจึงตัดสินใจนำเข้าผลิตภัณฑ์นี้เข้ามาในประเทศไทยและทำการตลาดอย่างจริงจัง

“ปัจจุบันคนเราให้ความสนใจเรื่องน้ำดื่มว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะในร่างกายของเรามีน้ำอยู่ถึง 80% น้ำที่อยู่ในร่างกายจึงต้องดีที่สุด ส่วนเรื่องเรื่องประสิทธิภาพ จริงๆ แล้วเดี๋ยวนี้ไม่ต้องมีเครื่องขนาดใหญ่ก็สามารถกรองน้ำได้ ซึ่งที่เยอรมันกับฝรั่งเศสมีผลการทดสอบออกมาแล้ว แต่คนไทยอาจจะคิดว่าคุณภาพน้ำไม่น่าจะเหมือนกัน เราจึงส่งตัวอย่างเหยือกกรองน้ำให้ไปทดสอบที่กรมวิทยาศาสตร์ เพราะเราใช้มาตรฐาน มอก. ในการบรรจุขวด สรุปก็คือผ่านหมด

“ความท้าทายของธุรกิจนี้ก็คือในเมื่อคนยังไม่ค่อยรู้จักผลิตภัณฑ์ตัวนี้ แล้วคนจะเชื่อมั่นในตัวเหยือกกรองน้ำได้ยังไง นั่นคือความท้าทาย เราจึงสร้างจากจุดเริ่มต้นเลยก็คือพนักงานขาย เราให้เขารู้จักผลิตภัณฑ์ก่อน เพื่อถ่ายทอดไปให้ลูกค้าเข้าใจมากที่สุด ส่วนในเรื่องของการทำงานจะมีการบริหารทีมขาย ด้วยครับ”

ส่วนการบริหารการเงิน เมื่อมีรายได้เข้ามา ดร.มนูจะ นำมาจัดสรรการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งที่มีผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาว

“ผมจะเน้นไปที่กองทุนในหุ้นผ่านบริษัทการจัดการกองทุนรวม เพราะถ้าเราไปลงซื้อหุ้นเอง มันจะไม่มีการกระจายความเสี่ยง ไม่ได้มีการติดตามของราคาหุ้น แต่ถ้าเราลงทุนผ่านกองทุนรวม ก็เหมือนกับมีผู้บริหารกองทุนมาจัดการให้ ตรงนี้ผมเน้นระยะสั้นถึงกลาง ส่วนระยะยาวผมเน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อย่างคอนโดมิเนียมหรือที่ดิน เพราะระยะยาวมีแต่มูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีส่วนของค่าเช่าที่เราเก็บได้ ที่ดินก็ราคาเพิ่มขึ้น ทองคำผมก็เข้าไปลงทุนด้วย แต่เป็นระยะยาวมากกว่า เพราะในระยะสั้นค่อนข้างจะผันผวน ผมจะจัดเงินออมทุกเดือนจากในส่วนที่เราหาได้ และจะฝากเงินในธนาคารน้อยที่สุด

“ถ้าถามถึงเรื่องความชอบที่ผมทำทั้งหมดก็คงชอบพอๆ กัน ผมว่าการลงทุนนั้นถ้าเราไม่ได้ทำอะไรที่มีความเสี่ยงมากไป ก็เหมือนกับว่าเรานั่งรอดูผลตอบแทนที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้ ส่วนการทำธุรกิจบางทีมันอาจจะต้องเครียดบ้าง ก็ไม่เป็นไร ชีวิตจะได้มีรสชาติครับ (หัวเราะ)”

Know him!

ดร.มนู จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการบริหารธุรกิจ วิชาเอกการเงิน การธนาคาร หลักสูตรนานาชาติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ /จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ วิชาเอกการจัดการ และการเงิน มหาวิทยาลัยจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา /และจบการศึกษาระดับปริญญาเอก หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาองค์กร จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ