ในจอร้ายมากนอกจอรักมาก เปิดมิตรภาพสองเพื่อนซี้ “แอนน์ แฮทธาเวย์ - เจสสิกา แชสเทน” ก่อนจะเปลี่ยนโหมดจากเพื่อนรักสู่เพื่อนร้าย “Mothers’ Instinct”
ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่น่าจับตาสำหรับ “Mothers’ Instinct สันดานแม่” ภาพยนตร์เขย่าขวัญจิตวิทยาเรื่องใหม่ที่ดัดแปลงมาจากนิยาย “Derrière La Haine” ของ “บาร์บารา อาเบล” นำแสดงโดยสองนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง “เจสสิกา แชสเทน” (The Eyes of Tammy Faye) และ “ แอนน์ แฮทธาเวย์” (Les Misérables) กับบทบาทเพื่อนรักเพื่อนร้ายที่พร้อมเล่นสงครามประสาทเขย่าขวัญผู้ชมกันแบบไม่ปรานี และถือเป็นการร่วมงานแบบจริงจังเป็นครั้งแรกหลังจากที่ทั้งสองเคยอยู่ในภาพยนตร์เดียวกันมาแล้วใน Interstellar เมื่อปี 2014
วันนี้เราขอพูดคุยกับ 2 นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ “เจสสิกา แชสเทน”และ“แอนน์ แฮทธาเวย์”กับบทบาทใหม่ใน “สันดานแม่” ที่นักแสดงแสดงมือรางวัลยังยกให้เป็น บทบาทที่ยากที่สุด และเล่นกับอารมณ์มากที่สุดในชีวิต
คุณมานำแสดงในหนังเรื่องนี้ได้อย่างไร?
แฮทธาเวย์ : เจสสิกากับฉันได้พบกันในภาพยนตร์เรื่อง Interstellar แต่เราเจอกันตอนเดินสายสื่อมากกว่าตอนถ่ายทำ เพราะตัวละครของเราไม่มีฉากร่วมกันและฉันก็ไม่รู้สิ เราเริ่มใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเรากลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อเจสสิกาส่งภาพยนตร์ต้นฉบับเรื่องนี้มาให้ บอกว่าเธออยากนำมาดัดแปลงเป็นภาษาอังกฤษ ฉันตกลงทันที ฉันอยากร่วมผจญภัยและสร้างสรรค์พร้อมกับเธอ ดูว่ามันเป็น
ยังไงและได้เรียนรู้วิธีการทำงานของเธอ แล้วในเดือนมิถุนายนที่สุดหม่นในนิวเจอร์ซีย์ เราก็ได้ถ่ายทำภาพยนตร์ที่หม่นไม่แพ้อากาศเรื่องนี้ และตอนนี้เรากลับมาสนุกกันอีกครั้ง
แชสเทน : ขอบคุณพระเจ้า
เบอนัวต์ เดลออมม์ บอกกับเราว่าเขาไม่มีทางทำหนังเรื่องนี้ได้ ถ้าไม่เคยเป็นพ่อ คุณเองในฐานะแม่ ได้ใช้ประโยชน์จากมันในการเข้าถึงบทบาท อลิซ บ้างไหม?
แชสเทน : ฉันไม่ได้คิดถึงชีวิตส่วนตัวหรือในแง่ของการเป็นแม่ ฉันคิดว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าอยู่ในสังคม ทุ่มหัวใจให้ชายคนหนึ่ง ใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายที่มีอำนาจจะส่งคุณเข้าโรงพยาบาลบ้าหากคุณไม่เดินตามกรอบบางอย่าง และบทบาทเดียวที่ทำให้อลิซมีค่า และถูกมองเห็นในสังคมคือการเป็นแม่ ประเด็นนี้สำคัญมากแค่ไหน? ใช่ มันสำคัญ แน่นอนว่ามีความผูกพันทางอารมณ์ ความรักและความปรารถนาที่จะเลี้ยงดูลูกให้เติบโต แต่มันก็เป็นเรื่องค่านิยมในยุคนั้นด้วย เพราะคุณจะทำอย่างอื่นไม่ได้เลย การเป็นแม่ในยุค 60 มันเป็นแบบนั้น ฉันมองที่ประเด็นนี้เป็นหลักในการเข้าถึงตัวละครนี้
คุณเตรียมตัวอย่างไรเมื่อเริ่มถ่ายทำ และคุณฟื้นตัวเมื่อหมดวันอย่างไร?
แฮทธาเวย์ : ฉันพูดตามตรง ฉันบล็อกทุกอย่างเลย ฉันจำได้ว่าฉันปรึกษาคือเจสสิกาและเบอนัวต์ ซึ่งฉันโชคดีที่ได้ทำงานกับเขามาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง One Day ฉันรู้ว่าเจสสิกาเคยทำงานกับเขามาก่อนด้วย ฉันบอกพวกเขาว่า ‘ฉันรู้ว่าเราคุ้นเคยกันดี แต่ช่วยเรียกฉันด้วยชื่อตัวละครเท่านั้น อย่าถามเรื่องส่วนตัวของฉัน อย่าถามเรื่องลูกๆของฉัน ฉันรู้ว่าคุณรักรักฉัน ฉันก็รักคุณเช่นกัน แต่ฉันทำตามขั้นตอนนี้ทุกวันเพื่อให้เข้าถึงตัวละคร’ แล้วเมื่อถึงวันสิ้นสุดวันฉันก็ต้องทิ้งเซลีนไว้ตรงนั้น ฉันพยายามทิ้งช่องว่างระหว่างตัวเองกับตัวละครไว้ ไม่รู้สิ ฉันจำไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นอย่างไร เราถ่ายกันแค่ 24 วัน ฉันแค่จำได้มันมีช่วงที่ฉันรู้สึกกลับมาเป็นตัวเอง ฉันเงยหน้าเจสสิกากำลังจะสติแตก แล้วฉันก็กังวลมาก ได้แต่คิดว่า ‘โอ้ไม่มันไม่ใช่เจสนะมันคืออลิซ’ มันเป็นช่วงเวลาที่ประหลาดจริงๆ
แชสแทน : แปลกจริงๆ เป็น 24 วันที่ยาวนานและสั้นที่สุดในชีวิตฉันเลย และตอนนี้มันดีขึ้นเยอะ
การทำงานของคุณทั้งคู่เป็นยังไงบ้าง สนุกสนาน เฮฮา ไหม?
แชสแทน : ไม่เลย ด้วยความที่เราทั้งคู่เป็นโปรดิวเซอร์ นี่เป็นหนังพีเรียดที่งบจำกัดมากถ้าเทียบกับสเกล มันมีบางวันที่เราไม่รู้ว่าซีนที่เราเตรียมกันอยู่จะอยู่ในหนังจริงหรือไม่ คือถ้าเราถ่ายไม่ทันวันนี้ก็ต้องตัดทิ้งไปเลย ไม่มีเวลามาย้อนถ่ายใหม่ มันเครียดพอสมควร...
แฮทธาเวย์ : ใช่
แชสแทน : การทำงานแข่งกับเวลาแบบนี้ อย่างที่แอนน์เล่าไป บางครั้งเรามีโอกาสถ่ายได้แค่ช็อตละ 2 เทกเท่านั้น มันช่าง...เอาเป็นว่ามันทำฉันเครียดเลยทีเดียว
แฮทธาเวย์ : เจสสิกาเทกเดียวผ่านตลอด ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน จะทำแบบเธอได้ต้องมีทักษะการแสดงสูงมาก แต่มันช่วยให้ฉันรีดศักยภาพของฉันออกมา เพราะฉันจะทำให้เธอผิดหวังไม่ได้ เหมือนที่เจสสิกาพูดไว้เป๊ะ มันเป็น 24 วันที่ยาวนานและสั้นที่สุดในชีวิต คุณไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ แม้จะมีเวลาพัก แต่คุณพักไม่ลงหรอก เราอินกับบทตลอดเวลา สำรวจถึงเบื้องลึก
แชสเทน : ใช่
แฮทธาเวย์ : พอเราหลุดออกมาแล้ว เราไม่เคยกลับไปพูดถึงมันอีกเลย