กาลครั้งหนึ่งเคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า การฟังผลงานเพลงของศิลปินสาย Hiphop ในรูปแบบอัลบั้มเต็ม นอกจากความเพลิดเพลินที่เราในฐานะคนฟังพึงได้รับแล้ว นี่ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่เปิดกว้างให้เราได้ทำความรู้จักศิลปินคนนั้นไปทีละนิด ๆ กับการบอกเล่าเศษเสี้ยวชีวิต วิธีคิด และมุมมองที่เขามีต่อโลก ผ่านบีทและไรม์แบบแทร็กบายแทร็ก ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ในแวดวงอุตสาหกรรมเพลงบ้านเราก็ได้มีศิลปินสาย Alternative Hip-hop ท่านหนึ่งนาม AUTTA (อัตตา) กระทำการสิ่งนี้ผ่านผลงานอัลบั้มเต็มชุดแรกของเขาอย่าง 3.45 x 4.9 x 2.55

ก่อนอื่นเลยต้องเกริ่นถึง AUTTA หรือ กร อัษฎกร เดชมาก กันเสียหน่อย เขาคนนี้คือศิลปิน-แร็ปเปอร์-โปรดิวเซอร์-และนักแต่งเพลง ภายใต้สังกัด YUPP! Entertainment อีกหนึ่งบุคลากรผู้มีฝีมืออันเอกอุแห่งแวดวงอุตสาหกรรมดนตรีทางเลือก ชายผู้สร้างสรรค์หลากผลงานอันน่าจับตา นับตั้งแต่แดบิวต์ซิงเกิลด้วย “ชายหน้ามึน” ในปี 2019 เรื่อยมาจนถึง “เธอบอกว่าฉันคือ” เมื่อปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ควบคู่ไปพร้อมกับการทำงานเบื้องหลังร่วมกับเหล่าศิลปินมากมาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทันทีที่อัลบั้ม 3.45 x 4.9 x 2.55 ผู้คนในแวดวงเดียวกัน รวมไปถึงเหล่านักฟังเพลงทั้งหลายต่างให้ความสนใจ ซึ่งเมื่อได้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบทุกแทร็กแล้ว บอกเลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

3.45 x 4.9 x 2.55 เปิดอัลบั้มด้วยเพลงที่มีชื่อว่า “704” อินโทรที่เผยให้เห็นเรื่องราวของนายกรในสมัยที่เขายังเป็นนักศึกษาพักอยู่ ณ ห้อง 704 ที่มีพื้นที่จำกัดแค่ 16 ตารางเมตร แต่กลับต้องต่อสู้ฝ่าฟันกับหลากเรื่องราวในชีวิต ก่อนจะพบว่าไอห้อง 704 นี่แหละคือพื้นที่ 16 ตารางเซฟที่แคบจัดแต่กลับทำให้เขามองเห็นอะไรได้มากมาย ผ่านท่วงทำนองดนตรี Jazz และสไตล์การแร็ปแบบ Lay Back ซึ่งเป็นการเกริ่นนำกับเหล่าผู้ฟังถึงสไตล์อันจัดจ้านของศิลปินที่ชื่อว่า AUTTA ได้อย่างน่าสนใจ

ต่อด้วย “ทางรถไฟกับวัยเซ่อ - The Railway and a Weiser” แทร็กที่บอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยระหว่างนายกรและนายมิก สองเพื่อนรักชักชวนกันออกไปใช้ชีวตแบบวัยเซ่อริมทางรถไฟ ผ่านบีทและเทคนิกการร้องแร็ปที่มีลูกเล่น จังหวะกลองที่คล้ายสิ่งรถไฟกำลังวิ่งอยู่ก็ดี การเร่งจังหวะเพลงก็ดี การร้องประสานเสียง Gospel ก็ดี หรือแม้กระทั่งเอฟเฟคเสียงแบบวอล์คกี้ทอล์คกี้ในช่วงท้าย พร้อมนำพาเราเข้าสู่เพลงต่อไป “ไม่ว่างมองฟ้า - Too Busy to Look Up” แทร็กที่สะท้อนภาพการใช้ชีวิตของวัยรุ่นสร้างตัวร่วมกับ PRATYAMIC และ K.AGLET ที่ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำงาน ทำงาน หามรุ่งหามค่ำ จนไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะเงยหน้าแหงนมองฟ้า พร้อมตั้งคำถามเล็ก ๆ (ที่จริง ๆ ก็ไม่เล็กเลยนะนั่น) ว่าแท้จริงแล้วตัวฉันนั้นคือใคร? คือสิ่งใด? ซึ่งทั้ง 3 คนต่างร้อยเรียงเล่าไรม์กันได้อย่างคมคาย

“เธอบอกว่าฉันคือ - You Said I Am” อีกหนึ่งแทร็กที่เรียกได้ว่าจัดจ้านและน่าสนใจ ด้วยเนื้อหาที่ดูจริงจัง พร้อมพาเราคนฟังไปสัมผัสถึงภาระอันหนักอึ้งที่ชื่อว่าความคาดหวัง ผ่านไรม์ที่สะท้อนหวงความรู้สึกนึกคิดของ AUTTA ในฐานะศิลปินที่ใครต่อใครต่างนิยามให้เขาเป็นอัจฉริยะได้อย่างลุ่มลึก แต่ว่าตัวเองกลับรู้สึกว่าฉันคงไม่ใช่อะไรทั้งนั้นหรอก สอดประสานไปพร้อมกับเสียงร้องโทนต่ำของ พัด สุทธิภัทร สุทธิวาณิช แห่งวง Zweed n’Roll ที่ช่วยเติมเต็มความ Deep Talk ให้กับเพลงนี้ได้อย่างเพอร์เฟค

ปกติเวลาฟังเพลงของศิลปิน Hiphop เรามักจะได้ยินการขี้โม้กันอยู่แล้ว แต่กับเพลงนี้ “เกลียดกูก่อนมึง - Before You” เป็นผลงานที่ AUTTA ขอด่าความบกพร่องของตัวเองไปพร้อม ๆ กับการยอกย้อนและกวนบาทาคนที่เกลียดขี้หน้าเขาได้กวนประสาทแบบสุด ๆ ก่อนจะชวนย้อนให้คิดว่า หรือที่คุณเกลียดผม ความจริงอาจเป็นเพราะคุณเองก็เกลียดตัวเองไม่ต่างกัน แต่ไม่อยากยอมรับ ก็เลยหาที่ระบายอย่างการเกลียดผมสินะ

ก่อนจะตัดเข้าสู่พาร์ทเกี้ยวกราดของอัลบั้มกับ “Introvert” เมื่อนี่คือตัวเองแท้ ๆ เพียงแต่ไม่เหมือนใคร แล้วทำไมถึงต้องมายุ่งวุ่นวาย ใช้มาตรฐานของตัวเองมาวัดคนอื่นกันนะ ซึ่งเป็นการนำเสนอห้วงความรู้สึกนี้ด้วยน้ำเสียงแบบเริ่มหงุดหงิดแล้วนะครับผม และมาพร้อมกับท่อนโซโล่กีต้าร์ในช่วงท้ายที่โคตรเดือด โคตร Rock สะใจจนไฟลุก เพื่ออารัมภบทไปยัง “ANTLV” ผลงานสุดมาสเตอร์พีชของ AUTTA กับอีกหนึ่งการ Represent ที่โคตรเท่ โคตรอันตรายอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นไรม์ที่แร็ป โฟลว์ที่ใช้ หรือบีทที่ร้อง นี่ซินะที่เขาเรียกว่าทำให้เด็กมันดู

หลังไต่ระดับความเดือดจนสุกงอมแล้ว ทีนี้ก็เข้าสู่ช่วงคูลดาวน์กันบ้าง เริ่มต้นที่ “ทบทวน - Think Over” ที่แท็กทีมกับศิลปินร่วมค่ายสุดเดือดอย่าง NAMEMT ปรับโหมดมาในโทนครุ่นคิด แตกต่างไปจากทุกทีที่เราคุ้นเคย บีทช้า ๆ ฟังสบาย ๆ เน้นหนักไปที่เรื่องราวเสริมพลังบวก ต่อด้วย “หลอกมาเลย - Keep Lying” กับแทร็กที่เรียกได้ว่าฟิล T-Pop มาเต็ม ผสมกับความเป็น AUTTA ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะช่วงฮุคสุดท้ายของเพลงที่เพิ่มคีย์แล้วเพิ่มคีย์อีก ไวบ์เพลงอย่างได้เลยครับ

“สุดท้ายแล้วเราจะ - In the End” หนึ่งในแทร็กที่เคยปล่อยออกมาในรูปแบบซิงเกิลจนกลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตมาแล้ว กับเรื่องราวที่ว่าด้วยสัจธรรมของการจำและลืม พร้อมได้เสียงร้องของ เล็ก อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร แห่ง Greasy Café มาช่วงส่งเสริมไวบ์ของเพลงให้ดูมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว ก่อนส่งท้ายอัลบั้มด้วย “ประกายฟ้า - Sparkles” เพลงช้าที่มีเพียงแค่เปียโนกับเสียงร้องของ AUTTA แต่ก็พร้อมพาเราคนฟังไปสัมผัสการปลอบโยนที่อบอุ่นและจริงใจ นอกจากนี้ยังเป็นแทร็กเดียวของอัลบั้มที่ร้องเพียว ๆ ไม่แร็ปเลยสักบาร์ Emotional มาเต็ม เรียกได้ว่าเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ช่วยให้ภาพรวมของ 3.45 x 4.9 x 2.55 ดูสมบูรณ์ กลมกล่อมครบรสอย่างแท้จริงครับ

ขอบคุณภาพประกอบจาก : YUPP! Entertainment