guncharlie : Find A Jigsaw ประกอบสร้างความฝันด้วยเสียงเพลง
หากจะเปรียบชีวิตเราเป็นดังเกมจิ๊กซอว์ก็คงดูไม่เกินจริงนัก เพราะทุกการเติบโตล้วนต้องอาศัยหลากชิ้นส่วน หลายองค์ประกอบ มาแต่งเติมให้เป็นรูปร่างและถมช่องว่างภายในจิตใจให้มันสมบูรณ์พร้อม เหมือนดังที่ “กัน เสฐพงษ์ เอวสุข” หรือ “guncharlie” ศิลปินหนุ่มมากความสามารถ ทั้งเรื่องร้อง แร็ป และการเขียนเพลง ภายใต้สังกัดค่ายเพลงคุณภาพ Kicks Records ที่ก่อนหน้านี้เราอาจเคยเห็นผลงานของเขามาบ้างแล้ว ผ่านเวที THE RAPPER 2 และซีรีส์เรื่องต่าง ๆได้กล่าวไว้ว่า
“ผมว่าเราทุกเกิดมาเหมือนเป็นภาพที่ยังไม่สมบูรณ์ครับ ต้องมาแปะตรงนั้นตรงนี้ ยังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่าง แล้วก็หยิบหลาย ๆ อย่างมา หยิบความรักที่เคยสมหวังแล้วก็ไม่สมหวัง หยิบเสียงเพลง หยิบดนตรีที่ชอบ จิ๊กซอว์มันก็เหมือนประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับมา ยิ่งเราโตขึ้น ภาพก็ยิ่งดูสมบูรณ์มากขึ้น ตอนแรกมันอาจจะดูมั่ว ๆ แต่พอผ่านไปซักพักนึง เราก็จะเห็นเค้าลางว่าภาพนี้มันกำลังจะพาเราไปตรงไหนครับ”
Intro : กันชาร์ลี (guncharlie)
guncharlie : ศิลปินที่ชื่อ guncharlie เอาจริง ๆ ผมก็พึ่งค้นพบแนวทางที่ชัดเจนของตัวเองไม่นานมานี้ จากการทำผลงานมา 2-3 เพลง และผลงานที่มีอยู่ในช่อง YouTube ส่วนตัวอีกประมาณ 10 เพลง เราก็เติบโตกันมาเรื่อย ๆ จนค้นพบว่าสิ่งที่ชอบทำจริงๆคือเพลงแนว Soundtrack ผมว่ามันน่าสนใจดี และยังเห็นไม่ได้มากในยุคนี้
ผมเป็นคนชอบฟังเพลงที่มีการเล่าเรื่องเป็นฉาก ๆ เพราะชอบอ่านหนังสือ และมีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นนักเขียน ผมอยากเขียนหนังสือแต่ว่าความสามารถไม่ถึง เราไม่ได้รู้ลึกเรื่องการเขียนนิยายหรือหนังสือขนาดนั้น แต่ก็เอาแก่นหลักของการเขียนมาใช้ในการเขียนเพลง ซึ่งเป็นลายเซ็นเล็ก ๆ ของ guncharlie ครับ
Track 1 : นักผจญเพลง (Music Lover)
guncharlie : ผมถูกคนที่บ้านเลี้ยงด้วยเสียงเพลงมาตลอด เพราะว่าพ่อผมเป็นนักฟังเพลงบ้านผมมีแผ่นซีดีเพลงเป็นหมื่น ๆ แผ่นอยู่ในห้องเก็บของ อยู่ในชั้นลอยซึ่งช่วงชีวิตที่เติบโตมา พ่อของผมจะคอยเปิดเพลงให้ฟังอยู่ตลอด เปิดปลุกผม เปิดตอนส่งผมไปโรงเรียน เปิดระหว่างขับรถ เปิดก่อนนอน เราก็เลยซึมซับเพลงทุกรูปแบบ เพราะพ่อเปิดหลายแนวมาก บางวันก็เปิด Jazz อีกวันก็เปิด Metal เปิด J-Pop เปิดเพลงไอดอล ซึ่งมันทำให้เราเติบโตมากับเพลงหลายสไตล์จนผมเริ่มรู้สึกว่าเสียงเพลงมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต สมัยก่อนผมจะนอนไม่หลับเลยถ้าพ่อไม่ได้เปิดเพลง รู้สึกว่าเราขาดมันไม่ได้
ตอนเข้าเรียน ม.1 ผมเริ่มหัดเล่นกลอง ตอนเเรกฝันอยากเป็นมือกลองอันดับต้นๆของประเทศไทย เพราะพ่อเปิดวง X Japan ให้ดู เห็นมือกลองใส่เฝือกคอนั่งโยก ๆ ตีกลองโคตรเท่เลย ผมก็เลยเล่นกลอง เล่น Metalcore หนักมาก ๆ ซ้อมเเต่เพลงของ Dream Theate ใช้เวลาเป็นปีในการกลองแกะทั้งอัลบั้มเลย
ซึ่งต้องเล่าย้อนว่าที่ผมมาจับกลอง เพราะว่าตอนประถมผมเป็นเด็กเรียนเก่งมาก ไปสอบเพชรยอดมงกุฎจนมาเข้า ม.1 การเรียนผมดร็อปลง พอโตขึ้นความสนใจมันก็เริ่มเบี่ยงเบนไปทางอื่น พ่อเลยบอกว่าถ้าการเรียนตกลงงั้นลองไปเล่นดนตรีสิ มันอาจฟังดูเเปลก ๆ เพราะถ้าเป็นบ้านอื่นคงบอกให้ไปเรียนพิเศษ แต่ว่าพ่อผมบอกว่าถ้าเรียนมันไม่ได้จริง ๆ เราควรหากิมมิคบางอย่างมาส่งเสริมชีวิตเรา
หลังจากนั้นความสนใจเราก็เริ่มขยายมากขึ้นเริ่มสนใจความครีเอทีฟในการแต่งเพลง แต่ว่าด้วยความที่เราเล่นเป็นเเค่กลองเราไม่มีทฤษฎีมากพอที่จะไปคิดเรื่องทำนองเมโลดี้สวย ๆ หรือว่าการเรียบเรียงเพลง Pop ก็เลยมาเริ่มพุ่งไปทางแร็ป เราแค่ใช้ปากกาเขียนคำลงในกระดาษ เขียนไรม์ลงไปในสมุด
จนในที่สุด แร็ปมันก็ทำให้เราเริ่มอยากขยายทักษะที่มีให้มากยิ่งขึ้น เริ่มไปหัดเล่นกีตาร์ เล่นเบส เล่นเปียโน จนเริ่มมาทำเพลงเองแบบจริงจัง ทำคนเดียว และมันก็พาเราไปสู่รายการ THE RAPPER 2 จนตอนนี้ผมก็เป็นศิลปินค่าย Kicks Records ถ้ามองย้อนกลับไปจะเห็นว่าทุกอย่างถูกปูมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เด็ก เป็นสเต็ป เป็นขั้น ๆ ไป
Track 2 : นักผจญภัย (THE RAPPER 2)
guncharlie : ด้วยความที่เราทำเพลงมาตั้งเเต่ ม.2 จนถึง ม.5 ตอนนั้นมีการประกาศรับสมัคร THE RAPPER เราก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมาก ด้วยความเป็น Introvert ผมไม่ชอบออกเจอกล้อง แต่ก็มานึกขึ้นได้ว่า THE RAPPER เป็นรายการเดียวที่น่าจะเหมาะกับผมนะ
ผมไม่ได้เสียงร้องดีขนาดที่จะไป The Voice ไม่ได้เก่งมากพอจะไป Thailand’s Got Talent แต่สิ่งที่มีก็คือผมแต่งเพลงตลอด 3 - 4 ปีที่ผ่านมา แล้ว THE RAPPER เป็นรายการเดียวที่เปิดโอกาสให้เราได้แต่งเพลง ผมก็เลยคิดว่าอยากไปลองดูสักครั้ง พอสมัครไป เขาก็โทรกลับมาว่าผ่านนะอยากให้เข้ามาออดิชั่น เราก็ไปออดิชั่นก็ผ่านเข้าไปเรื่อยๆ จนเข้าถึงรอบ Playoff ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายก่อนไฟนอล
ถามว่ารายการ THE RAPPER 2 ให้อะไรผมบ้าง ต้องบอกว่ามากถึงมากที่สุด อย่างที่บอกผมเป็น Introvert แบบมาก ๆ ไม่ชอบอยู่ที่คนเยอะ ๆ ผมจะตัวสั่น ถ้าไปสังเกตตอนเทปออดิชั่นของ THE RAPPER 2 จะเห็นผมยืนอยู่บนเวทีจับไมค์สองมือแล้วก็สั่นตาไม่ยอมโฟกัสมองใครเพราะตื่นเวทีมาก แต่มันก็ทำให้ได้ประสบการณ์มากขึ้น เราไต่ขึ้นไป ผ่านรอบต่อไป มันทำให้เราชินกับแสงไฟที่สาดเข้ามามากขึ้น ชินกับการพบปะเหล่าผู้คนพอจบรายการมันก็เลยทำให้ผมรู้สึกโตขึ้นกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน
Track 3 : ชื่อที่กันไม่ได้สร้าง (charlie.g)
guncharlie : ความจริงเป็นอะไรที่หลายคนงงมาก ๆ แล้วก็ไม่มีใครถามจริงๆผมใช้ชื่อ guncharlie มาตั้งเเต่ม.2 ตอนทำเพลง ที่มาของ guncharlie ก็เป็นชื่อที่เราใช้สมัครเกมครับตอน ม.1 เสิร์ชแล้วชื่อนี้ไม่มีใครตั้ง ทั้งในไทยและต่างประเทศ ผมก็เลยเอามาใช้เป็นชื่อทำเพลงด้วยเลย ใช้มาตลอด
พอมาสมัคร THE RAPPER 2 ใช้ guncharlie ทางทีมงานเขาบอกว่าชื่อนี้ทำให้คิดถึงคำว่ากัญชา ตอนนั้นก็ยังไม่ถูกกฎหมาย พอออกอากาศแล้วมันจะดูไม่ดี เขาเลยเสนอให้เปลี่ยนเป็น charlie.g ผมก็แบบทำใจครับ โอเคก็ได้
แต่พอหลังจบรายการ ผมมานั่งคิดกับตัวเองว่า charlie.g มันเหมือนไม่ใช่ชื่อของเรา มันไม่ใช่ชื่อที่เราลุยเบิกทางสร้างขึ้นมาตั้งแต่ต้น ทำใจยอมรับไปแล้วแต่มันก็ไม่ใช่อยู่ดี จากนั้นก็เลยเปลี่ยนกลับมาใช้ guncharlie เหมือนกัน ดังนั้นถ้าใครจะเรียกผมก็ guncharlie นะครับ
Track 4 : ทลายกรอบความคิด พิชิตความกลัว (Challenge)
guncharlie : หลังจากจบ THE RAPPER 2 ผมก็ทำเพลงอยู่ประมาณนึงสิ่งที่เกิดขึ้นคือไม่มีค่ายเพลงไหนมาดีลเลย ยกเว้นพี่แทน (แทน ลิปตา - ธารณ ลิปตพัลลภ) ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่ได้สร้างค่ายแต่มีการเข้ามาพูดคุยกัน ซึ่งตอนนั้นสิ่งที่ติดต่อเข้ามาคือค่ายการแสดง เขาเห็นลุคเราแล้วคิดว่าเหมาะสมกับบทบาทก็เลยทาบทาม
แต่อย่างที่บอกว่าผมไม่ชอบการอยู่หน้ากล้องมาก ๆ ขนาดทำสิ่งที่ชอบขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ผมยังไม่ไหวเลย ให้ไปแสดงตอนนั้นคือไม่มีทาง ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ แต่ว่าก็ปรึกษากับที่บ้าน เขาบอกว่าโอกาสมาแล้ว เราควรจะคว้าเอาไว้ก่อนนะ ผมก็เลยมีโอกาสได้ไปรับงานแสดงอยู่ช่วงนึง
ช่วงแรก ๆ ต้องยอมรับเลยว่าหนักมาก ๆ ผมเวิร์กชอปการแสดงกลับมาก็ไปนั่งอยู่มุมห้อง รู้สึกเหมือนจะร้องไห้แบบนี้ไม่ใช่ที่ของเรา แต่ก็เริ่มปรับตัวเข้าไปได้ ทำมา 2 ปีกว่าจนเริ่มรู้สึกโอเคกับการแสดง รู้สึกว่ามันเป็นศาสตร์เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แล้วส่วนมากซีรีส์ที่ผมได้รับบทก็มักจะเกี่ยวข้องกับดนตรี เช่น Wannabe ฝัน-กล้า-บ้า-ดัง, The Rhythm of life จังหวะชีวิต...ลิขิตฝัน มันก็เลยเหมือนเป็นการประสานระหว่างดนตรีกับการแสดงครับ
Track 5 : ค่าประสบการณ์ชีวิต (EXP)
guncharlie : เอาจริง ๆ การแสดงทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นเพราะการแสดงไม่ใช่แค่การกระโจนเข้าไปในบทบาทแต่มันคือการค้นหาบทบาทนั้นที่มีอยู่ในตัวเองแล้วดึงมันออกมาทุกครั้งที่ไปแสดงเราจะเห็นภาพของตัวเองมุมมองแบบบุคคลที่สามมันทำให้เรามองตัวเองชัดขึ้นเข้าใจอารมณ์เข้าใจหลายๆอย่างมากขึ้นมองภาพได้กว้างขึ้นดังนั้นมันก็เลยมีประโยชน์ต่อการแต่งเพลง เพราะทำให้เราเข้าใจว่าอารมณ์แบบนี้มันอยู่ตรงไหนเราควรจะขยี้คำตรงไหน
จุดที่เหมือนกันระหว่างการแสดงกับการเป็นศิลปิน คือตอนคุณขึ้นไปบนเวทีคอนเสิร์ตคุณก็ไม่ได้เป็นตัวเองอยู่ดี คุณต้องสวมบทบาทเป็นใครคนนึงที่จะต้องเอนเตอร์เทนเหล่าฝูงชนให้สนุกมากที่สุด การเเสดงก็เหมือนกัน คุณเหมือนไปเป็นอีกคนที่ไม่ใช่คุณทั้งหมด นี่คือจุดเหมือนกันที่เชื่อมโยงกันได้
ส่วนจุดไม่เหมือนกัน คือบางครั้งเราจะไม่ยึดถือตัวเราเป็นหลักในการแสดง เราต้องทำตัวให้เหมือนกับขนนกที่แบบปลิวไปได้ พร้อมหารีเสริชต่างๆนานา เพื่อทำให้เรากลายเป็นคาเเรคเตอร์นั้นๆได้เเต่พอเป็นศิลปินเพลงคือเราต้องชัดเจนแนวทางของเราเพื่อจะยืนหนึ่งในวงการนี้ได้ ผมคิดว่าน่าจะประมาณนี้ครับ
Track 6 : กลับสู่จุดเริ่มต้น (Back to Basic)
guncharlie : เพราะว่าผมเล่นหนังไป 2 เรื่อง เล่นซีรีส์ไป 2-3 เรื่อง พอมีคิวถ่ายเยอะๆ จนไม่มีเวลาทำเพลงเราก็เริ่มรู้สึกคิดถึงมัน วันนั้นผมเลยทักพี่เเทนคือก่อนหน้านี้หลังจบ THE RAPPER 2 พี่แทนเข้ามาคุยว่าเขาจะเปิดค่ายนะ แค่อยากมาคุยก่อนว่าเขาสนใจในตัวกัน อยากลองมาร่วมงานกันไหม ตอนนั้นผมก็บอกไปตรง ๆ ว่ายังหาคนตัวเองไม่เจอ ยังไม่รู้ว่า guncharlie ต้องการทำเพลงแบบไหน และผมก็ไม่อยากเข้าค่ายไปโดยที่ยังไม่รู้เรื่องนี้ ผมเลยขอเวลาพี่เขาก่อน
หลังจากนั้นผ่านไป 2 ปี ผมก็ไปลุยงานแสดง จนถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกว่ายังไงแพสชั่นของเราคือการทำเพลงถ้าอยากใช้ชีวิตก็อยากใช้ชีวิตอยู่กับเพลง อยากทำให้มันหาเลี้ยงชีพเราได้ ผมก็เลยตอบพี่แทนกลับไป
สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อใจพี่แทนกับพี่คัตโตะ (คัตโตะ ลิปตา - อารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล) มาก ๆ คือพี่แทนเขาเป็น Best Producer Of The Year เป็นคนแต่งเพลงฮิตมาหลายเพลงมากๆซึ่งผมชอบนักแต่งเพลงที่เก่งอยู่แล้วหลังจากที่ได้คุยกันก็พบว่าทัศนคติที่เขามีต่อศิลปินมันดีมากเขาเป็นคนดนตรี ดังนั้นผมก็เลยเชื่อใจพี่แทนตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกัน
ตอนนั้นผมยังเป็นคนทำเพลงแนว Experimental แนวทดลองเพลงแบบแปลก ๆ ฟังแล้วแปลก ๆ ตอนคุยกับพี่แทน ผมก็บอกว่าอยากทำเพลงฟังยากๆลึกๆแต่พี่แทนเขาบอกว่าเขาอยากให้ผมทำเพลงที่มันอาจจะไม่ได้เรียกว่า Pop ขึ้นแต่ว่าเข้าใจง่าย แมสมากขึ้นเพราะว่าเขาอยากให้กันรู้สึกถึงความรู้สึกที่เวลาขึ้นไปบนเวทีแล้วคนนับ 10,000 นับ 100,000 ตะโกนร้องเพลงดังขึ้นมากระแทกหน้ากัน ถ้ารู้สึกถึงความรู้สึกนั้นแล้วกันจะเสพติดมัน ผมฟังประโยคนั้นก็เลยแบบว่าใช่เลย มันต้องลุยกับพี่แทนกับพี่คัตโตะนี่แหละ”
Track 7 : ฝันเดิม (Dancing on a Dream)
guncharlie : จริง ๆ ความฝันที่อยากเป็นศิลปินมันเริ่มมานานเเล้วครับ ตั้งเเต่เราเริ่มทำเพลงเองเราก็อยากมีชีวิตอยู่ด้วยการร้องเพลงอยู่ในวงการดนตรีจากตอน ม.1 อยากเป็นมือกลองแบบพี่ชัช bodyslam ก็เริ่มอยากทำเพลงแล้วมีรายได้จาก Youtube การทำเพลงมันนับเป็นความฝันมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย
จำได้ว่าตอน ม.2 คล้าย ๆ จะอกหักครั้งเเรก เราเปิด GarageBand ในโทรศัพท์แล้วก็อัดกีตาร์โปร่งเข้าไป ดีดคอร์ด มีท่อนเวิร์สเป็นแร็ป ฮุกเป็นเสียงปกติ เพลงมีชื่อว่า “หลุมดำ (Black Hole)” เล่าเนื้อหาประมาณว่าเราอยู่คนเดียวก็ดีอยู่เเล้ว พอมีคนเข้ามาทำให้รู้สึกดีด้วยแล้วก็ออกไป มันเลยทำให้ตอนนี้เรารู้สึกเวิ้งว้างอยู่ในหลุมดำ นี่เป็นเพลงเเรกที่แต่งครับ ผมโดนเพื่อนล้อตามสูตรเเต่ก็ไม่สนครับ ทำ ๆ ทำมาเรื่อย ๆ ดังนั้นใช่ การเป็นศิลปินมันใช่ความฝันมาตลอดเลย
Track 8 : สถานะคนทำเพลง (Music Spotlight)
guncharlie : ช่วงทำเพลงเองเพลงของผมมันจะมีความลองของใหม่อยู่ประมาณนึง มีความ Experimental แบบไม่ได้ทำเพื่อความกลมกล่อมในการฟัง แต่ทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเองที่ชอบหลายแนว ชอบ Jazz เอา Jazz มาโยนชอบ Hiphop เอา Hiphop มาโยน ชอบ Samba เอา Samba มาโยน มันเลยเป็นเพลงที่ฟังยากนิดนึง
ซึ่งพอเข้า THE RAPPER เราก็ถูกตีกรอบด้วยความ Hiphop ช่วงนั้นจะทำเพลงแร็ปเป็นหลัก แต่ก็ยังเป็นการเอาทุกสิ่งที่เรามียัด ๆ เข้าไป สนองความต้องการของตัวเองจนได้มาอยู่ค่ายกับพี่แทนพี่คัตโตะ เราเริ่มเรียนรู้ที่จะทำเพลงเพื่อคนฟัง เรียนรู้ที่จะเป็นมิตรกับผู้คนได้มากขึ้นโดยที่ยังไม่สูญเสียความเป็นตัวเรา
จากซิงเกิลแรกจนมาถึงเพลง “Lost Jigsaw” แนวการทำเพลงของเรามันเริ่มชัดมากขึ้น ตัวเพลงมันเน้นการเล่าเรื่องมีการปู มีอินโทร มีการขมวดปมดังนั้นอย่างที่บอกไปว่าตอนนี้ เราอยากจะทำเพลงแนว Soundtrack เน้นบรรยากาศเยอะ ๆ มีความ Ambient เยอะ ๆ เล่นกับบรรยากาศ ถ้าเพลงพูดถึงเสียงนาฬิกาพูดถึงเวลาที่กำลังเดินก็จะมีเสียงเดินของเข็มนาฬิกาไปตามจังหวะเพลง มันคือการประสานกันในรูปแบบนั้นมากกว่าครับ
Track 9 : ดนตรีนั้นคือชีวิต (No Music No Life)
guncharlie : ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 4 คณะดนตรีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรียนเอกกลองด้วยแต่เป็นกลอง Jazz ก็เรียน ๆ แล้วหาเวลามาแต่งเพลง หลัก ๆ คือใช้เวลาแต่งเพลงครับ มีไปทำงานบ้าง เล่นคอนเสิร์ตบ้าง
ในฐานะศิลปิน ผมก็อยากจะเติบโตไปเรื่อยๆครับไม่ได้หวังสูงอะไรมาก ทำเพลงที่ชอบไปเรื่อย ๆ แล้วถ้าคนชอบมันทัชใจคนฟังเหมือนกันก็ถือเป็นเรื่องที่ดีอีก 2-3 ปีอาจจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเองหรืออาจจัดแฟนมีตเล็ก ๆ หรืออาจทำอัลบั้มเต็มขึ้นมาได้ก็ดี ผมหวังไว้แค่นั้นเลยครับ
ผมมีชีวิตอยู่ไม่ได้เลยถ้าไม่มีเสียงเพลงการฟังเพลง มันเป็นเหมือนกับ Soundtrack เหมือนเป็นชีวิตประจำวันของผม สมมุติแบบตื่นมาแล้วฟ้ามันครึ้ม ๆ ผมก็จะหาเปิดเพลงที่ฟังแล้วชวนให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ให้มันเป็นเช้าที่สดใส เพราะผมใช้เพลงเป็น Soundtrack ในการขับเคลื่อนอยู่ตลอดแล้วผมก็ไม่คิดว่าผมจะขาดมันได้เลย
ถ้าเปรียบชีวิต ณ ช่วงเวลานี้เป็นเพลงแนวไหน ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงบิ้วอัพครับ เสียงกลองเป็นจังหวะตึก ๆ คงจังหวะบิ้วกันไป เบรกดาวน์ตอนไหนก็ยังไม่รู้ครับผม
Track 10 : รสนิยมกับการสร้างงานในฐานะศิลปิน (Inspire)
guncharlie : ผมว่ารสนิยมมีผลต่อการสร้างงานมากถึงมากที่สุดเลยครับ เพราะว่ายังไงสิ่งที่เราเอาท์คัมออกมาได้ มันก็คือสิ่งที่เราอินพุตมาตั้งแต่แรกก่อน นักเขียนที่ผมชอบที่สุดเลยเคยบอกไว้ว่า “ถ้าคุณอ่านหนังสือเหมือนกับที่คนอื่นเขาอ่าน คุณก็จะคิดเหมือนกับทุกคน แต่ถ้าคุณอ่านเล่มที่มันแปลกไป คุณก็จะมีความคิดที่มันแปลกออกไป” ดังนั้นสิ่งที่เราจะผลิตออกมาได้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเสพอะไรยิ่งเสพได้กว้างมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีตัวเลือกมีช้อยส์มากเท่านั้น มันส่งผลมาก ๆ ครับ
Outro : ฝากทิ้งท้าย
guncharlie : ขอฝากถึงผู้อ่าน MiX Magazine ถึงแฟนเพลงของผมที่กำลังอ่านอยู่ ฝากถึงเพลง “Lost Jigsaw” ถ้าใครชอบฟังก็ขอให้ทุกคนเจอจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของชีวิตตัวเองในเร็ววันนะครับ ถ้าใครเจอจิ๊กซอว์ชิ้นนั้นแล้วก็อยากให้ดูแลรักษาไว้ให้ดีเช่นกันครับ
ขอฝากซิงเกิลใหม่ของผม “คนที่คุณอาจรู้จัก (People You May Know)” หาก “Lost Jigsaw” เป็นเพลงที่เห็นแสงสว่างอยู่ปลายทางอุโมงค์ เพลงนี้จะเป็นการมองลึกเข้าไปในอุโมงค์ที่มืดสนิท เป็นเพลงเศร้าเกิดมาผมยังไม่เคยแต่งเพลงเศร้าจริง ๆ มาก่อน เป็นเพลงที่เศร้าแบบเอาเป็นเอาตายถ้าคุณกำลังอยู่ในสถานะเดียวกัน เพราะว่าเพลงนี้แต่งมาจากประสบการณ์จริงด้วยครับ
สำหรับช่องทางการติดตามของกันนะครับ Instagram : @guncharlieee, TikTok : @guncharlieee และสามารถติดตามฟังเพลงได้ที่ YouTube : Kicks records แล้วก็ทุกมิวสิกสตรีมมิ่งเลย นอกจากนี้ใน Kicks records ก็จะมีศิลปินที่ชื่อ BENT, JEANIUS และศิลปินที่กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ ฝากด้วยนะครับ
Hidden Track : รู้จักตัวตนทางดนตรีของ guncharlie ผ่าน 5 ศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจ (Music Inspire)
guncharlie : ศิลปินที่ชอบและฟังมานานแล้วคือ Radiohead วงนี้เขาทำเพลงแนว Soundtrack เน้น Ambient มีการเล่าเรื่อง เพลงที่อยากแนะนำคือ True Love Waits เพลงที่นักร้องนำ Thom Yorke แต่งตอนคบกับแฟน แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อย ทิ้งไว้หลายปีมาก ๆ จนเลิกกับแฟนคนนั้น เขาถึงหยิบเอาเพลงนี้มาปล่อย มันเลยเปลี่ยนจากเพลงรักกลายเป็นเพลงที่โคตรเศร้า เศร้าที่สุดของอัลบั้มแล้ว
ศิลปินคนที่สอง Joji ศิลปินในยุคนี้ที่ผมชอบฟังมาก ๆ ติดตามเขาตั้งแต่ทำ YouTube เป็น Filthy Frank ผมว่าเพลงเขาเล่าเรื่องดี เพราะ ถูกจริตมาก ๆ เพลงที่อยากแนะนำ Glimpse of Us ดีมาก ๆ
คนที่สาม Fujii Kaze เป็นศิลปินญี่ปุ่น เขาเป็นมือเปียโนที่เก่งมาก ๆ มาก่อนแล้วมาร้องเพลง เพลงเขาจะมีกลิ่นความเป็นบ้านไร่ญี่ปุ่น มีกลิ่นบางอย่างที่เอามาผสมกับดนตรีที่มีความสมัยใหม่ Hiphop, R&B และ Soul มันเลยมีรสชาติที่เราไม่เคยฟังมาก่อน
คนที่สี่คือ The Beatles พวกเขาคือรากฐานของวงดนตรีสมันนี้ เป็นวงที่เกิดมานานมาก ๆ แล้ว เพลงที่อยากแนะนำคือ Norwegian Wood ซึ่งมีหนังสือที่ทำจากเพลงนี้ด้วย ดีมาก ๆ ครับ
คนที่ห้าผมเลือก NewJeans เป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีที่สร้างความรู้สึกใหม่ที่สุดเท่าที่ฟังมาในช่วงนี้ เพลงของเขามันมีอะไรอย่าง ปกติผมอาจจะไม่ค่อยได้ฟังเพลงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีมากเท่าไหร่ แต่ว่า NewJeans มีความแปลก มีเคมีที่ผมว่าน่าสนใจมาก ๆ เพลงที่ฟังมากที่สุดคือ Zero คนก็อาจจะไม่ค่อยชอบท่อนฮุกเท่าไหร่ เขาบอกท่อนฮุกมันแปลก ๆ แต่ผมรู้สึกว่าฟังครั้งเดียวแล้วจำได้ ก็เลยชอบ ฟังวนไปวนมาครับ
Follow Him
Facebook : Guncharlie
Facebook : Kicks records
Instagram : guncharlieee
Instagram : kicks.records
Tiktok : guncharlieee
Youtube : Guncharlie
Youtube : Kicks Records