โรงพยาบาล ซีเมดลีฟวิ่งแคร์ ดูแลสุขภาพเชิงรุก เกศรินทร์ หลักคำ
หนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนเวทีนางงาม Miss Wellness World Thailand 2024 คือโรงพยาบาลซีเมดลีฟวิ่งแคร์ (SEMed Living Care Hospital) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพเฉพาะทางขนาดกลาง ดำเนินธุรกิจให้บริการตรวจสุขภาพด้านอาชีวเวชศาสตร์แบบครบวงจร
โดยคุณเกศรินทร์ หลักคำ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยทางการแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ไทย โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ จะมาเล่าที่มาที่ไปและเรื่องราวต่าง ๆ ของโรงพยาบาลให้เราได้ฟังกัน
ธุรกิจด้านสุขภาพของโรงพยาบาล ปี พ.ศ.2545 เริ่มต้นจากห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาล ต่อมามีการขยายจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ ในปี พ.ศ.2563 โดยมีผู้บริหารคือ คุณพันธุ์สิทธิ์ ขลิบทอง เป็นกรรมการผู้จัดการ มีห้องปฏิบัติการกลางอย่างมืออาชีพรองรับผู้ป่วยที่มาใช้บริการกว่า 300,000 รายต่อปีโดยมาจากสถานประกอบกิจการมากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ
“โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ มุ่งเน้น ส่งเสริม และป้องกัน งานด้านชีวเวชศาสตร์ เป็นการดูแลสุขภาพโดยเริ่มจากการตรวจสุขภาพพนักงานในโรงงานที่สัมผัสปัจจัยเสี่ยง ซึ่งเป็นการดูแลในเชิงป้องกันก่อนที่จะเกิดโรค ผู้บริหารมีความตั้งใจเป็นองค์กรธุรกิจเพื่อสังคม มีการจัดตั้งมูลนิธิอาชีวเวชศาสตร์ไทยและจะมีงานทางด้าน CSR ที่ควบคู่ไปกับธุรกิจการให้บริการตรวจสุขภาพ และตอนนี้เตรียมขยายเป็นโรงพยาบาลขนาดกลางเฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาตร์ และให้บริการด้าน Wellness ตรงจุดนี้เองเราจึงมีโอกาสมาเข้าร่วมกับเวทีนางงาม Miss Wellness World Thailand 2024 ที่จัดขึ้นโดยสถาบันการสร้างชาติ ด้วยการริเริ่มจาก ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ โดยท่านผู้บริหารมีเจตนาที่ทำเพื่อสังคมอยู่แล้วก็เลยมารวมเป็นแนวทางเดียวกัน
“ต้องขอขอบคุณสถาบันการสร้างชาติ และคณะผู้จัด ที่ทำให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ชาวซีเมดได้มีโอกาสเปิดบ้านต้อนรับ คณะผู้เข้าประกวดนางงาม และทีมงาน ทำให้บุคลากรเราได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้เห็นถึงความจริงจังตั้งใจในการผลักดันเรื่อง Wellness ทั้งภายในองค์กรเอง และเครือข่าย Wellness ในระดับชาติ เราคาดว่า โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ จะเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น คนภายนอกจะได้เห็นถึงสุขสภาพ หรือความเป็น Wellness ของเราชาว SEMed นั่นเอง
“ในส่วนของโรงพยาบาลของเรามีจุดเด่นคือให้บริการเชิงรุก เน้นการส่งเสริมป้องกัน และตรวจสุขภาพก่อนที่จะเกิดการเจ็บป่วย มีหน่วยบริการเคลื่อนที่มีพร้อมทั้ง บุคลากร เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เป็นของเราเอง มีห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ด้านพิษวิทยา และด้านอณูชีวโมเลกุล
“ที่มาถึงวันนี้ได้เพราะผู้บริหารของโรงพยาบาลเราใช้กลยุทธ์ “วิชาการนำการตลาด” ให้ความรู้กับลูกค้าไปพร้อมกับการนำเสนองานบริการที่มีคุณภาพ และการบริหารจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพ ยึดถือ การให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า โดยความต้องการนั้น ต้องไม่ขัดต่อข้อกำหนดของกฎหมาย และระบบคุณภาพ
“ในภาพใหญ่ของประเทศไทย ที่จะผลักดันไปสู่ศูนย์กลางเรื่อง Wellness ของโลกเราเชื่อว่าน่าจะทำได้ เพราะประเทศไทยมีจุดแข็งหลายด้าน อย่างแพทย์มีความสามารถเป็นที่ยอมรับในระดับโลก มีโครงสร้างทางวัฒนธรรมแบบไทยที่เป็นพื้นฐานสำคัญของงานบริการ หรือ Service Mind มีอาหารเพื่อสุขภาพหลากหลาย ถ้ามีการส่งเสริมและพัฒนาเชิงระบบร่วมกันทั้งจากภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาธุรกิจบริการด้าน Wellness น่าจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับบริการ Wellness ของไทย และเป็น Wellness Hub ในระดับโลกได้ค่ะ