สวัสดีครับผมก๊กเลี้ยง ปริญญา อังสนันท์ เป็นนักแสดง ผลงานที่ผ่านมามีซีรีส์เรื่อง TharnType The Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดี ๆ และมีซีรีส์ที่กำลังออนแอร์ในเดือนมีนาคมเรื่อง Love Syndrome รักโคตร ๆ โหดอย่างมึง 3 และพิธีกรรายการ RABENDA MAGAZINE รวมทั้งเปิดคลินิกชื่อ SOLNE CLINIC ตึกมหานครครับ

คำว่าก๊กเลี้ยงมาจากอะไร

ก๊กเลี้ยงเป็นชื่อตั้งแต่เกิดเลย อากงตั้งให้ครับ มาจากคำในภาษาจีน แปลว่าประเทศที่ร่มเย็น เป็นตั่วซุง (หลานคนโต) ของตระกูล

จากนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์สู่วงการบันเทิง

จริง ๆ ผมทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่เรียนแพทย์ปี 2 ครับ ก็เรียนการแสดงไปพร้อม ๆ กับการเรียนหมอ จุดเริ่มต้นก็คือ พอขึ้นปี 2 แพทย์รามาจะย้ายมาเรียนที่พญาไท เราเห็นโลกกว้างมากขึ้น เจอคนเยอะขึ้นก็มีโอกาสได้เข้าไปแคสงานจนได้เล่นละคร แต่ก็มีจุด Turning Point อยู่เหมือนกัน ตอนเรียนหมอปี 4 ซึ่งเป็นปีที่เราต้องไปทำงานจริง ที่โรงพยาบาลก็จะมีข้อห้ามไม่ให้ทำงานที่ไม่เกี่ยวกับงานหมอ จากกฎตรงนี้กลายเป็นทำให้เรารู้ว่าตัวเองรักงานในวงการ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคพอสมควรครับ

ความแตกต่างระหว่างวงการบันเทิงกับวงการแพทย์

ผมมองว่าต่างกันแค่เนื้อหาที่ทำ ด้านอื่นผมว่าไม่ค่อยต่าง ได้เจอคนเยอะทั้งสองวงการ งานหมอของผมก็จะเป็นงานด้านหัตถการในการดูแลคนไข้ ซึ่งเป็นงานละเอียดใช้ศิลปะอีกแบบ งานในวงการก็ใช้ศิลปะอีกแบบ ทั้งสองงานใช้ศาสตร์ทางด้านศิลป์เหมือนกัน

ก๊กเลี้ยงคือเด็กเรียนเด็กเนิร์ดหรือเด็กกิจกรรม

ผมเป็นทั้งสามเลยครับ (ยิ้ม)  ตอนเรียนผมก็ทำกิจกรรมไปด้วย ช่วงมัธยมปลายผมได้ทุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ เป็นนักเรียนในโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยและก็ทำรายการวิทยสัประยุทธ์ของทางช่องเวิร์คพอยท์ไปด้วย ส่วนเด็กเนิร์ดคือผมชอบอ่านการ์ตูนอ่านได้ทั้งวันเลยครับ

 เวลาเจอสถานการณ์ไม่คาดคิด หรือไม่เป็นตามที่หวังคุณบอกตัวเองและก้าวผ่านจุดนั้นได้ยังไง

อย่างเรื่องที่ผมโดนห้ามทำงานในวงการบันเทิง จริง ๆ แล้วความคิดผมตอนนี้กับตอนนั้นอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ถ้าผมตอบตอนนี้ผมก็คงมองหาสาเหตุว่ามันเป็นเพราะอะไร และทำยังไงเหตุการณ์นั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่จะไม่จมกับมัน ไม่เศร้า เรียกว่าใช้คำว่าช่างมันก็ได้ครับ (ยิ้ม) แต่ก๊กตอนนั้นผมมองในแง่ดีนะว่า ทำให้ผมค้นพบสิ่งที่ชอบคืองานในวงการบันเทิง ซึ่งโชคดีกว่าเด็กในวัยเดียวกันที่ค้นหาตัวเองได้เร็ว

ถ้าในสายตาคุณพ่อคุณแม่ก็คงโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และเห็นผมเป็นหมอมากขึ้น (หัวเราะ) ผมว่าธรรมดาของคนเป็นพ่อเป็นแม่นะที่เห็นเรายังเด็กอยู่ แต่เมื่อเรามีโอกาสได้รักษาได้ดูแล อย่างผมเรียนต่อเฉพาะทางด้าน ANTI - AGING  (เวชศาสตร์ชะลอวัย) ก็มีโอกาสได้รักษาคุณพ่อที่ท่านมีโรคประจำตัว ก็ดีใจครับที่รักษาท่านให้หายได้ ฉะนั้นในสายตาคุณพ่อคุณแม่หรือครอบครัวก็คงเห็นผมเป็นหมอประจำครอบครัวแล้วครับ ส่วนในสายตาเพื่อนสนิทถ้าเพื่อนที่เป็นหมอก็คงมองเราเป็นคนบ้าบอเหมือนเดิม แต่ถ้าเวลาทำงานอย่างลงเคสคนไข้ ผมจะค่อนจะข้างดุครับ ค่อนข้างเข้มงวดกับการทำงาน

เป้าหมายชีวิตและในวงการบันเทิง

ถ้าเป้าหมายในวงการบันเทิง ก็อยากทำงานในวงการไปเรื่อย ๆ ครับและตอนนี้ที่แฟนคลับเรียกร้องมากคืออยากให้เป็นคู่เมน (นักแสดงหลัก) สักเรื่อง ก็วานผู้จัดตรงนี้ด้วยเลยนะครับ (ยิ้ม) ส่วนงานหมอก็อยากเรียนเฉพาะทางให้สำเร็จเร็วที่สุดครับ