คริสตี้ หลุยส์ นามวงษ์ ปอนด์ เดชะพล โตยิ่งเจริญ Maximum Thrust แรงผลักดันชีวิตพิชิตฝัน
ในเรื่องของความเร็วกับ Motor Sport มีผู้ที่ชื่นชอบจำนวนมาก ด้วยคามเร็วแรงของเครื่องยนต์ทำให้มีการจัดแข่งขันในหลายประเภท และหนึ่งในสายที่นิยมมากที่สุดกลุ่มหนึ่งก็คือ การดริฟท์ ที่ไม่ใช่การขับรถให้เร็วเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้ศิลปะการบังคับรถให้ไถลออกด้านข้าง ตามระยะที่ผู้ขับต้องการ เรามาพบกับคนดัง 2 ท่านที่อยู่ในวงการดริฟท์ คือคุณคริสตี้-หลุยส์ นามวงษ์ และ คุณปอนด์ เดชะพล โตยิ่งเจริญ มาบอกเล่าเรื่องราวความน่าสนใจของวงการดริฟท์ให้ชมกัน
เราอยากให้คุณปอนด์เป็นตัวแทน ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่าการดริฟท์มันคืออะไร
คุณปอนด์ : การดริฟท์ก็คือการที่เราทำให้รถมันเสียหลัก ซึ่งต่างจากการขับรถแบบปกติที่บังคับให้ตรงไปข้างหน้า ดริฟท์มันเกิดจากความบังเอิญของคนขับรถเข้าโค้งบนภูเขา แล้วเกิดอาการเสียหลัก แต่สามารถควบคุมให้มันสามารถสไลด์ไปในโค้งได้ นั่นก็คือศาสตร์การขับรถอีกรูปแบบหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันนี้มีการแข่งขันที่แพร่หลาย โดยการจงใจทำให้รถเสียหลัก และสามารถไปในทิศทางที่เราต้องการได้ นั่นก็คือการดริฟท์ครับ ส่วนใหญ่รถยนต์ที่ดริฟท์ได้ดี ควรเป็นรถการขับเคลื่อนล้อหลัง เพื่อเอามา Modify ไม่ว่าจะเป็น BMW NISSAN SILVIA Nissan CEFIRO เราสามารถ Modify หรือปรับแต่งให้เหมาะสมกับในคลาส ๆ นั้น เพราะการแข่งขันมีหลายคลาส ตั้งแต่คลาส New Gen มือใหม่ คลาส A คลาส Open อะไรแบบนี้ ทุกอย่างมันก็จะขึ้นอยู่กับแรงม้า ขึ้นอยู่กับยาง และการปรับแต่งต่าง ๆ
อยากให้ทั้งสองท่านเล่าว่าเข้าวงการ "ดริฟท์" (Drift) รถยนต์มาได้อย่างไร
คุณคริสตี้ หลุยส์ : ก็ต้องเล่าย้อนไปเลยค่ะว่า คริสตี้เริ่มต้นจากความชอบล้วน ๆ จากการที่เราดูผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างภาพยนตร์ก็เลยรู้สึกว่าเราอยากที่จะทำแบบนั้นบ้าง แล้วก็คิดว่ามันน่าจะปลอดภัย คือวิ่งมาแบบเหมือนจะหลุดโค้งแล้วยังไปต่อได้ ก็เลยทำให้เกิด Passion ตรงนั้นขึ้นมาค่ะ จึงได้มาลองเต็มตัวจนกระทั่งมาเจอพี่ปอนด์นี่แหละค่ะ
คุณปอนด์ : ส่วนผม เกิดมาก็อยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ต คือคุณพ่อเป็นนักแข่งรถมาก่อน แต่ตอนผมเด็ก ๆ เรายังไม่รู้เรื่องอะไรมาก เห็นคุณพ่อแข่งรถแค่นั้น พอโตขึ้นคุณพ่อก็เริ่มให้ผมหัดขับโกคาร์ท มอเตอร์ไซค์วิบาก จนมาแข่งรถยนต์ทางเรียบ แล้วช่วงผมไปเรียนต่อปริญญาโทที่ญี่ปุ่น พอดีรุ่นน้องเขาไปแข่งรถดริฟท์อยู่บนภูเขา ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ถูกต้อง อันนี้ผมไม่แนะนำนะครับ แต่เขาก็ไปเริ่มดริฟท์กันตรงนั้น แล้วผมก็ได้รถมาคันนึงก็เลยได้มีโอกาสหัดดริฟท์ ซึ่งผมเริ่มจากบนภูเขามาก่อน แล้วเราก็เริ่มฝึกในสนาม ได้มาแข่งทั้ง ๆ ที่ผมก็เริ่มแข่งขันยานยนต์หลายประเภท แต่พอกลับมาเมืองไทยสุดท้ายเราก็มาจบที่การดริฟท์ แล้วชอบการดริฟท์มากที่สุดครับ
ประสบการณ์ในการดริฟท์ครั้งแรกของทั้งสองท่านเป็นอย่างไร
คุณคริสตี้ หลุยส์ : ได้ดริฟท์ครั้งแรกตื่นเต้นมากค่ะ คือในช่วงแรกยังทำการดริฟท์ไม่ได้หรอกค่ะ พอซ้อมจบกลับบ้านไปคืนนั้นรู้สึกว่านอนไม่หลับเลย
คุณปอนด์ : สำหรับผมเวียนหัวดีครับ ตอนที่ผมขับไม่มีโรงเรียน Drive To สอนดริฟท์ เรียนรู้มั่ว ๆ กับรุ่นน้อง ที่ญี่ปุ่นฝึกกันบนภูเขาจนตอนหลังเราไปในสนามแข่ง มีคนสอนแบบถูกวิธี เราก็เลยเริ่มรู้สึกว่า อ๋อ ดริฟท์มันคืออย่างนี้นี่เอง เราก็เริ่มสนุกแล้วก็เริ่มขับถูกทางมากขึ้น จนกลับมาแข่งดริฟท์ที่เมืองไทย และมีโอกาสแข่งที่ประเทศญี่ปุ่น จึงเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนที่คุณสองคนจะแข่งรถดริฟท์ได้ใช้เวลาซ้อมมากน้อยแค่ไหน
คุณคริสตี้ หลุยส์ : คือฝึกตั้งแต่เช้า 8:00 น.จนถึงค่ำ แต่ระหว่างวันก็มีการพักด้วย เราไหวแต่รถไม่ไหว บางทีเคยซ้อมจนเครื่องระเบิดไปเลย แล้วก็ไปให้พี่ปอนด์ซ่อม บางคันก็ซ่อมไม่ได้ จนพี่ปอนด์ต้องบอกว่าคริสตี้ต้องพักรถบ้าง อาจจะวิ่งซัก 2 รอบแล้วก็พัก ฉีดน้ำเพื่อให้ความร้อนของเครื่องได้ระบายออก
คุณปอนด์ : สำหรับผมก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ในครั้งแรกผมซ้อมที่ญี่ปุ่นก็ใช้เวลานานพอสมควรแต่สนุกครับ
ในเรื่องของรถและอุปกรณ์เซฟตี้ ต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
คุณปอนด์ : อย่างโรงเรียนสอนดริฟที่ผมเปิด เราจะมีรถให้ มียาง มีน้ำมัน มีผู้ฝึกสอน ก็จะมีอุปกรณ์เซฟตี้อย่างเช่น ถุงมือ หมวกกันน็อค แต่ที่เน้นที่สุดคือเป็นรองเท้าผ้าใบ เพราะถ้าเป็นรองเท้าแตะเหยียบแล้วเท้ามันปลิ้นหลุด อาจบาดเจ็บได้ มีโครงเหล็ก มีเบาะ ที่ช่วยเซฟเวลาตีลังกา ส่วนหนึ่งของตัวรถที่เราปรับตกแต่งเพื่อให้เหมาะสมกับการดริฟท์
เทคนิคการขับรถดริฟท์ของแต่ละท่านเป็นอย่างไรบ้าง
คุณคริสตี้ หลุยส์ : น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องทำให้ตัวเองรู้จักและให้เข้ากับรถมากที่สุด เพื่อที่เราจะได้ชินในการสั่งงานหรือว่าตรงนี้รถเรามันเกินลิมิตแล้ว แต่ถ้าฝืนเราอาจจะเสียอาการเสียหลัก เพราะอย่างที่บอกคือ รถเป็นตัวนำพาให้เราไปดริฟท์ แต่ถ้าเราไม่สื่อสารกับรถให้ดี เราคันเดียวก็คงไม่สามารถพารถไปได้ ทั้งสองอย่างต้องร่วมกัน
คุณปอนด์ : หลักการดริฟท์คือ เราต้องทำให้มันเคลื่อนที่ไปด้านข้าง เกิดการสไลด์ต้องควบคุมคันเร่ง เรื่องนี้สำคัญมาก คันเร่งและตาที่เรามองว่าจะต้องไปจุดไหน คันเร่งจะเป็นตัวส่งให้รถไป อันนี้ก็อยู่ในอัตราขึ้นทดเกียร์ต่างหากว่าเราจะไปเกียร์ 2 ลง 3 หรือ 3 ไป 2 หรือ 3 ไป 4 ซึ่งมันขึ้นอยู่กับอัตราการหมุนของตัวล้อ ยิ่งหมุนเร็วรอบเยอะ มันก็จะยิ่งไปได้ไกล การแข่งดริฟท์ส่วนมากแข่งกันประมาณ 20 - 30 วินาที เพราะฉะนั้นการเซ็ตรถให้เหมาะกับในไลน์ตรงนั้นมันสำคัญ
ทั้งสองท่านเคยประสบอุบัติเหตุจาการแขงรถดริฟท์บ้างไหม
คุณคริสตี้ หลุยส์ : เคยค่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่ง คือดึงเบรคมือผิดจุด ตอนซ้อมเรามาร์คไว้ว่าจุดนี้ว่าจะดึงเบรคมือแล้วดริฟเข้าไป แต่พอดีวันนั้นมันเลยไปนิดนึง แต่ด้วยความเร็วของรถ แล้วมีความตื่นเต้น จุดมาร์คผิดแค่เสี้ยววินาที ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป รถยนต์ลอยขึ้นไปกว่า 2 เมตร คือสูงมาก หัวกระแทกโรบาร์ แต่คริสตี้ใส่หมวกกันน็อค และคาดเข็มขัดก็เลยช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้เยอะ
คุณปอนด์ : ต้องมีแน่นอนอยู่แล้ว หลายเหตุการณ์ด้วย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นรายการเมืองนอก คือต้องดริฟท์เอาท้ายรถชิดกำแพง รู้สึกว่าจะเป็นรอบชิงที่ 3- 4 แล้ว ใครชนะก็ไปชิง 1-2 แต่ก่อนหน้านั้นมันมีอุบัติเหตุเกิดจากรถคันอื่นมาก่อน แล้แบริเออร์มันล้มในสนาม พอเราดริฟท์มาปุ๊บ ท้ายรถไปเกี่ยว รถเสียหลักทันที เรามาย้อนดูว่าอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยมันสำคัญมาก ซึ่งก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ไฟไหม้รถ บังเอิญมีท่อน้ำมันรั่วในห้องเครื่อง โอริงหัวฉีดมันรั่ว แล้วฉีดเข้ามาในฝั่งท่อไอเสีย ไฟนี่ลุกพรึบ แต่คือเราว่องไว เพราะว่าเข็มขัดนิรภัยมันเหมือนจะรัดและเกะกะก็จริง แต่เวลาปลดออกมันไว ผมก็โดดพรวดออกมาจากรถทันที ที่รีบลงไปไม่ใช่อะไรหรอกครับ ต้องรีบเรียกดับเพลิงมาเดี๋ยวไฟไหม้รถมากไปกว่าเดิม
นอกจากอุปกรณ์ป้องกันบวกกับสติที่ไม่ประมาทแล้ว พวกคุณมีที่พึ่งทางใจอย่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยรึเปล่า
คุณคริสตี้ หลุยส์ : อย่างคริสตี้เป็นคริสเตียน ก่อนจะแข่งก็จะอธิษฐานขอพระเจ้าปกป้องคริสตี้และคนที่ขับด้วยกัน
คุณปอนด์ : ของผมก็มีไหว้พระอะไรแบบนี้ แต่ไม่ใช่คนไทยเท่านั้นที่มีความเชื่อ คนญี่ปุ่นเองเขาก็ทำ แต่ถ้าถามว่าห้อยพระอะไร ก็อาจจะเป็นเครื่องรางของขลังจากวัดเพื่อให้ขับรถปลอดภัย หรือทำให้โชคดีได้รับชัยชนะ
พวกคุณคิดว่าการขับรถบนถนนปกติ กับการขับบนสนามแข่งมีความต่างกันตรงไหนบ้าง
คุณคริสตี้ หลุยส์ : มันต่างกันมากนะคะ เพราะว่าในสนามแข่งคริสตี้รู้ว่าทุกอย่างมันปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นคริสตี้หรือพี่ท่านอื่นที่เราจะต้องมาแข่งกัน เราผ่านชั่วโมงฝึกชั่วโมงบินมานานพอสมควร เช่นถ้าเรารถหมุน ผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นจะหักหลบได้ หรือคันหน้าเสียหลักคริสตี้ก็จะหลบเขาได้ ไปในทางที่เราวางแผนไว้ แต่ถนนจริงจะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าเดิม เพราะเราคาดเดาไม่ถูกเลยว่า จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นมาก็จะใจเย็นมากเลย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับสนามแข่งน่าจะใจร้อนกว่า
คุณปอนด์ : บนท้องถนนถ้าไม่รีบจริง ๆ ก็ไม่ค่อยขับเร็วเท่าไหร่ครับ คือสมัยวัยรุ่นก็มีซิ่งบ้าง ต้องบอกว่าไม่ควรทำตาม เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทั้งตัวเราและคนอื่น แต่ผมยังไม่เคยประสบอุบัติเหตุบนถนนนะ อย่างมากแค่มีเบรกกะทันหัน พอเราเริ่มโตบนถนนเราก็เริ่มจะเบา เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย แต่ถ้าในสนามนั้นเต็มที่ครับ
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าการขับดริฟท์สามารถนำไปประยุกต์ใช้บนถนนจริงได้
คุณคริสตี้ หลุยส์ : สมมุติเราขับรถบนถนนไปเจอเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือฉุกเฉินซึ่งสามารถเกิดได้ตลอดเวลา ถ้าเรามีทักษะตรงนี้เราสามารถคอนโทรลรถได้จริง ๆ คือเราจะต้องมีสติในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของรถเสียหลัก การที่เราไม่ปล่อยพวงมาลัยหรือเหยียบเบรคกะทันหัน รถมันก็จะหมุนแล้วรถคันหลังก็จะมาชนเราอีก จึงต้องมีทักษะการฝึกฝนมาก่อนถึงแก้ปัญหาได้
คุณปอนด์ : ข้อดีของดริฟท์สามารถนำเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันบนท้องถนนได้จริงครับ ยกตัวอย่างเช่นเราไปเที่ยวเขาใหญ่ แล้วจำโค้งซ้ายหรือขวาไม่ได้ บังเอิญฝนตกแล้วเราขับรถมาด้วยความเร็วอาจเกิดการสะบัด ถ้ามีการฝึกฝนมาจะสามารถบังคับรถให้ปลอดภัยได้
ปัจจุบันวงการรถแข่งดริฟท์เป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกันกับต่างประเทศ
คุณปอนด์ : ถ้าพูดกันตามตรงการซัพพอร์ตจากสปอนเซอร์หลัก ๆ ค่อนข้างน้อยมาก เรียกว่าต้องใช้เงินทุนของตัวเองเกือบหมด แต่ถ้าเป็นต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นทีมโรงงานหมด ถ้าประเทศไทยมีทีมจากโรงงานช่วยซัพพอร์ตนักแข่งที่มีคุณภาพในทีมจะเยอะ วงการดริฟท์ก็อาจจะเติบโต รวมถึงวงการมอเตอร์สปอร์ตก็เติบโตขึ้นด้วย
สุดท้ายนี้อยากให้ทั้งสองคนช่วยฝากอะไรหน่อย
คุณคริสตี้ หลุยส์ : อยากจะขอฝากช่องยูทูปของคริสตี้ มีชื่อว่า “Christy Louis Channel” เป็นช่องที่อัพเดทนวัตกรรมวงการมอเตอร์สปอร์ต รีวิวรถ เทรนไหนมาแรง และเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ในการที่ดริฟท์ ในแต่ละวันนักดริฟท์จะต้องเผชิญการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมตัวก่อนแข่ง การเตรียมรถ หรือสถานการณ์จริงในการแข่งขัน ก็เอามาถ่ายทอดให้แฟน ๆ ติดตามกันอย่างใกล้ชิดค่ะ
คุณปอนด์ : ผมก็อยากจะฝากโรงเรียน “Drive to Drift Academy” ไว้ในดวงใจด้วยครับผม สำหรับคนที่สนใจอยากที่จะปรึกษาด้านศาสตร์ในการขับรถอีกแบบ อีกสไตล์ในการสไลด์ไปด้านข้าง เราก็จะมีรถมีทุกอย่างเตรียมพร้อม มาแต่ตัวพร้อมทั้งหัวใจ เราได้สนุกกันแน่นอนครับ