The Passion of Anna : ส่งต่อ Passion สู่เส้นทางของความเป็นร็อกเต็มขั้น

The Passion of Anna : ส่งต่อ Passion สู่เส้นทางของความเป็นร็อกเต็มขั้น

จากจุดเริ่มต้นโดย อู Day Tripper และ อ๊อด สามารถ อิ่มขำ สู่ The Passion of Anna วงดนตรีร็อกที่อิมพอร์ตซาวด์ฟุ้ง ๆ แบบชูเกซ-ดรีมป็อป มาจากประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นวงดนตรีวงนี้ก็ได้ผ่านการปรับเปลี่ยน ยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อเรื่อยมา และในปัจจุบันนี้ The Passion of Anna ได้ตัดสินใจปรับแนวดนตรีของพวกเขา มุ่งหน้าเต็มสูบสู่เส้นทางของความเป็นร็อกแบบเต็มขั้น พร้อมส่งต่อ Passion ทางดนตรีอีกครั้ง ด้วยสมาชิกรุ่นเก่าที่แฟน ๆ คุ้นเคย และเสริมทัพด้วยสมาชิกรุ่นใหม่ฝีมือน่าจับตา ประกอบด้วย โฟม สิรามล วิชัยรัมย์ (ร้องนำ), ภู ภูริทัต ธีรเชษฐมงคล (กีตาร์), ท็อป วาทิน ชุติวราภรณ์ (กีตาร์), เอก ธีรพงษ์ พรหมดี (เบส) และ เอก ศุภฤกษ์ กานต์ศุภมิตร (กลอง)

The Passion of Anna วงดนตรีร็อกที่อิมพอร์ตซาวด์ฟุ้ง ๆ

เกริ่นประวัติของ The Passion of Anna แบบคร่าว ๆ 

เอก : ถ้าให้เล่าแบบเต็ม ๆ นี่ยาวเลย เอาแค่สตาร์ทก่อน วงเริ่มต้นโดยพี่อู Day Tripper (อู วาสิต มุกดาวิจิตร) แล้วก็กลุ่มเพื่อน ๆ พี่อ๊อด สามารถ อิ่มขำ, พี่ท็อป ธนภัทร ศรีกลิ่น มือกีต้าร์และมือเบสยุคแรกของวง ในช่วงนั้นจะเป็นยุคของดนตรีแนวชูเกซ แนวดรีมป็อป มีความลึก มีซาวด์แบบอังกฤษ ฟุ้ง ๆ มีผลงานเป็นอีพีที่มีชื่อว่า Lusty (2006) จากนั้นก็มีผลงานออกมา 2 อัลบั้ม คือ Despair (2012) กับ Satre (2013) 

จากนั้นผมก็มาเจอภูกับเอกที่มหาวิทยาลัย ท็อปก็เป็นน้องที่รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว ส่วนน้องโฟม ตอนนั้นพวกเราไปโชว์ที่วิทยาลัยของน้องก็ได้มีการทาบทามกันไว้ จนกระทั่งนักร้องไลน์อัพเก่าเขามีธุระส่วนตัวขอออกจากทีม เราก็เลยชวนน้องโฟมเข้ามาในทีม

สำหรับ The Passion of Anna ในปัจจุบัน การทำงานของพวกเราเน้นความเป็นทีมเวิร์ก ช่วยกันคิดไอเดียเพื่อที่จะให้อัลบั้มใหม่ของพวกเราฉีกจากชูเกซ ฉีกจากดรีมป็อป เน้นความเป็นร็อกจริงจัง ประมาณนั้นครับ

เอกธี : พวกเราสนใจดนตรีร็อกยุค 80s ในขณะเดียวกันดนตรีของพวกเราก็ผสมผสานความเป็นร็อกยุคใหม่เข้าไปด้วย

ท็อป : อย่างเช่นเราผสมเมทัลคอร์เข้ามา เพื่อที่จะให้ดนตรีดูมีมิติมากขึ้น ทันสมัยมากขึ้น 

เอกธี : แต่ก็ไม่ได้มีความเป็นเมทัลจ๋าอะไร ไม่ได้ว้าก ยังคงความเป็นร็อกเอาไว้อยู่ และเน้นไปที่พลังของเสียงร้องของน้องโฟม

The Passion of Anna วงดนตรีร็อกที่อิมพอร์ตซาวด์ฟุ้ง ๆ

เสน่ห์ของดนตรีร็อกในแบบของ The Passion of Anna

ภู : ดนตรีร็อกเนี่ยเป็นดนตรีที่ค่อนข้างจะใช้อารมณ์ความรู้สึกในการเล่นดนตรี จุดเด่นของเราคือการแสดงในโชว์ที่มีพลัง ถ่ายทอดพลังจากนักดนตรีไปสู่ผู้ฟัง ด้วยความที่ดนตรีร็อกมักจะเล่นกับอะไรที่ใช้อารมณ์เป็นหลัก เราก็พยายามที่จะดึงอารมณ์ตรงนั้นออกมาให้คนฟังเอนจอยไปด้วยกัน

เอกธี : เราจะดึงอิมเมจของร็อกแอนด์โรลมาใช้ เน้นความดิบ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูสุภาพ

ภู : คือตัวดนตรีในผลงานของพวกเราที่ผ่านมาอาจจะมีความเป็นร็อกแบบดิบ ๆ แต่ว่าจากนี้พวกเราอาจจะปรับตัวให้ตัวดนตรีมีความไพเราะมากขึ้น ลดความดิบลงเพื่อกระจายงานไปถึงกลุ่มผู้ฟังที่หลากหลายขึ้น

The Passion of Anna วงดนตรีร็อกที่อิมพอร์ตซาวด์ฟุ้ง ๆ

ที่บอกว่าฉีกไปจากชูเกซ จากดรีมป็อป คือต้องการให้คนลืมภาพเก่าของวงไปเลยใช่หรือไม่

ทุกคน : ใช่ครับ/ค่ะ

ภู : สำหรับแฟนเพลงจากยุคแรก พวกเราขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ เพราะว่าการจะกลับไปเป็นแบบเดิมคงไม่ได้แล้ว แต่ถ้าอยากได้ความมันส์ ได้ความความไพเราะที่มากขึ้น รับรองว่ามีแน่นอนครับ

ผลงานของ The Passion of Anna ยุคปัจจุบัน

ภู : ก่อนหน้านี้พวกเราได้นำเพลงจากยุคเก่าของวงมาเรียบเรียงกันใหม่บางเพลง ตอนนี้ปล่อยออกมาแล้ว 1 เพลง คือ “เธอคือความมืดมน (Darkness Fall)” แล้วก็มีเพลงใหม่อีก 2 เพลงที่ปล่อยออกมา คือ “ตะโกน” กับ “วิเศษสว่าง​ ​(The Sun)” และปีนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะมีอัลบั้มปล่อยออกมา มี 10 ถึง 12 เพลงประมาณนั้น

The Passion of Anna วงดนตรีร็อกที่อิมพอร์ตซาวด์ฟุ้ง ๆ

พูดถึงสองเพลงใหม่อย่าง “ตะโกน” กับ “วิเศษสว่าง​ ​(The Sun)” ให้เราฟังกันหน่อย

ภู : ตะโกน เพลงนี้เป็นเพลงช้าที่พวกเราออกแบบกันร่วมกันโดยยึดหลักว่าไม่อยากให้มีเนื้อเพลงเยอะไป เราอยากเปิดพื้นที่ให้คนฟัง ให้คนที่เขาอึดอัดอยากระบายได้เปล่งเสียงตามเพลงออกมา เพราะผมเชื่อว่าเวลาที่เราอึดอัด หากได้ตะโกนออกมาสักหน่อยมันน่าจะดีขึ้น

สำหรับ วิเศษสว่าง ​จุดเริ่มต้นมาจากเอกธีแต่งให้ลูกของเขา แต่งเป็นทำนองเบส แล้วผมเขียนเนื้อร้อง เพลงนี้เป็นเพลงที่แทนความรู้สึกเวลาเราเจอใครสักคน คนที่ทำให้ท้องฟ้าของเราไม่มืดมนอีกต่อไป คนที่เวลาเราเจอปัญหาอะไรมา เขาคนนั้นคือคนที่มอบแสงสว่างให้กับเรา เป็นเพลงรัก เพลงให้กำลังใจประมาณนั้นครับ

The Passion of Anna วงดนตรีร็อกที่อิมพอร์ตซาวด์ฟุ้ง ๆ

คิดว่ารสนิยมมีผลต่อตัวของศิลปิน ต่อการสร้างงานของศิลปิน มากน้อยแค่ไหน

ภู : คือรสนิยมมันเหมือนกับสิ่งที่เราสะสมมาตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เราฟังเพลง เวลาที่เราทำงาน รสนิยมมันก็จะซึมออกมาผ่านตัวผลงานของเรา สำหรับรสนิยมกับการทำงานมันคือข้อมูลตกค้างที่เข้ากับเราได้ครับ

เอกธี : สำหรับผมรสนิยมมันมีผลต่อการแสดงมากกว่า ส่วนตัวผมชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีม ชอบสเก็ตบอร์ด เวลาทำการแสดงผมก็จะโผงผาง วิ่งไปวิ่งมา กระโดด ส่วนเรื่องของการทำเพลงก็มักจะมีท่อนโดด ๆ คุยกับวงแบบ เฮ้ย เพลงนี้ต้องมีท่อนที่คนโดดได้นะ 

โฟม : รสนิยมของหนูส่วนใหญ่จะออกไปในทางการแต่งตัว หนูพยายามแต่งตัวให้ตัวเองดูเท่ 

เอก : รสนิยมของผมส่งผลถึงการตีกลองเยอะมาก อย่างเวลาที่ผมดูการตีกลองของศิลปินแต่ละคน เช่น Tommy Lee จากวง Mötley Crüe ผมก็พยายามเก็บเทคนิคของเขามาฝึก นำมาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง เข้ากับแนวทางของวง 

ท็อป : สำหรับผมเรื่องรสนิยมค่อนข้างเปิดกว้าง แต่ละช่วงชีวิตของผมก็มีรสนิยมที่เปลี่ยนไปตามยุค คือผมไม่ได้ฟังเพลงร็อกอย่างเดียว ช่วง 2000 ต้น ๆ ก็ฟังนูเมทัล ช่วง 2010 ก็จะเป็นยุคบอยแบนด์เกาหลี ผมว่ามันดีนะการฟังเพลงหลากหลาย นำความชอบที่หลากหลายมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับตัวเองในการสร้างงาน ประมาณนี้ครับ

The Passion of Anna วงดนตรีร็อกที่อิมพอร์ตซาวด์ฟุ้ง ๆ

ช่วงส่งท้ายของการสัมภาษณ์

โฟม : ทุกคนสามารถติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ The Passion of Anna ส่วนผลงานเพลงติดตามฟังได้ที่ Youtube ของ Summer Disc Music Label และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ  

เอกธี : สำหรับผลงานเพลงที่เรากำลังจะปล่อยออกมาเร็ว ๆ นี้มีชื่อเพลงว่า “ทลายกำแพง (Break Down The Walls)” ฝากทุกคนติดตามกันด้วยนะครับ  

 

 

 

Follow Them
Facebook : The Passion of Anna
Youtube : Summer Disc Music Label

Photo : Satchaphon Rungwichitsin

The Passion of Anna : ส่งต่อ Passion สู่เส้นทางของความเป็นร็อกเต็มขั้น