นาฑี getsunova
จากฉบับที่แล้ว คอนเนกชั่นของ โอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ ได้ส่งต่อมาถึงศิลปินที่เขาชื่นชอบ ซึ่งเขาคนนั้นคือ นาฑี getsunova ชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เขาคือมือกีตาร์ประจำวง getsunova วงดนตรีที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก การันตีด้วยความสามารถและผลงานเพลงที่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากแฟนเพลงเสมอ เราอาจรู้จักเรื่องราวและผลงานของเขากันมาแล้ว แต่ในครั้งนี้เราลองทำความรู้จักกับมือกีตาร์ผู้สวมหน้ากากในแง่มุมที่เราไม่คุ้นเคยกันดีกว่าครับ
ชีวิตในวัยเด็ก?
ตอนผมเป็นเด็ก ผมเรียนอยู่ที่อังกฤษ ชอบเล่นกีฬากับดนตรีครับ ถ้าเป็นกีฬาหลัก ๆ เลยคือเล่นฟุตบอล ตีเทนนิส นอกจากนั้นผมชอบเล่นเกมกับดูการ์ตูนครับ
เริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่เมื่อไหร่?
ผมเริ่มเล่นดนตรีจริงจังช่วงอายุ 15-16 ซึ่งถือว่าช้ามาก เล่นอยู่ประมาณหนึ่งปีถึงเริ่มฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนชาวต่างชาติที่ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป
แล้วมารวมตัวเป็น getsunova ช่วงไหน?
ช่วงที่ผมฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนชาวต่างชาติ ผมได้รู้จัก เนม ปราการ ไรวา กับ นต ปณต คุณประเสริฐ ซึ่งพวกเขาเรียนอยู่ที่อังกฤษเหมือนกัน หลังจากวงเดิมแยกย้าย เราก็ฟอร์มวงกันขึ้นมา แต่เพราะช่วงนั้นยังเรียนอยู่แค่มัธยมก็เลยไม่จริงจังกันมาก จนเรียนจบมัธยม เข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัย เนมเป็นศิลปินเดี่ยวอยู่ที่ GMM Grammy ตอนนั้นเนมเขาอยากมีวงดนตรีจึงชักชวนพวกเรากลับมาฟอร์มวงทำเดโม่เพลง ส่งให้ทางโปรดิวเซอร์ของเนมฟัง หลังจากนั้นพวกเราได้เข้าไปอยู่ในสังกัดสนามหลวงมิวสิค มีผลงานเพลงออกมา เริ่มจากซิงเกิลแรกชื่อเพลง กล่อม
ช่วงแรกที่เริ่มปล่อยเพลงออกมาได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง?
ช่วงแรกวง getsunova ปล่อยเพลงเกือบทุกปีเลยครับ ภายใน 4-5 ปีเราปล่อยเพลงออกมาประมาณ 7 เพลง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร งานจ้างก็ไม่มี ตอนนั้นผมคิดว่าการเล่นดนตรียังไม่ใช่อาชีพของเรา พวกเราเลยพักเรื่องดนตรีไปประมาณปีสองปี เพราะสมาชิกในวงต่างมีธุรกิจครอบครัวที่ต้องช่วยดูแล แต่หลังจากนั้นก็ปล่อยเพลง “ไกลแค่ไหนคือใกล้” ออกมา เพลงนี้ทำให้วงเป็นที่รู้จักมาขึ้น วงประสบความสำเร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สมาชิกหันมาทุ่มเทเวลาให้กับวงมากขึ้น จนตอนนี้การเล่นดนตรีกลายเป็นอาชีพหลักของพวกเราไปแล้วครับ ถ้าวันนั้นเพลงของวงไม่ประสบความสำเร็จอีก ผมคงเปลี่ยนจากนักดนตรีไปเป็นนักธุรกิจเต็มตัว คงบริหารธุรกิจมาหลายปีแล้ว
ชีวิตนักดนตรีหลังจากการประสบความสำเร็จ?
โดยส่วนตัวผมดีใจมากเลยครับ ตื่นเต้นกับทุกอย่าง หลังจากนั้นพวกเราได้ทำเพลงประกอบซีรี่ย์ ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น คือเพลง แตกต่างเหมือนกัน ซึ่งเพลงนี้ช่วยให้วงประสบความสำเร็จอีกครั้ง วงได้ทำเพลงประกอบละคร ได้ทำเพลงประกอบภาพยนตร์ ได้รับรางวัลต่าง ๆ ทุกอย่างที่ทำหลังจากนั้นมันประสบความสำเร็จหมด แต่ที่ผมรู้สึกตื่นเต้นที่สุดคือคอนเสิร์ตใหญ่ของวง มันคือสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ซึ่งทุกวันนี้พวกเรายังเตรียมตัวให้พร้อมเหมือนเดิม เพื่อให้ผลงานที่ออกมามีประสิทธิภาพสูงที่สุด และไม่ให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างทำงานครับ
แพลนในอนาคต?
ถ้าเป็นส่วนตัวผมคิดว่าผมทำมาหมดแล้วเกือบทุกอย่าง และวงก็ได้ไปเล่นดนตรีที่ต่างประเทศ ซึ่งไปมาทุกประเทศที่เราอยากจะเล่น แต่เหลืออยู่หนึ่งประเทศที่ยังไม่ได้ไปเล่น นั่นคือสหรัฐอเมริกาครับ จริงๆ ช่วงต้นปีผมไปสมัครงานมาด้วย ผมพูดกับตัวเองมาตลอดว่าวันหนึ่งหากเราไม่เล่นดนตรีแล้ว เราคงหันมาดูแลธุรกิจของที่บ้าน แต่วันนี้วงดนตรีมันมาไกลมาก ผมทำใจออกจากวงไม่ได้ เลยขอทำควบคู่กับทั้งสองอย่าง ลองดูว่าเราจะทำได้ไหม จริง ๆ ก่อนหน้านี้เคยลองทำดูแล้ว ซึ่งทำไม่ไหว แต่ตอนนี้เราเริ่มโตขึ้นแล้ว ผ่านมาหลายปีแล้ว ผมอยากลองดูอีกสักครั้งครับ
Lifestyle ส่วนตัว?
ถ้าย้อนไปตอนเด็ก ๆ ผมเป็นคนติดเกม ติดการ์ตูนครับ แต่ต้องไปออกกำลังกายทุกวัน ไม่งั้นจะรู้สึกไม่สบายตัว และผมชอบออกไปเที่ยวกับเพื่อน แต่พอโตขึ้นทุกอย่างกลับกันเลย ผมกลายเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน ยิ่งช่วงนี้วงต้องออกไปทัวร์ด้วย ผมเลยไม่ชอบออกไปไหนครับ
รู้สึกอย่างไรกับกระแสการตั้งชื่อเพลงสไตล์ getsunova ที่ชาวโซเชียลให้ความสนใจ?
ผมเห็นนะครับ เพราะผมเป็นคนที่เล่น Twitter แล้วก็เล่นให้วงด้วย ปกติทุกวันจะชอบเสิร์ชชื่อวง เพราะบางคนเขาจะไม่แท็กชื่อวงมา เวลาเขาจะเขียนอะไรเกี่ยวกับวงเราจะได้รู้ ว่าเฮ้ย เขานินทาเราบ้างหรือเปล่า แต่เดี๋ยวนี้คนเริ่มเอาชื่อเพลงเราไปเล่นกันเยอะมาก แบบทำไมคนถึงเริ่มมาสนใจชื่อเพลงของพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่ วงก็ทำเพลงแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ซึ่งพวกเรารู้สึกดีใจกับกระแสนี้ครับ
รู้สึกอย่างไรกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปฟังเพลงบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแทนซีดี?
ตัวผมเองรู้สึกเสียดาย เพราะว่าตอนเด็กเป็นคนชอบสะสมซีดี เดี่ยวนี้ไม่มีขายแล้ว แต่ผมก็เข้าใจคนที่ไม่สะสมนะ เขาจะซื้อทำไมในเมื่อไม่ได้ชอบสะสมขนาดนั้น หันไปฟังไปโหลดบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแทนดีกว่า
รู้จักกับ โอบ โอบนิธิ วิวรรธนาวรางค์ ได้ยังไง ?
ผมจำได้ว่าตอนเจอโอบครั้งแรก คือช่วงหลังปล่อยเพลง ไกลแค่ไหนคือใกล้ ซึ่งมีพี่ทีมงานพาเขามาดูคอนเสิร์ตผม ได้รู้ว่าเขาชอบวงเรา เป็นแฟนเพลงของเรา ผมรู้สึกก็ดีใจนะ ตอนนี้เห็นเขาโตขึ้นเยอะมาก แม้ไม่มีโอกาสได้เจอกันบ่อยเพราะต่างคนต่างงานยุ่ง แต่เรายังทักทายผ่าน Twitter อยู่เรื่อย ๆ จนในที่สุดโอบก็ได้มาแสดงมิวสิควิดีโอเพลง “ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึก” จากวันนั้นเขาเติบโตขึ้นมากและมีชื่อเสียง แต่ก็ยังนึกถึงกันเสมอ ผมดีใจครับที่ได้ร่วมงานกับเขา
Text : Roekdee & Anusorn
ภาพ : เดี๋ยวเดียว