The All-New NISSAN NOTE
นิสสัน โน๊ต นิยามใหม่ของ คอมแพค แฮทช์แบค ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม สะดวกสบาย สมรรถนะ ความปลอดภัยสูงสุด จากแนวคิดเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต Nissan Intelligent Mobility ของนิสสัน
ซึ่งกลายเป็นแนวทางหลักที่นิสสันใช้สำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงตอบสนองได้ทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ ความคล่องตัวที่ใช้งานได้ดีในสภาพการจราจรในเมืองใหญ่โดย นิสสัน โน๊ต ใหม่ บรรจุเทคโนโลยีด้านการขับขี่ที่เสริมความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ที่ใช้ท้องถนนร่วมกัน หรือ Intelligent Driving ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรถแบบ อีโค-คาร์
ก่อนสตาร์ทออกไปทดลองขับเรามาดูรูปลักษณ์กันก่อนครับ ผมว่าโดยรวมนั้น นิสสัน โน๊ต ใหม่นั้นดูโดดเด่น มีส่วนเว้า ส่วนโค้ง สวย มีสไตล์ตามสมัยนิยมครบครับ รูปทรงโดยรวมดูทันสมัย มองจากด้านหน้า กระจังหน้าแบบ V-Motion เอกลักษณ์ของนิสสัน และช่องกันชนด้านล่างแบบโครเมียม โคมไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม LED Signature Light ไฟตัดหมอกคู่หน้า โดยไฟหน้าสามารถปรับระดับสูงต่ำได้ ด้านหลังติดตั้งสปอยเลอร์ให้ทั้งมุมมองสปอร์ตและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ไฟท้าย LED แบบ Signature รูปทรงบูมเมอแรง ดูโฉบเฉี่ยวมีเอกลักษณ์ พร้อมไฟเบรกแบบ LED
ภายใน ออกแบบด้วยโทนสีดำ และแตกต่างด้วยวัสดุสีเงิน เช่น หัวเกียร์ ฐานเกียร์ ส่วนวัสดุตกแต่งคอนโซลกลางสีเปียโน แบล็ค ซึ่งทั้งหมดเป็นการผสมผสานอารมณ์สปอร์ตและหรูหราไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พวงมาลัยรูปทรงสปอร์ต แบบ D-Shape ปรับสูงต่ำได้ โดยรุ่น VL เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียงและระบบเชื่อมต่ออื่น ๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส
เอาล่ะครับลองสตาร์ทแล้วดูอุปกรณ์ภายในกันบ้าง เมื่อมองมาที่คอนโซลหน้าก็สะดุดกับมาตรวัดเรืองแสงอัจฉริยะมัลติฟังก์ชั่นดิสเพลย์ (MID) แสดงข้อมูลการขับขี่ แสดงระยะการเข้ารับบริการ อุณหภูมิภายนอก นาฬิกาดิจิทัล เสียงสัญญาณเตือนลืมปิดไฟหน้าระบบเตือนเมื่อลืมกุญแจ ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง และที่ปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับกระจกมองหลังในรุ่น VL ตัดแสงอัตโนมัติ เบาะผ้าสีดำตกแต่งขอบด้วยสีเบจ สวยงาม และกระชับลำตัว ช่วยให้นั่งสบายและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถมากยิ่งขึ้น โดยเบาะด้านผู้ขับขี่สามารถปรับสูง-ต่ำ ให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่แต่ละคน พร้อมช่องเก็บของด้านหลังเบาะ เบาะหลังรุ่น VL ปรับแยกแบบ 60:40
เมื่อเช็กทุกอย่างพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ ผมมุ่งหน้าไปยังถนนสุขสวัสดิ์เพื่อทดลองอัตราการเร่งความเร็วบนสะพานภูมิพล วิ่งไปยังทางพิเศษกาญจนาภิเษก มุ่งสู่ถนนบางนา-ตราด อัตราการเร่งแรงได้ใจกับเครื่องยนต์เบนซิน HR12DE 3 สูบ แถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว CVTC (Continuously Variable-valve Timing Control) ขนาด 1,198 ซีซี มาพร้อมกับหัวฉีดอีเลคทรอนิคส์ มัลติพอยท์ (ECCS) 32 บิท ที่ฉีดเชื้อเพลิงได้ละเอียดและแม่นยำ ช่วยให้ได้ทั้งสมรรถนะและความประหยัด โดยให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที
มีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ เมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น สามารถเปิด–ปิด ระบบการทำงานได้ เครื่องยนต์ตัวนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นเครื่องยนต์ที่สะอาด จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร เทียบเท่ามาตรฐานไอเสีย ยูโร 4 อีกด้วย
ระบบเกียร์เป็นแบบ XTRONIC CVT D-Step Logic ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล แต่ให้อัตราเร่งต่อเนื่องและทันใจ ตอบสนองอัตราเร่งแซงที่ดีขึ้น ช่วงล่างด้านหน้าอิสระแม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงด้านหลัง ทอร์ชัน บีม พร้อมเหล็กกันโครง ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล ยึดเกาะถนน และรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดี
ระบบ Lane Departure Warning ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทางระบบจะเตือนผู้ขับขี่ ด้วยเสียงและสัญญาณไฟที่บริเวณหน้าปัดเมื่อรถออกนอกช่องทางโดยไม่ได้ตั้งใจ ระบบจะทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม.
สำหรับรุ่น VL ที่ผมได้นำมาทดลองขับ ติดตั้งวิทยุ ซีดี เอ็มพี 3 แบบ 1 แผ่น หน้าจอ LED แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว เพิ่มความสะดวกในการควบคุม ระบบเชื่อมต่อ AUX, USB, Bluetooth และช่องเชื่อมต่อ AV-in , HDMI ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบ Bluetooth ลำโพง 4 ตำแหน่ง พร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์ที่พวงมาลัย
พื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างขวาง และสามารถยืดระยะห่างระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลังได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มพื้นที่ช่วงขา ทำให้ผู้นั่งเบาะหลังรู้สึกสบายและผ่อนคลายกว่ารถในระดับเดียวกัน รัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร และพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) ช่วยให้รถมีความคล่องตัวในทุกสภาพเส้นทาง
โดยรวมถือว่าขับดี วิ่งนุ่ม ระบบและบรรยากาศเทียบเคียงกับรถรุ่นใหญ่ได้สบาย แถมประหยัดน้ำมันมากกว่า และราคาสบายกระเป๋ากว่าด้วย ใครมองหาอีโค-คาร์ ที่ดูรุ่นใหญ่หน่อยหรือมองหารถใหญ่ที่ราคาจับต้องง่ายแนะนำให้ลองครับ ลองขับดูแล้วคุณจะรู้ว่าคำตอบอยู่ที่นี่แล้ว
ระบบอำนวยความสะดวกในการขับขี่และความปลอดภัย
อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มความปลอดภัยทั้งในเชิงการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และ ระบบลดความรุนแรง ความเสียหายจากอุบัติเหตุ อาทิ
• Intelligent Around View Monitor (AVM) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง AVM มองเห็นได้ทุกจุดรอบคัน ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหว จากกล้องรอบคัน MOD (Moving Object Detection) โดยแสดงผลที่กระจกมองหลัง ให้ความปลอดภัยและก้าวล้ำเทียบเท่ารถยนต์ระดับหรูขนาดใหญ่
• Intelligent Forward Collision Warning (FCW) ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ เซ็นเชอร์จากกล้องด้านหน้ารถจะตรวจจับบุคคล และยานยนต์บริเวณหน้ารถ แล้วส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด
• Intelligent Emergency Braking ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ทำงานร่วมกับระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ โดยวิเคราะห์ระยะห่าง และความเร็วด้วยกล้องด้านหน้า แล้วช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถบรรเทาอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดจากการชนยานยนต์ และคน