เอกรินทร์ กุลภักดีสิงวร

เอกรินทร์ กุลภักดีสิงวร

คนที่ประสบความสำเร็จบางทีวัดกันด้วยอายุไม่ได้ เนื่องจากบางครั้งคนที่อายุน้อยกว่าอาจมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำงานมากกว่าก็เป็นได้ เหมือนอย่างชายหนุ่มที่ชื่อ เอกรินทร์ ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ซึ่งภายในไม่กี่ปีเขาก็ขยับขึ้นมาเป็นนักพัฒนาอสังหารริมทรัพย์ ที่มีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี 

แม้เป้าหมายในชีวิตของเขาตอนแรกจะค้นหาตัวตนอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เริ่มตั้งแต่อายุ 19 ปี ช่วงปิดเทอมเขาได้ออกหางานทำเพราะไม่อยากรบกวนค่าใช้จ่ายของครอบครัว โดยงานแรกไปเป็นพนักงานคีย์ข้อมูลของสำนักงานบัญชี แต่ทำได้เพียงสองอาทิตย์ก็ลาออกเพราะรู้สึกยังไม่ใช่ทางของตัวเอง จากนั้นจึงหันมาลงทุนในหุ้นแต่ยังไม่ตอบโจทย์อีกเช่นเคย 

วันหนึ่งได้เห็นเรื่องราวของอสังหาริมทรัพย์ก็คิดว่าน่าจะมีอนาคตเลยติดต่อขอพบ คุณพิชัย จาวลา (นักลงทุนชื่อดัง) ซึ่งได้ให้คำแนะนำกับคุณเอกรินทร์ว่าควรเริ่มจากการเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ก่อน หลังจากพอมีประสบการณ์เขาจึงขยับขึ้นมาเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือว่ามาถูกทางเพราะสร้างรายได้และชื่อเสียงให้เขาจนเป็นที่รู้จักในสังคม

“ทุกวันนี้ผมก็ยังทำอาชีพนายหน้าอยู่แต่อาจให้เวลามันน้อยลง ส่วนใหญ่ผมจะให้เวลากับการพัฒนาที่ดิน สร้างอาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม อพาร์ทเม้นท์ เป็นหลักซึ่งถือว่าหนักมากในการดูแลคนเดียว พอมาทำในส่วนนี้อย่างจริงจังจะมีคำถามว่าเครียดมากน้อยแค่ไหน ผมเชื่อว่าความสามารถในการเป็นหนี้ของคนเรามีไม่เท่ากัน บางคนมีหนี้ 1 ล้านบาทก็นอนไม่หลับ ในทางกลับกันผมมีหนี้เยอะมาก แต่ผมนอนหลับสบายเพราะผมลงทุนในทรัพย์สินซึ่งไม่มีวันขาดทุนมีแต่ยิ่งทวีคูณ เนื่องจากเราอ่านขาดในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ความต้องการซื้อ และลูกบ้านมีกำลังส่งค่าเช่าได้ แล้วเราไม่ต้องลงเงินสักบาทเพราะใช้เงินจากการกู้จากธนาคาร แต่สามารถเอาเงินส่วนต่างไปลงทุนได้อีก อสังหาฯ มันจึงเป็นมันนี่เกมว่าเราจะชนะเกมนี้ได้อย่างไร

“ผมตั้งเป้าหมายเล่น ๆ ว่าทุกปีต้องเปิดบริษัทใหม่ ตอนนี้ผมมี 7 บริษัท ตั้งแต่เรื่องของอสังหาฯ เฟอร์นิเจอร์ สำนักพิมพ์ หรือซอฟต์แวร์ ฯลฯ สิ่งสำคัญที่สุดคือการแบ่งเวลาและการใช้คนให้เป็น ซึ่งสิ่งที่ผมทำจะเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาให้กับคน อย่างเมื่อก่อนผมซื้อซอฟต์แวร์เกี่ยวกับอพาร์ทเม้นท์มาประมาณ 5 หมื่นบาท แต่ต้องทิ้งทั้งหมดเพราะคนเขียนโปรแกรมเขาไม่เคยทำอพาร์ทเม้นต์จากนั้นผมเลยรวบรวม Developer ที่ทำอพาร์ทเม้นท์ในประเทศไทยมาสร้างโปรแกรมตัวนี้เพื่อให้สมบูรณ์ที่สุด เราพัฒนามันขึ้นจนสามารถจดลิขสิทธิ์แล้วก็ขาย นี่คืออีกหนึ่งธุรกิจของผม

“สิ่งที่ทำให้ผมมาจุดนี้ได้ซึ่งผมไม่กล้าบอกว่าสำเร็จคือผมได้สร้างบันไดขึ้นมาว่าปีนี้ต้องทำได้เท่านี้ ผมแค่เดินตามบันไดของตัวเอง แม้อสังหาเป็นสิ่งที่ทำให้คนรวยเร็วแต่ไม่มีคำว่าฟลุ๊คทุกอย่างเกิดจากการทำการบ้าน ต้องมีเงินทุน ต้องกู้ธนาคาร มีการศึกษาคู่แข่ง คำนวณต้นทุนการก่อสร้าง ทำเล การตลาด ฯลฯ แล้วพอเราทำเสร็จไม่ใช่ว่าจะขายได้ ยังมีเรื่องของลูกค้าที่ต้องกู้เงินมาซื้ออีกทุกอย่างต้องเขียนยาวเป็นหน้ากระดาษกว่าจะลงมือทำสักหนึ่งโครงการ

“ในการทำอสังหาสิ่งสำคัญคือเรื่องของทำเลซึ่งมันเป็นคำตอบที่โหลพอสมควร แต่จริง ๆ แล้วมันก็ไม่พ้นเรื่องทำเลจริง ๆ แล้วตรงนี้มันจะมีการแข่งขันกันสูงแต่ข้อดีของการเป็นรายเล็กคือรายใหญ่ไม่สามารถซื้อที่แปลงเล็กได้ ทำให้เราพอมีช่องว่างอยู่บ้าง เมื่อเราอยากซื้อที่ดินก็จะเหลือคู่แข่งหลักที่เป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ท้องถิ่นเท่านั้น ส่วนเรื่องของราคานี่แหละที่เราต้องมองให้ขาด 

“ส่วนใหญ่แล้วถ้าอสังหามีราคา 4 ล้านบาท ธนาคารจะปล่อยกู้ให้ 90% เท่ากับลูกค้าจะซื้อได้ราคา 3 ล้าน 6 แสนบาท แต่เมื่อเป็นแบบนี้เขาไม่อยากซื้อหรอก แต่หลักที่ผมใช้อยู่คือถ้าเราสามารถสร้างและขายได้ในราคาประเมินที่ 90% ตรงนี้จึงน่าสนใจสำหรับทุกฝ่าย ผมอาจสร้างจุดเด่นเช่น 1 ห้องสามารถขยายตารางวาให้มากกว่าคู่แข่ง แล้วขายราคาเท่าคู่แข่ง ซึ่งอาจกำไรน้อยแต่ไปได้แน่นอน 

“แต่ปัญหาที่ผมคิดว่าน่ากลัวคือเรื่องของการขายช้า แล้วผมไม่ชอบที่สุดคือช่วงสิ้นเดือน เพราะจะมีจดหมายจากธนาคารส่งมาพร้อม ๆ กัน  เพื่อทวงถามเรื่องการชำระหนี้หากอาคารของเราขายช้าก็อาจมีผลกระทบตามมา ตรงนี้เราต้องต่อสู้กับมันแต่ผมโชคดีตรงที่ผมโตมาจากอาชีพนายหน้า ผมจึงรู้ว่าทำเลตรงไหนมีคนรอซื้อรอเช่าอยู่ ปัญหาเรื่องลูกค้าจึงไม่ค่อยมีเท่าไหร่

“ถ้าพูดกันตรง ๆ ในเรื่องอสังหาฯ ความจริงผมชำนาญแค่เขตเดียวของจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้นเอง เพราะมั่นใจว่าผมเป็นนายหน้าที่โตมาจากที่นี่บนถนนเส้นเดียวรัศมีแค่ 2-3 กิโลเมตรแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเก่งทั้งจังหวัดหรือทั้งประเทศ เราเก่งแค่โซนเดียวมีคอนเน็คชั่นกับคนในพื้นและหน่วยงานต่าง ๆ ก็จะทำให้งานของเราเร็วขึ้น แต่ถ้าเราไปทำในพื้นที่ใหม่ที่เราไม่รู้จักอาจทำให้งานเราช้ามากขึ้น จนถึงวันนี้ผมยังไม่ได้ลงทุนทำอสังหาฯ ที่กรุงเทพฯ เลยแต่มีแผนการว่าจะทำภายในปีนี้อย่างน้อย 1 โครงการ เพราะอยากลองเปลี่ยนพื้นที่ดูบ้าง

“ในอนาคตหลังจากนี้อีกไม่เกิน 10 ปี ซึ่งผมจะอายุประมาณอายุ 35 ปี ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะสร้าง Passive Income ในอสังหาเพื่อขายเนื่องจากผมอยากมีรายได้เดือนละ 2 ล้านบาท เลยต้องมีอพาร์ทเม้นท์สัก 500 ห้อง เพื่อที่จะมีรายได้ที่เข้ามาต่อเนื่อง ถ้าทุกอย่างเป็นจริงถึงเวลานั้นผมอยากพักผ่อนบ้างโดยเดินทางท่องเที่ยวเพื่อศึกษาวัฒนธรรมต่างประเทศ”

Did You Know
คุณเอกรินทร์จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ด้วยความที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์เขาได้แบ่งปันความรู้ในสื่ออาทิ หนังสือเสียง “นายหน้าเงินล้าน”
สื่อการสอนออนไลน์ “อายุน้อย 100 ล้าน จากตึกแถว”, “นายหน้าเงินล้านอสังหาริมทรัพย์”และมีงานสัมมนาอีกมากมาย

Real Estate Developer เอกรินทร์ กุลภักดีสิงวร จากนายหน้าสู่นักพัฒนาอสังหาฯ หลายร้อยล้าน