คู่มือเลือกซื้อ TV ยุค 4K

คู่มือเลือกซื้อ TV ยุค 4K

ปี 2017 นี้เราเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคทีวี 4K กันแล้วนะครับ ซึ่งถ้าตอนนี้หลายคนไปซื้อทีวีก็อาจจะสับสน งงงวย ว่าเราควรพิจารณาทีวีอย่างไรกันบ้าง เว็บแบไต๋จึงขอสรุปเรื่องที่สำคัญในการพิจารณาทีวีให้พิจารณากัน

ประเด็นแรกที่คือต้องวัดขนาดจอที่เหมาะสมกับห้องของเราก่อนไปเลือกซื้อทีวีครับ มีขั้นตอนง่าย ๆ โดยการวัดพื้นที่วางทีวีว่าสามารถวางหรือแขวนทีวีที่มีขนาด กว้าง x ยาวได้สูงสุดเท่าไหร่ ซึ่งขนาดของทีวีนั้นสัมพันธ์กับระยะห่างและความละเอียดของจอ สมมติเราต้องการทีวี Full HD และระยะจากจุดวางทีวีถึงโซฟาของเราอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร ขนาดหน้าจอที่เหมาะสมคือ 46 นิ้วครับ แต่ถ้าเป็นทีวี 4K วางที่ระยะ 2 เมตร ขนาดที่เหมาะสมคือ 70 นิ้ว (โอ้ว...ราคาล่ะเท่าไหร่!) สาเหตุที่เราต้องซื้อทีวีจอใหญ่ขึ้นเมื่อต้องการความละเอียดที่สูงขึ้น เพราะขนาดจอเล็ก ๆ ไม่เกิน 50 นิ้ว เราแยกภาพ 4K กับ Full HD ไม่ค่อยออกนะครับ ยิ่งทีวีอยู่ห่างยิ่งแยกไม่ออกเลย

ถ้าเราซื้อทีวีมาเผื่ออนาคต กะใช้ยาว ๆ แล้วเงินถึงก็ควรจะเป็น 4K ไว้นะครับ เพราะเนื้อหา 4K กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้วถ้าเราจะซื้อมาดู 4K ตอนนี้ เรามีเนื้อหาอะไรให้ดูบ้าง ง่ายสุด Youtube 4K มีคลิปให้ดูเยอะเหมือนกันบันเทิงสุด Netflix มีหนัง 4K ให้ดูกันพอสมควร เมพสุด Playstation 4 Pro จัดเกมใหม่ ๆ เล่นได้ตอนนี้เลย แพงสุด Bluray UHD ถ้าเงินถึงก็บาดตาบาดใจ แต่อย่าเลย กระเป๋าแหก ต้องซื้อเครื่องเล่นเฉพาะด้วย แต่ Youtube กับ Netflix 4K เน็ตบ้านต้องแรงพอนะครับ อย่างต่ำ ๆ ก็ต้อง 20 Mb/s สำหรับ Youtube UHD ส่วน Netflix ต้องการ 25 Mb/s ขึ้นไป

เทคโนโลยีจอที่ให้คุณภาพดีที่สุดตอนนี้คือ OLED ครับ เพราะสามารถแสดงสีได้สดใสที่สุด แสดงสีดำได้มืดที่สุดด้วย เพราะมันเป็นการปิดเม็ดพิกเซลนั้นไม่ให้ปล่อยแสงไม่เลย ไม่เหมือนเทคโนโลยี LED ที่คือการนำเอาแผง LCD มากันแสงไฟเบื้องหลังหรือ Backlight ทำให้ยังไงก็ไม่มืดสนิทได้เท่า OLED แต่ถ้างบน้อยลงมาหน่อย ทางเลือกรองลงมาก็คือจอ LED ที่มีเทคโนโลยี Local Dimming หรือการหรี่แสงของหลอดเฉพาะบางจุด เช่นปิดหลอดที่อยู่ฉากหลังของท้องฟ้ายามกลางคืน ก็ทำให้คุณภาพส่วนมืดของภาพดีขึ้นได้ครับ

ต่อมา HDR หรือ High-Dynamic Range เป็นศัพท์ใหม่ที่เพิ่งบูมในปีนี้ครับ การรองรับ HDR หมายความว่าจอจะสามารถแสดงสีและเฉดของแสงได้มากกว่าจอปกติ ทำให้ได้ภาพที่สวยงามกว่าปกติ สามารถแสดงภาพในส่วนมืดและส่วนสว่างได้มีรายละเอียดมากขึ้น เหมือนอย่างที่ตาเห็น แต่ว่าถ้าเรามีทีวีรองรับ HDR แต่เราไม่มีเนื้อหา HDR มาเล่น คุณก็ไม่สามารถใช้งานส่วนนี้ครับ ซึ่งในไทยเนื้อหาที่หาง่ายสุดคือเกมจาก PlayStation 4 และ Xbox One S ครับ หลายเกมอย่าง Last of Us, Horizon Zero Dawn ก็รองรับ HDR เรียบร้อย ส่วนถ้าเป็นภาพยนตร์ง่ายหน่อยก็ Netflix ครับ แพ็กเกจแพงสุดจะมีหนัง 4K HDR ให้เลือกดูด้วย (แต่เน็ตต้องเร็วสัก 25 Mbps ขึ้นไปนะ) หรือดูจากแผ่น Blu-ray ที่รองรับ HDR ก็ได้

นอกจากนี้ถ้าคุณมองว่าระบบปฏิบัติการในทีวีสำคัญ ต้องการดูเนื้อหาแบบไม่ต้องต่ออุปกรณ์อะไรเสริม ตัวเลือกอันดับหนึ่งคือ Android TV ที่อยู่ในทีวี เพราะรองรับ Google Cast ในตัว ไม่ต้องซื้อ Chromecast เพิ่มเติม สำหรับคนที่ดูบริการออนไลน์พวก Netfilx, Youtube หรือต้องการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเป็นหลัก เรื่องระบบปฏิบัติการนั้นสำคัญ มันจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก

ทีนี้มาถึงประเด็นแฟนซีที่ไม่ต้องใส่ใจเวลาเลือกทีวีครับ กับทีวีจอโค้ง Curved TV สิ่งที่ผู้ผลิตโฆษณาเรื่องทีวีจอโค้งคือ ทำให้จอภาพโค้งรับกับสายตาของผู้ชม ซึ่งแนวคิดนี้ไม่เหมาะกับทีวีที่เรานั่งดูห่างเป็นเมตร ๆ ครับ คิดถึงภาพทีวีจอโค้งสัก 50 นิ้ว ตั้งห่างจากโซฟา 2 เมตร ภาพที่เราเห็นเมื่อนั่งโซฟา มันก็ไม่ได้แตกต่างจากทีวีจอแบนเท่าไหร่ครับ ระยะขนาดนี้ จอใหญ่แค่นี้เราก็รู้สึกว่าจอโค้งคือจอแบนนั้นแหละ สู้เอาเงินส่วนต่างระหว่างจอแบนกับจอโค้งไปลงทุนซื้อจอใหญ่ขึ้น หรือซื้อ Soundbar จะได้ประสบการณ์การรับชมที่ดีกว่า 

เราเริ่มเข้าสู่ยุคทีวี 4K วันนี้มีคู่มือการเลือกซื้อมาฝากท่านผู้อ่านค่ะ