จักรพล จันทวิมล
ส่งต่อคอนเนกชั่นจากฉบับที่แล้ว มาถึง “จักรพล จันทวิมล” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บจก.นันยางมาร์เก็ตติ้ง ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของธุรกิจรองเท้ายักษ์ใหญ่อย่างนันยาง ที่เข้ามาสานต่อด้วยสไตล์ที่แตกต่างอย่างลงตัว
ตอนนี้คุณจั๊ก ดูแลกิจการส่วนใดอยู่บ้าง?
ในส่วนของนันยาง ก็เป็นธุรกิจของครอบครัวที่ทั้งครอบครัวช่วยกันดูแลครับ แต่ส่วนที่ผมทำหลัก ๆ ก็คือ นันยาง นี่แหละครับ ซึ่งนันยางจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ก็จะมีส่วนของฝ่ายผลิต ซึ่งเป็นส่วนหลังบ้านก็จะมีพี่ชายอีกคนหนึ่งเป็นคนดูแลอยู่ กับส่วนของฝ่ายการตลาดซึ่งเป็นหน้าบ้าน ผมจะดูแลในส่วนนี้ ธุรกิจของนันยางนี้จริง ๆ แล้วก็เรียกได้ว่าอาจจะไม่ค่อยหลากหลาย หลัก ๆ จะมีอยู่แค่ 2 แพลตฟอร์ม ก็คือรองเท้าแตะ ที่รู้จักกันในชื่อ ช้างดาว กับรองเท้าผ้าใบ คนส่วนมากจะคุ้นเคยกับการที่นันยางเป็นรองเท้านักเรียนมากกว่า แต่จริง ๆ แล้วทุกเพศทุกวัยสามารถใช้ได้ เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดแค่รองเท้านักเรียนนะครับ
จุดเริ่มต้นในการเข้ามาดูแลนันยาง?
ผมเป็นรุ่นที่ 3 ก็เป็นหลานของคุณตา วิชัย ซอโสตถิกุล ซึ่งครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ ผ่านมาหลายรุ่นแล้ว หลาน ๆ หลายคนก็จะไปทำงานตามความถนัดของตัวเอง คือทางครอบครัวก็ไม่ได้ตั้งมั่นว่าลูกหลานจะต้องมาดูแลธุรกิจสืบทอดต่อหรืออะไรแบบนั้น เรามีมืออาชีพที่ดูแล มีพนักงานที่ทำงานเก่งอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาในการที่ว่าครอบครัวจะต้องมาดำเนินการต่อ แต่ถ้าหากว่าสมาชิกในครอบครัวอยากจะเข้ามาทำในส่วนของธุรกิจนี้ ก็จะมีกฎให้ปฏิบัติอยู่ คือจะต้องมีประสบการณ์ในการทำงาน คือถึงจะเป็นครอบครัวแต่ถ้าจะมาทำงานก็ต้องเริ่มเหมือนกับพนักงานอื่น ๆ ทั่วไป ค่อย ๆ เรียนรู้งานจากคนที่มีประสบการณ์ก่อน ค่อย ๆ ไต่เต้าเลื่อนขั้น ตัวผมเองหลังจากจบมาจากอังกฤษก็มาเริ่มแบบนั้นครับ
แนวคิดในการทำงาน?
ต้องบอกเลยว่าแนวคิดในการทำงานของครอบครัว จะเป็นแนวคิดแบบ Conservative ก็คือ ความเสี่ยงต่ำ เน้นแบบค่อย ๆ ทำ ซึ่งในส่วนของผมเองก็จะยึดในแนวทางปฏิบัติแบบที่เคยทำกันมา โดยจะนำแนวความคิดที่ทันสมัยขึ้นมาผสมผสานกันไป แต่แก่นของแนวทางของบริษัทก็จะยังคงเหมือนเดิมครับ คือเราไม่ได้คาดหวังถึงการบริหารงานที่ฉีกออกไปเลย ในเมื่ออะไรที่มันดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนมันมากนัก เราจะใช้วิธีการประยุกต์ สิ่งที่สามารถเพิ่มเติมเข้ามา ตัวอย่างก็เช่น นันยางจะผูกพันกับความเป็นนักเรียน แต่ในขณะเดียวกันความเป็นนักเรียนแต่ละยุคแต่ละสมัยมันก็จะไม่เหมือนกัน นอกจากนี้นันยางนั้นขึ้นชื่อเรื่องการใช้งานที่ทนทาน ด้วยวัสดุที่เราค่อนข้างจริงจังในการเลือกใช้ เราเลยออกมาเป็นนันยาง ชูการ์ ที่เพิ่มฟังก์ชั่นที่นอกจากจะใช้ทนแล้ว ก็จะเพิ่มในส่วนของแฟชั่นขึ้นมานิดหนึ่ง ซึ่งผลตอบรับที่ได้ก็ค่อนข้างดี เราจึงรู้สึกว่า ใช่ เราเดินมาถูกทาง
รู้จักกับคุณปอยหลวง โคนทรงแสน ได้อย่างไร?
ผมกับคุณปอยหลวงได้ไปเจอกันที่งานของธนาคารออมสิน พอดีว่าวันนั้นได้มีโอกาสเป็นวิทยากรร่วมกันในโครงการประกวดแผนธุรกิจ ที่ให้นักเรียน นักศึกษา มาร่วมนำเสนอผลงานการวางแผนธุรกิจ ซึ่งผมกับคุณปอยหลวงได้ไปเป็นโค้ช เหมือนเป็นคนที่ให้คำแนะนำในงานประกวดนั้น ประมาณว่าให้มืออาชีพมาช่วยแนะแนววัยรุ่นอะไรแบบนั้น ก็รู้จักกันมาได้ 2-3 ปีแล้วครับ
คิดว่าธุรกิจของนันยางจะเป็นไปในทิศทางไหน?
ก็ไม่ได้หวือหวามากและยังคงต้องแข่งขันกันต่อไป เพราะมันก็มีปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ถ้าเราอยู่กับที่มันก็เหมือนกับว่าเราเองเดินถอยหลัง รองเท้านันยางเองอาจจะไม่เปลี่ยนรูปแบบ ซึ่งเราก็มองในส่วนที่ว่ามันก็เหมือนน้ำดื่ม ก็จะเป็นอะไรที่ไม่ได้มีอะไรใหม่ ๆ มาก แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งคือ มีผลิตภัณฑ์ไม่เยอะนะ ที่ออกโปรดักส์มาไม่กี่อย่างแล้วสามารถมีพื้นที่ส่วนแบ่งตลาดได้ ซึ่งมันค่อยข้างจะยากในการทำให้คุณภาพมันเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการที่จะออกแบบแนวความคิดใหม่ ๆ ออกมาทางนันยางเองก็ไม่ได้อยู่กับที่ ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เพียงแต่เราค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป เท่านั้นเอง
Know Him
• ปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
• ปริญญาโทสาขาการตลาดจาก London Metropolitan University