All New Honda CIVIC
หลังจากปล่อยให้รถยนต์นั่งอเนกประสงค์หรือ SUV สร้างกระแสความนิยม และดึงยอดซื้อจากตลาดรถเก๋งไปพอสมควร มาวันนี้ฮอนด้าปล่อยตัวเจ้าตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลาง หรือรถซีดานที่เคยสร้างชื่อเสียงให้ฮอนด้ามาโดยตลอดอย่าง Honda CIVIC ภายใต้สโลแกนที่ว่า “ก้าวข้ามทุกข้อจำกัด สู่ที่สุดของความเป็น ซีวิค” แต่จะเป็นที่สุดแค่ไหน เรามาดูกันครับ
บทความฉบับนี้ ขอเป็นการเปรียบเทียบกับซีวิคตัวก่อนหน้า เพราะเนื่องด้วยผู้เขียนเองตอนนี้กำลังใช้ซีวิคที่ตกรุ่นอยู่ และพอจะรู้ความเป็นมา และเป็นไปของซีวิคมากพอสมควร เพราะส่วนตัวใช้ฮอนด้า ซีวิคมาแล้วถึง 3 เจเนเรชั่นด้วยกัน
ภายนอกยอมรับเลยว่า แรกเห็น สามารถดึงดูดสายตาให้จ้องมองได้พอสมควร ทั้งรูปล่างที่ใหญ่ขึ้น ยาวขึ้น และการออกแบบที่ฉีกแนวออกไปอย่างเห็นได้ชัด โดนเฉพาะด้านหลัง ออกแบบได้อย่างสวยงามจริง ๆ ซีวิครุ่นเก่า ๆ นี่เทียบไม่ได้เลย เหมือนตกรุ่นมานานเลยทีเดียว แต่ด้านหน้านี่แล้วแต่คนชอบ ส่วนตัวคิดว่ายังไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ
ภายในออกแบบได้ดีไม่แพ้ภายนอกครับ หรูหราด้วยออกแบบ และด้วยการใช้วัสดุที่ดีขึ้น สวยขึ้น และน่าจะทนทานมากขึ้นกว่าซีวิคตัวก่อนหน้าเส้นสายของคอนโซนหน้า เรียบหรู ดูทันสมัย และแฝงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่ใช้งานได้ง่ายมาก ๆไว้ด้วย แต่เสียดาย ตอนนี้เชื่อมต่อได้แต่เฉพาะไอโฟนเท่านั้น ส่วนแผงหน้าปัดนั้นลดชั้นการแสดงผลลงจากรุ่นก่อนหน้า ถอยหลังกลับสู่พื้นฐานที่เป็นชั้นเดียวเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่ใช่ว่าจะล้าหลัง เพราะแผงไว้ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยดีทีเดียว แต่จะว่าไป ผมว่ามันดูไม่อลังการเท่าซีวิค 2เจเนเรชั่นก่อนหน้านะ แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลเช่นกัน
เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 ขนาดได้แก่ 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที รองรับพลังงานทางเลือก E85 และเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดแบบ flat torque 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 5,500 รอบต่อนาที โดยทั้งสองเครื่องยนต์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม
ช่วงล่าง และตัวถังทั้งหมด ถูกออกแบบให้แข็งแกร่งขึ้น แต่มีน้ำหนักที่น้อยลง ซึ่งลดน้ำหนักโดยรวมไปได้ถึงประมาณ 22% โดยช่วงล่างด้านหน้านั้นเป็นแบบแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท เน้นสมรรถนะ และการควบคุม ด้านหลังแบบมัลติลิงค์ ที่มีปีกนกที่ทั้งใหญ่และยาวขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนรวมทั้งยังมีการใช้เหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งด้านหน้าและหลังเพื่อให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น และลดอาการโคลงตัวของรถได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกับซีวิคตัวก่อนหน้าแล้วนั้น ถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันในรุ่น 1.8 ลิตร แต่ระบบส่งกำลังต่างกัน ซึ่งตัวก่อนหน้า ยังใช้ระบบฟันเฟือง แต่ All New CIVIC ใช้ระบบสายพาน หรือที่เรียกอีกอย่างว่าเกียร์ CVT ซึ่งให้ความต่อเนื่องได้ดีและลื่นไหลกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่รอบเครื่องอาจจะสูงไปนิดในช่วงการเร่ง แต่ถ้าความเร็วคงที่แล้วนั้น จะใช้รอบที่ต่ำพอสมควร ส่วนในรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO นั้นแรงได้ใจจริง ๆ กดคันเร่งลงไปแต่ละครั้ง รู้สึกได้ถึงขุมพลังที่ซ่อนอยู่ แต่ส่วนตัวนั้น ในรุ่น 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO อยากได้เกียร์ออโต้ในแบบฟันเฟืองมากกว่า เพราะน่าจะได้อารมณ์และความรู้สึกของรถมากกว่านี้ หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ขอเป็นเกียร์ธรรมดา 6 สปีดมาให้เลือกจะดีที่สุดครับ
ช่วงล่างของทั้งสองรุ่นเซ็ตมาต่างกันเล็กน้อย เพราะเครื่องยนต์ 1.5 TURBO น้ำหนักตัวมากกว่านิดหน่อย แต่จากที่ได้ลองขับจริง ๆ จัง ๆ กลับชอบช่วงล่างของรุ่น 1.8 ลิตรมากกว่า นุ่มนวลกว่ารุ่นเก่า แต่มั่นคง เกาะถนนมากกว่าเล็กน้อย แต่สำหรับตัเครื่องยนต์ 1.5 TURBO นั้น ส่วนตัวคิดว่า ช่วงล่างน่าจะเซ็ตให้กระชับกว่านี้ เพื่อที่จะได้รองรับกับขุมพลัง 173 แรงม้า เพราะหากใช้ความเร็วมากหน่อย จะรู้สึกได้ว่าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก หากได้ช่วงล่างที่แข็ง และหนึบขึ้นกว่าเดิมอีกนิดจะดีมาก ๆ เลยครับ แต่ข้อนี้ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยการขับของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ
โดยรวมแล้ว All New Honda CIVIC ทำออกมาได้น่าประทับใจจริงทั้งการออกแบบ เครื่องยนต์ และสมรรถนะในการควบคุมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการเก็บเสียงรบกวนระหว่างการขับขี่ที่รุ่นเก่าทำได้ไม่ค่อยดีนัก รุ่นใหม่นี้ได้รับการเอาใจใส่ และแก้ไขออกมาได้อย่าน่าประทับใจเลยทีเดียวครับ
ส่วนถ้าถามว่าตัวไหนน่าซื้อกว่ากัน 1.8 ลิตรตัวท็อป เป็นตัวที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผมครับ เพราะด้วยราคา (959,000) กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ให้มา ก็ไม่ได้น้อยหน้าตัวท็อปเครื่องยนต์ 1.5 TURBO แต่ถ้าจะให้คุ้มกว่านี้ รอให้มีชุดแต่งของตัว 1.8 ลิตรติดมาด้วยนี่จะคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดครับ
Tip & Trick ที่ปัดน้ำฝน
เข้าหน้าฝนแล้ว เรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ทัศนวิสัยในการขับขี่ก็เช่นกัน ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนเป็นประจำก่อนเข้าหน้าฝนทุกครั้ง หรือ 2 ปีครั้งก็ยังได้ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ในขณะฝนตกนะครับ