ในวงการกีฬา รองเท้ากับนักกีฬาย่อมเป็นของคู่กัน ปัจจุบันรองเท้าผ้าใบเป็นมากกว่าแค่ใส่เล่นกีฬา แต่กลับสะท้อนวัฒนธรรม เทรนด์ และความเป็นตัวตนของเจ้าของอีกด้วย ซึ่งจุดเริ่มต้นของกระแสรองเท้าผ้าใบต้องย้อนกลับไปไกลสักหน่อย

ยุค 70 ที่ประเทศอเมริกามีการบรรจุหลักสูตร P.E. Physical Education หรือการเรียนพละ ในหลักสูตรทำให้เด็ก ๆ จะต้องมีรองเท้าผ้าใบใส่เล่นกีฬาและแน่นอนรองเท้ากีฬาสมัยโน้น ก็ใช้สำหรับเล่นกีฬาเท่านั้นไม่ได้มีการมาใส่เล่นเป็นแฟชั่นเหมือนในปัจจุบัน คนทำงานก็จะใส่พวกรองเท้าที่ทำจากหนัง เพื่อความเรียบร้อยในการมาทำงาน

แต่จุดเปลี่ยนมาในยุค 80 ที่บริษัทต่าง ๆ มีนโยบาย Casual Friday พนักงานออฟฟิศสามารถแต่งเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ ทำให้รองเท้าผ้าใบไม่ใช่แค่ใส่เฉพาะเวลาออกกำลังกายเท่านั้น

สำหรับเซเลปในวงการกีฬา คนดังมากมายถูกนำชื่อมาใช้จนกลายเป็นรุ่นรองเท้ายอดฮิต ไม่พูดถึงไม่ได้ คือรองเท้าสุดฮอตที่ได้ใช้ชื่อจากนักเทนนิสชื่อดัง Stand Smith จากเด็กเก็บลูกเทนนิสมาเป็นแชมป์แกรนด์แสลมช่วงปี 1973 ซึ่งรองเท้ารุ่นนี้หลายคนจำได้แม่นกับเอกลักษณ์สีขาวหนังผิวสัมผัสเรียบ เจาะรูด้านข้างเป็น 3 แถว มีขอบสีเขียวเป็นรองเท้าที่ซัพพอร์ตเท้าและสวมใส่ได้หลายโอกาส

ส่วนรองเท้าที่เริ่มมาจากวงการบาสเกตบอลคือ Converse All-Star มีลายเซ็นของนักบาสเกตบอล Chuck Taylor เซ็นไว้ที่โลโก้ ซึ่งตอนแรกรองเท้ารุ่นนี้ถูกผลิตออกมาเพื่อเป็นรองเท้าบาสและทีมสหรัฐอเมริกาได้ใช้ลงแข่งขันในโอลิมปิกปี 1936 แต่ไป ๆ มา ๆ รองเท้ารุ่น Chuck Taylor All-Stars ก็กลายรองเท้าที่แสดงให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของวัยรุ่น ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

Nike Air Jordan คือรองเท้าอีกรุ่นที่แหกกฎในนยุคนั้น เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไนกี้ถึงขนาดยอมจ่ายเงินค่าปรับให้ ไมเคิล จอร์แดน  ใส่รองเท้า รุ่นแอร์จอร์แดน 1 รุ่นพิเศษ สีแดงดำลงเล่นใน NBA ซึ่งตามกฎ NBA ระบุว่าสีรองเท้าต้องเป็นสีเดียวกับชุดแข่งและต้องไม่แตกต่างจากเพื่อนร่วมทีม แต่ไนกี้ยอมจ่ายค่าปรับเพื่อให้ Air Jordan 1 เป็นที่รู้จัก และมันก็ได้ผลรองเท้ารุ่นนี้กลายเป็นรองเท้าขึ้นหิ้งขายดีมาถึงปัจจุบัน เป็นรองเท้าที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต และหรูหราไปพร้อม ๆ กัน

ส่วนวงการฟุตบอลแน่นอนว่าบริษัทรองเท้าชื่อดังต่างผลิตรองเท้าออกมาเพื่อซูเปอร์สตาร์ของวงการลูกหนังกันหลายเวอร์ชั่น เช่น รองเท้า R10 ของ โรนัลดินโญ่ นักเตะที่ได้รับการยกย่องว่ามีทักษะฟุตบอลยอดเยี่ยมตลอดจนเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตรองเท้าสตั๊ดแบบซิกเนเจอร์ หลังจากนั้นในยุคหลัง ๆ นักฟุตบอลก็จะมีรองเท้าที่เป็นซิกเนเจอร์ของตัวเองไม่ว่าจะเป็น ลีโอเนล เมสซี่กับ Adidas Messi 15 ที่ออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว ว่องไวของเมสซี่ คริสเตียโน่ โรนัลโด CR7 ก็มีแบรนด์ตัวเองทั้งรองเท้า เสื้อผ้า 

มาริโอ บาโลเตลลี่ กับพูม่า รุ่นทีเด็ดที่ได้แรงบันดาลใจจากทรงผม เกรียนโอ้รุ่น evoPower เป็นรองเท้าสตั้ดทรงโมฮอร์ก !!!! 

เมมฟิส เดปายกับ Under Amour ที่ออกมาเพียบแต่ที่น่ารักฟรุ้งฟริ้งต้องเป็นรุ่น ฉลองเทศกาลวันแม่ สีส้มเขียวลายดอกทิวลิปสดใส 

ส่วนนักกีฬาไทยของเราไม่น้อยหน้า อุ้ม ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมชาติไทยที่ เรียกว่าสร้างความฮือฮาโดยการย้ายตัวจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาร่วมทัพกินเลนผยอง เมืองทองยูไนเต็ด ด้วยสัญญาสี่ปีครึ่งค่าตัวแตะหลัก 30 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นการย้ายทีมที่ช็อควงการฟุตบอล ล่าสุดอุ้มกำลังจะมีรองเท้าสตั้ดรุ่นพิเศษของตัวเองกับไนกี้อีกด้วย รองเท้ารุ่นพิเศษแบบนี้จะกลายเป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างแน่นอน 

เรื่องของวงการกีฬากับแฟชั่น เดี่ยวนี้เป็นของคู่กันไปซะแล้ว แต่ถ้ายังไม่จุใจสามารถไปติดตามกันต่อได้ในรายการใหม่ Sport Active x ทางช่อง MCOT Family อัพเดทเรื่องราวเทรนด์แฟชั่นของวงการกีฬาได้ทุกคืนวันเสาร์ 22.30-23.00 น. กับพลอยนะคะ