All New Mitsubishi Pajero Sport

All New Mitsubishi Pajero Sport

ตรรกะการซื้อรถของคนในปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปมาก จากอดีตที่เคยต้องการแค่รถสวย เครื่องยนต์ดี หรือเลือกซื้อตามแบรนด์ที่ชอบ แต่ปัจจุบันนี้แค่นี้คงไม่พอ เพราะความต้องการของแต่ละคนนั้นเปลี่ยนไป และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มากขึ้น ทำให้การเลือกซื้อรถยนต์คันหนึ่งนั้น รถคันนั้นต้องทำอะไรได้หลายอย่างเช่น สามารถนั่งได้เกินกว่า 4 คน วิ่งต่างจังหวัดได้ กว้างขวางขนสัมภาระได้ และวิ่งในเมืองได้อย่างไม่อายใคร จึงเป็นที่มาของรถ SUV และ PPV ในปัจจุบัน

All New Mitsubishi Pajero Sport ถือว่าเป็นรถอเนกประสงค์ที่ดัดแปลงมาจากพื้นฐานของรถกระบะ หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นรถ PPV ในปัจจุบัน รูปโฉมคงไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากมาย ข้อนี้ต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคลจริง ๆ เพราะบางคนบอกชอบด้านหน้า ไม่ชอบด้านหลัง หรือชอบด้านหลัง แต่ไม่ชอบด้านหน้าก็มี เรื่องนี้ตัดสินใจแทนกัน หรือฟันธงว่าสวยหรือไม่สวยไม่ได้จริง ๆ

ภายในห้องโดยสารคันนี้กว้างขวางใช้ได้ สามารถจุได้ถึง 7 ที่นั่ง เบาะนั่งทุกพื้นที่นั่งสบายและหุ้มด้วยหนังแท้ เบาะคู่หน้าปรับได้ด้วยไฟฟ้า แถวที่สองมีปุ่มพับเบาะที่ด้านบนพนักพิงหลังใช้ดึงง่าย ๆ เพียงครั้งเดียว ส่วนเบาะแถว 3 นั้น คงต้องยกให้เด็ก ๆ หรือคนตัวเล็กความสูงไม่เกิน 170 ซม. ก็ยังจะพอเข้าออกและไปนั่งในเบาะแถวที่ 3 ได้ 

เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก ก็มีมาให้อย่างครบครัน เช่น ช่องแอร์บนเพดาน ที่ส่งความเย็นไปถึงยังที่นั่งทั้ง 7 ตัว พวงมาลัยระบบ Multi-Function พร้อม Paddle Shift กล้องมองภาพรอบคัน ในส่วนของผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 จะมี
แผงควบคุมระบบปรับอากาศแบบแยกอิสระ นอกจากนี้ยังแยกส่วนภาคบันเทิงไว้กับ Roof Monitor พร้อมเครื่องเล่นDVD และ หูฟังอินฟาเรด เพื่อไว้ใช้ดูหนังฟังเพลงสำหรับผู้โดยสารอีกด้วย

มาถึงเรื่องของสมรรถนะกันบ้าง All New Mitsubishi Pajero Sport ใช้เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรลขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ผสานเทคโนโลยี Mivec Clean Diesel และระบบส่งกำลังเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ มากับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยไฟฟ้า ยังมี Super Selection 4WD Generation 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ทางมิตซูบิชิได้ทำการพัฒนาขึ้นมาใหม่อีกด้วย ต้องบอกว่าการทดสอบครั้งนี้เป็นแบบเจาะลึกกันเลยทีเดียว 

ด้วยความสมบูรณ์ของเส้นทาง กทม.-เขาค้อ ที่ได้รับการซ่อมบำรุง บางช่วงเป็นทางตรงยาว ๆ ที่สามารถเรียกพละกำลังจากเครื่องยนต์แบบเต็มสมรรถนะ เมื่อใช้ความเร็วสูง การควบคุมรถทำได้อย่างแม่นยำในทิศทางที่ต้องการจริง ๆ จุดเด่นอีกเรื่อง คงอยู่ที่การถ่ายทอดสมรรถนะผ่านระบบเกียร์ลูกใหม่ ซึ่งเน้นไปทางเรื่องของความนุ่มนวลเป็นหลัก ประเด็นนี้สัมผัสได้อย่างชัดเจน

ถึงเวลาของการทดลองระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ SuperSelect 4WD II ในรูปแบบของการขับขี่สไตล์ออฟโรด บอกไว้ก่อนเลยว่าระบบขับเคลื่อนนี้เป็นแบบเดียวกับที่ติดตั้งอยู่ใน Pajero รุ่นใหญ่ที่ขายต่างประเทศ ซึ่งสามารถเลือกรูปแบบการขับเคลื่อนได้ด้วยการปรับสวิตซ์ที่อยู่ใต้คันเกียร์ โดยมีความพิเศษกว่าคู่แข่งเพราะสามารถเลือกได้ถึง 4 รูปแบบได้แก่ 2H: 2WDHigh-Range เป็นการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปที่ล้อหลังทั้งหมด 100% เหมาะสำหรับถนนหลวงปกติ

4H: 4WD High-Range  ระบบจะส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 40% ล้อหลัง 60% บนถนนแห้ง และ ล้อหน้า 50% ล้อหลัง 50% เมื่อถนนเปียกลื่น ถ้าเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนในตำแหน่งนี้ระบบจะทำงานในรูปแบบการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-TimeAll Wheel Control ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบของระบบขับเคลื่อนสามารถปรับตำแหน่งได้ทันทีโดยไม่ต้องจอดรถให้เกิดความยุ่งยากและเสียเวลา 

แต่ถ้าขับขี่บนสภาพพื้นผิวที่เป็นดินลูกรัง ที่เปียก ลื่น ให้ปรับไปที่ 4HLc: 4WD High-Range With Locked Transfer ระบบนี้จะปรับการส่งกำลังไปที่ล้อทั้ง 4 โดยมี Center Differential Locked คอยถ่ายกำลังไปที่ล้อหน้า 50% ล้อหลัง 50% แบบเท่ากันตลอดเวลา

ระบบสุดท้ายที่ขาลุยไม่ควรพลาด 4LLc: 4WDLow-Range with Locked Transfer ใช้การส่งกำลังเช่นเดียวกับใน 4HLc แต่เพิ่มอัตราทดเกียร์ให้สูงขึ้น ทำให้มีพละกำลังในการบุกตะลุยเส้นทางทุรกันดาร รวมถึงเส้นทางที่เป็นเนินชันออกตัวไว้อีกนิดว่าใช้ความเร็วได้ 60 กม./ชม. เท่านั้น 

นอกจากนี้ยังสามารถเลือกการส่งกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะกับสภาพเส้นทางได้ถึง 4 รูปแบบ คือ Gravel (ทางลูกรัง ทางกรวด), Mud/Snow (โคลน/หิมะ), Sand (ทราย)และ Rock (ทางหินขรุขระ) ซึ่งระบบดังกล่าวนี้ ถูกติดตั้งในรถ SUV หรู ๆ ทั้งสิ้น แต่ All New Mitsubishi Pajero Sport จัดเต็มให้คุณได้ในราคาล้านกลาง ๆ เท่านั้น     

นี่ยังไม่นับรวมถึงระบบความปลอดภัยที่จับยัดมาให้อย่างจัดเต็มแบบไม่สนใจราคาขายเช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง ซึ่งส่งสัญญาณจากเรดาห์ที่อยู่หลังกระจังหน้า โดยทำการประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว นอกจากนี้ยังมี Ultrasonic MisaccelerationMitigation System ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว Hill Descent Control System ตัวช่วยนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อแตะเบรก ระบบจะสั่งการไปยังสมองกลประมวลความเร็วและองศาความลาดชันของเส้นทาง เพื่อให้เกียร์ปรับลดตำแหน่ง เพื่อให้ความเร็วเหมาะสมเส้นทาง และ Blind Spot Warning ไฟเตือนบนกระจกมองข้าง ทำให้ผู้ขับรับรู้ได้ว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา ที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากกระจกมองข้าง ซึ่งแค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้มมากแล้ว สำหรับรถเอนกประสงค์ในราคาล้านกลาง ๆ แล้วครับ 

Tip & Trick  
ตรวจเช็คลมยางบ้าง จะได้ปลอดภัย

การตรวจเช็คลมยางที่ถูกต้อง ควรทำในเวลาที่ยางเย็น หรือยางที่ยังไม่ได้ผ่านการใช้งานมา เช่นเวลาเช้า หรือเวลาที่จอดรถไว้ไม่น้อยกว่า 1-2 ช.ม. เพื่อที่จะได้ค่าที่ถูกต้อง และไม่ควรเติมลมยางมากเกินกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ข้างประตูคนขับ เพราะอาจจะทำให้ยางรถยนต์เกิดความเสียหายได้

ถอดแบบรถหรู ลุยได้ทุกสถานการณ์