jamie vardy
ในยุคหนึ่ง รุด ฟานนิสเตลรอย คือผู้ทำสถิติยิงติดต่อกัน 10 นัด มากที่สุดในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่ตอนนี้มันถูกทำลายโดยเจมี วาร์ดี นักเตะสังกัด จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ซิตี้ ผู้สร้างสถิติใหม่ซัดไป 11 นัดติดต่อกัน ซึ่งเขาเองยังนำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีก 14 ประตู (6/12/2015) และแน่นอนว่าเขากลายเป็นคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคนหนึ่งของเกาะอังกฤษในเวลานี้
ถ้าย้อนไปราว 3 ปีก่อน ชื่อของเขาแทบไม่ปรากฏในวงการฟุตบอลมาก่อน เพราะเขายังเล่นให้กับทีมฟุตบอลสมัครเล่นนอกลีกอาชีพอยู่เลย เขาเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยนัก พ่อของเขาทำงานเป็นพนักงานคุมรถเครนตามไซต์งานก่อสร้าง ส่วนคุณแม่เป็นพนักงานทนายความ เขาจึงไม่มีเงินมากพอที่จะเรียนในระดับปริญญาตรี ทำให้ไปทำงานในโรงงานผลิตขาเทียมเพื่อเลี้ยงชีพ
ในปี 2002 ชีวิตนักฟุตบอลของ วาร์ดี เริ่มต้นจากการเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของสโมสรเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ทีมบ้านเกิด และถูกดึงตัวไปเล่นให้กับทีมนอกลีกอย่าง สต็อคบริดจ์ ปาร์ค สตีลส์ โดยได้รับค่าเหนื่อยเพียง 30 ปอนด์ (ประมาณ 1,618 บาท) ต่อสัปดาห์ แน่นอนว่าไม่พอกินจึงเหมือนว่าชีวิตนักฟุตบอลจะจบลงตรงนั้น เขาจึงต้องกลับไปทำงานในโรงงานผลิตขาเทียมอีกครั้ง
แต่จุดเด่นของเขาที่พอขายได้คือมีความเร็วและการจบสกอร์ ฤดูกาล 2010-2011 ทีม Halifax Town ก็ซื้อตัวเขาไปอยู่ร่วมทีม แต่เพียงแค่ปีเดียวเขาก็ย้ายมาอยู่สโมสรที่ใหญ่ขึ้นอย่าง Fleetwood Town และที่นี่เองเขาผลิตสกอร์ได้มากถึง 31 ประตู จนไปเข้าตาแมวมองของทีมเลสเตอร์ ซิตี้
ด้วยความร้อนแรงแค่การยิงประตูในลีกเล็ก ๆ มันเหมือนเป็นการเสี่ยงดวงของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ในการดึงตัวเขามาร่วมทีมเพราะมีค่าตัวถึง 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 53 ล้านบาท) ซึ่งเลสเตอร์ ซิตี้ก็ตัดสินใจซื้อตัวเขามาในปี 2007 ซึ่งถือเป็นสถิติการซื้อตัวผู้เล่นจากทีมนอกลีกที่ค่าตัวแพงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
ด้วยการการต่อสู้บนเส้นทางฟุตบอลที่โลดโผนกว่านักเตะคนอื่น ทำให้ตอนนี้มีข่าวออกมาว่า อาเดรียน บุตชาร์ต นักเขียนบทภาพยนตร์ชื่อดัง เตรียมติดต่อเพื่อขอนำชีวิตของ เจมี วาร์ดี มาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว เขาจึงไม่ได้เก่งอยู่แค่ในสนาม แต่เขากลายเป็นแรงบันดาลให้กับผู้คนมากมายที่ท้อแท้ในชีวิตนั่นเอง