กมลชนก ภาณุเวศย์
จากความหลงใหลในงานปั้นดินเซรามิกตั้งแต่สมัยเรียน ส่งผลให้ ‘เมย์ - กมลชนก ภานุเวศย์’ เดินเข้าสู่เส้นทางนักปั้น ด้วยการปลุกปั้นแบรนด์ May&Clay Ceramics Studio ให้เป็นใบเบิกทาง จนผลงานเป็นที่ยอมรับจากเวทีระดับโลก มาวันนี้ถือได้ว่าเธอเป็นนักปั้นงานเซรามิกมืออาชีพอย่างเต็มตัว
“เมย์เรียนจบจากคณะสถาปัตย์ฯ ค่ะ สาขาออกแบบอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก็คือเลือกเรียนวิชาเอกเป็นเซรามิกไปเลย ระหว่างที่เรียนเราก็รู้สึกว่าเป็นคนที่ชอบแบบงาน Craft งานทำมือมากกว่าที่จะให้ทำงานเนี้ยบๆ เลยคิดว่าถ้าเราทำงานออกมาในแบบของเราออกมาขายจะมีคนชอบไหม ก็สะสมอารมณ์ความอยากทำงานของตัวเองมาเรื่อยๆ ค่ะ ตอนนั้นก็เริ่มคิดแล้วว่าเราชอบงานลักษณะ แฮนด์เมดทำมือ ก็เลยอยากลองใส่คาแรคเตอร์ของตัวเองลงไปในงาน”
เมื่อเรียนจบ เธอก็ได้ทำงานเป็นดีไซเนอร์อยู่ที่โรงงานเซรามิกประมาณ 1 ปี ก่อนจะได้รับทุนไปเรียนหลักสูตรสั้นๆที่ประเทศญี่ปุ่น 3 เดือน แล้วจึงกลับมาสร้างแบรนด์ของตัวเอง
“ตอนอยู่ญี่ปุ่น จะเป็นอารมณ์ครูพักลักจำมากกว่าค่ะเขาจะไม่สอนเราโดยตรง เราต้องกอบโกยความรู้ให้ได้มากที่สุด เมย์เลยเขียนแผนฝึกงานขึ้นมาเอง แล้วไปเสนอให้กับทางผู้ใหญ่ที่โรงงาน ว่าเราอยากฝึกอะไรบ้างเขาก็ให้เราฝึกตามที่อยากทำ เมย์รู้สึกว่าอยากศึกษางานด้านอุตสาหกรรมบ้าง เพราะสามารถปรับใช้กับงานของเราในอนาคตได้ ที่เรียนก็มีทำดิน ทำแม่พิมพ์ เขียนสี เคลือบเผาซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะด้านเซรามิกค่ะ เรียกว่าได้ลองทำทุกกระบวนการเลย พอจบหลักสูตร เลยได้นำสิ่งที่เราเรียนรู้มาต่อยอดจนเกิดเป็นแบรนด์ May&Clay ค่ะ”
สำหรับรูปแบบงานเซรามิกของ May&Clay มีหลากหลายประเภท เช่น ของตกแต่งบ้าน, แจกัน, จานที่ใช้ตกแต่ง, ชุดน้ำชา, เครื่องประดับ และแก้วกาแฟ ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครเห็นจะต้องจดจำได้อย่างแน่นอน โดยผลงานทั้งหมดเธอลงมือทำเองทุกขั้นตอนทั้งวาดและออกแบบ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งรอบตัวไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ หรือสัตว์เลี้ยง
ผลงานของเธอก็ไม่ใช่ธรรมดา การันตีด้วยรางวัลดีเด่นประเภทอุตสาหกรรม จากเวทีศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติครั้งที่ 16 และได้จัดแสดงที่ประเทศญี่ปุ่นในงาน Tokyo Designer Week 2013 ซึ่งผลงานของเธอติด 1 ใน 35 ผลงานที่เข้ารอบการประกวด จากการคัดเลือกกว่า 1,700 ผลงานทั่วโลก
“จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้ผลงานออกมาน่ารักสดใส แต่มันมาจากความอยาก ก็เราอยากปั้นแบบนี้ มันเลยออกมาจากตัวตนของเราจริงๆ ด้วยความที่เป็นคนชอบวาดรูปอยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆ เป็นด้านเดียวที่ถนัด พอเราได้มาทำงานเซรามิก ผลงานของศิลปินเมืองนอกส่วนใหญ่มักจะทำงานเซรามิกควบคู่กับงานวาดภาพประกอบ เลยคิดว่าน่าสนใจมากแต่เราไม่มีเวลาขนาดนั้น เพราะว่าเราก็ทำงานเองทุกขั้นตอน
“เมย์ว่ามันยากนะ เวลาที่เราทำงานเหล่านี้ จะต้องมีสมาธิกับงานให้มาก ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้เมย์ได้เรียนรู้ปรัชญาข้อหนึ่งจากงานเซรามิก คือเราปลงกับปัญหาพวกความทุกข์ได้ง่าย เพราะว่างานเซรามิกเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ดิน น้ำ ลม ไฟ เราก็ควบคุมมันไม่ได้ อย่างพอเปิดเตามา พังทั้งเตาก็มีแรกๆ จะเป็นบ่อย ต้องลงมือทำใหม่ทั้งหมด เหมือนเราได้สะสมความแข็งแกร่ง พอเจอปัญหาหนักๆ เราก็จะไม่ทุกข์กับตรงนั้นนาน
“สำหรับวงการออกแบบของไทยตอนนี้ เท่าที่เมย์ไปต่างประเทศมา ผลงานของคนไทยก็โดดเด่น สู้ต่างชาติได้งานก็ดี เนี้ยบ เหมือนมีกลิ่นอายความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ แต่ละคนผสมอยู่ จริงๆ งานคนไทยดีๆเยอะมากค่ะ ยิ่งช่วงนี้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจธุรกิจเซรามิกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมย์ว่าดีนะ ทำให้วงการนี้มันเติบโต ในฐานะของศิลปินหรือนักออกแบบ เมย์ไม่เคยมองว่าใครเป็นคู่แข่งเลยค่ะ เพราะแต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์ของแต่ละคน รู้สึกว่าถึงแม้เราจะทำอะไรในสิ่งที่มันเหมือนหรือคล้ายกัน แต่มันก็มีความเป็นคนๆ นั้นอยู่ในงาน แบบไม่มีใครเหมือนกันได้”
อนาคตอันใกล้เธอก็อยากให้ May&Clay เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากมีโอกาสก็จะไปออกงานแฟร์ในหลายๆ ประเทศ เหมือนเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้ตัวเองได้เห็นงานของศิลปินประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เธอบอกอีกว่าอยากลองปั้นงานสเกลใหญ่ๆ ดูสักครั้ง และถ้าพอมีเวลาก็จะจัดแสดงงานแกลเลอรี่อย่างแน่นอน สำหรับใครสนใจงานเซรามิก ได้ยินแว่วๆ ว่าปลายปีนี้ เดือนธันวาคมคุณเมย์จะจัดงานเวิร์คช็อป May&Clay เตรียมตัวกันให้พร้อมล่ะ