ฐานชน จันทร์เรือง
ทุกวันนี้ศิลปการละครมีให้เลือกชมมากมาย แม้ส่วนใหญ่จะเน้นมอบความบันเทิงให้กับผู้ชมมากกว่าสาระสำคัญ หากแต่ ‘คณะละครมรดกใหม่ สํานักศิลปะการละครเพื่อการพัฒนา’ เป็นคณะละครทางเลือกใหม่เพื่อสังคม ที่เชื่อมั่นว่าสามารถเปลี่ยนแปลงมนุษย์และสังคมได้ โดยมี ‘นายท่าน ฐานชน จันทร์เรือง’ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแทบทั้งหมด
“เรามองว่าศิลปะทุกอย่างมีทางเลือก ขนาดเพลงยังมีทางเลือก ว่าจะไปดูคอนเสิร์ตโอเปร่า หรือคอนเสิร์ตร็อค ฉะนั้นละครเวทีจึงต้องมีทางเลือก เป็นการศึกษาเพื่อสังคมจริงๆ เหตุผลที่เราเลือกทำละครเวทีเพื่อสังคม เพราะหน้าที่ของละครเวทีคือการพูดความจริงและให้กับสังคมอย่างมีศิลปะ สิ่งนี้แหละคือสิ่งที่ควรสอนเด็กเพื่อให้เด็กเอาไปสอนต่อในรุ่นต่อๆ ไป”
จากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงรายการโทรทัศน์เล็กๆ และคณะละครของคุณพ่อ เขาได้นำมาปรับให้เป็นแนวเพื่อสังคม โดยเขียนบทละคร ทัวร์ตามโรงเรียนต่างๆ เก็บเงินค่าเข้าชมคนละ 10 บาท หลังจากนั้นจึงเริ่มก่อตั้งโรงเรียนมัธยม ซึ่งเขา
เป็นคนเริ่มทำหลักสูตรจนผ่านการประเมิน พอผ่านแล้วจึงส่งให้คนอื่นมารับช่วง ต่อรับเด็กมัธยมปลายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จากนั้นอีกประมาณ 2 - 3 ปี จึงได้เปิดหลักสูตรปริญญาตรี สาขาผู้ประกอบการสังคมในนาม ‘วิทยาลัยกุมุทาลัย -อาศรมศิลป์’ เป็นหลักสูตรที่เกี่ยวกับการละครโดยตรง
“เรามีทั้งคณะละครที่ใช้หารายได้ มีโรงเรียนระดับมัธยมและหลักสูตรระดับวิทยาลัย อนาคตกำลังจะทำโรงเรียนประถมอีกด้วย พร้อมทั้งเรายังมีเครือข่ายที่เป็นชาวต่างชาติ เข้ามาเป็นครูฝึกสอน นักศึกษาฝึกงาน หรือนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วย เราพยายามจะทำทุกอย่างให้ไม่เสียค่าใช้จ่าย คนทำงานไม่ได้เงิน คนดูละครหรือเด็กที่มาเรียนก็ไม่ควรจะเสียเงิน ตอนนี้เราอาจจะยังไม่สามารถทำได้ทั้งหมด แต่เรากำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อการอยู่รอด เช่น ปลูกผัก ข้าว ไว้กินเอง จึงเกิดเป็นแนวคิดที่ว่าคนทำงานไม่ได้เงินแต่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้และเราก็สามารถอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ ผมมีโครงการจะทำโรงละครโรงเล็ก แต่ใช้นโยบายเดิมคือ การบริจาคสมฐานะ เราจะบอกกับนักแสดงว่าถ้าไม่เอาค่าตัวจะดีแต่ถ้าจะเอาเราก็จะให้ ทุกคนที่ทำงานร่วมกันนั้นสบายใจกันมาก ตรงนี้จะเป็นเหมือนครอบครัวเราอีกครอบครัวหนึ่ง”
หน้าที่หลักๆ ของเขาคือดูแลเรื่องวิทยาลัยและเรื่องทัวร์ละคร ซึ่งจะเดินสายไปตามโรงเรียนและโรงละครต่างๆ ทั่วประเทศ ระยะเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาพวกเขาทัวร์ไปเกือบ 30,000 รอบ บทละครส่วนใหญ่จะมาจากการเรียน นำเรื่องครอบครัวมาเป็นประเด็น ใช้ภาษาที่นุ่มนวล น่าสนใจ
“คณะละครของเราจะบวกความเป็นจริงของตัวละครลงไปในเนื้อหาด้วย ฉะนั้นสิ่งที่เราพูดและสิ่งที่เราทำมันคือสิ่งเดียวกัน ผลตอบรับที่กลับมาจะได้ 2 ทางคือคนดูและคนวิจารณ์ ซึ่งการวิจารณ์มันไม่มีผลกับละครของเราสักเท่าไหร่ เพราะเราสื่อสารตามความเป็นจริง เราจะโฟกัสผลตอบรับที่กลับมาจากเด็กที่เรียนกับเรามากกว่า ว่าเขาสนุกมากน้อยแค่ไหน อาจจะไม่เข้าใจเนื้อเรื่องก็ได้ แต่ถ้าเขามองว่าเรื่องนี้น่าสนใจ แค่นั้นเราก็พอใจแล้ว
“ผมเรียนจบทางด้านปรัชญา เข้ามาสู่วงการละครได้จากธุรกิจของครอบครัว คือคณะละครมรดกใหม่ ผมอาศัยการเรียนรู้จากสิ่งที่เรามีอยู่ในคณะละคร อาจจะไม่ได้เน้นในส่วนของทฤษฎีมากนัก วิธีการคิดของผมจะขึ้นอยู่กับความเป็นจริง
มากกว่า เราทำได้ทุกอย่างมีทีมงานคอยช่วยเหลือ ฉะนั้นตัวผมจึงเน้นไปที่ตัวบทละครและวรรณกรรม ผมคิดว่าละครคือการนำวรรณกรรมมารวมเข้ากับศิลปกรรม
ด้วยความที่คุณพ่อของเขา ‘ครูช่าง ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง’ เป็นนักแสดง ผู้กำกับและเขียนบทละครเวทีที่มากด้วยฝีมือ หลายๆ คนอาจคิดว่าเขาต้องแบกรับความกดดันและการเปรียบเทียบไว้ไม่ใช่น้อย แต่เขารีบส่ายหัวและบอกกับเราไว้ว่า
“ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร เพราะคุณพ่อผมเก่งกว่าผมอยู่แล้ว เราอยู่บนฐานความจริงที่ว่า คนเราแต่ละคนจะมีหน้าที่แตกต่างกัน ไม่มีอะไรดีกว่าอะไร มีแต่ว่าอะไรเพื่ออะไรเท่านั้น ตอนแรกก็งงๆ เหมือนกัน เพราะคุณพ่อทำงานสายโทรทัศน์มาก่อน แล้วจึงเปลี่ยนสายไปทางละครเวทีทำให้เห็นความเป็นจริงที่ชัดเจขึ้น และพอเราสามารถทำสิ่งนี้ได้เหมือนกันกลับกลายว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก มีความคิดที่ดีขึ้น ทุกวันนี้ผมแค่ทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดในพื้นที่ของผมเท่านั้นเอง เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน ผมมักจะถามทุกคนเสมอว่าถ้าคุณไม่มีรายได้แต่มีข้าวกินทุกวัน คุณจะยังทำอาชีพนั้นอยู่ไหม ซึ่งมันเป็นบททดสอบอย่างหนึ่งว่าคุณจะอยู่กับสิ่งที่คุณรักได้มากน้อยขนาดไหน”
Know Him
• ไม่เพียงแค่เดินสายแสดงละครภายในประเทศเท่านั้น พวกเขายังเป็นคณะละครที่ได้ไปทัวร์ที่อเมริกาเป็นปีที่ 4 แล้ว
• จะมีละครใหญ่และละครเล็ก เล่นพร้อมกัน ในวันเดียว คือวันที่ 10 – 13กันยายน 2558 ละครเล็กจะเล่นเรื่องบอลเกงกิ ภาคสองของมหากาพย์ The Blinkที่ Democrazy Theatre Studio และละครใหญ่เล่นเรื่องนิ่งเสียตำลึงทอง ที่บริษัท ทิปโก้ฟูดส์
• นอกจากส่วนคณะละคร ที่เขาเป็นผู้กำกับละคร และทำเพลงแล้ว เขายังเป็นอาจารย์พิเศษอีก 4 – 5 มหาวิทยาลัยอีกด้วย (สอนวิชาปรัชญา ที่มหาวิทยาลัยบูรพา, สอนวิชานิเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย, สอนประถมวัย ที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต และสอนวิชาทฤษฎีการละคร ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น)
• ติดตามต่อได้ที่ Facebook: คณะละครมรดกใหม่ สำนักศิลปะการละครเพื่อการพัฒนา