The Legend

The Legend

ในแต่ละที่แต่ละประเทศทั่วโลก ล้วนแต่มีเรื่องราว มีอารยธรรม มีประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าต่อๆ กันมาอย่างมากมาย ทุกเรื่องราวคำบอกเล่าได้ถูกบันทึกเอาไว้ด้วยฝีมือมนุษย์ในวิธีการที่ต่างๆ กัน ศิลาจารึก, คัมภีร์ใบเบิ้ล, ภาพวาดผนังโบสถ์, ภาพวาดในผนังถ้ำ มาสู่ยุคภาพถ่าย, ยุคกล้องเซลลูไลท์ และกล้องดิจิตอลในปัจจุบัน

แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า โลกเราที่มีอายุหลาย 10 ล้านปีใบนี้ มีการเกิดและดับของอารยธรรมหลากหลายนับครั้งไม่ถ้วนนั้น ยังมีประวัติศาสตร์ที่ตกหล่น และมีเรื่องราวที่ไมได้รับการบันทึกอีกมาก Legend ฉบับนี้จึงขอนำเสนอเรื่องราวของ

เมืองที่มีชื่อว่า Mohenjo daro ให้ท่านผู้อ่านได้รับชม จะเป็นอย่างไรนั้นโปรดติดตาม เมือง “โมเฮนโจ ดาโร” (Mohenjo Daro) เมืองนี้เป็นเมืองที่มีอาณาเขตติดกับที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุของประเทศอินเดีย ซึ่งที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุดังกล่าวนี้ นับเป็นแหล่งอารยธรรมที่มีความเจริญมากของประเทศอินเดียทั้งในช่วงก่อนและหลังพุทธกาล เมืองที่มีชื่อว่า โมเฮนโจ ดาโร ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งเฉกเช่นเดียวกันที่รับความเจริญดังกล่าวเข้ามา โดยรับอารยธรรมทั้งของอินเดียและของที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ 

เมืองโมเฮนโจ ดาโรนี้ ถือกำเนิดและรุ่งเรืองในช่วง 2,600 – 1,900 ปีก่อนคริสตกาล แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีอันต้องล่มสลายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เมืองทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้าง จมอยู่ภายใต้กองดินกองทรายที่ทับถมกันไปตามกาลเวลา และไม่ได้มีใครพบเจออีกเลยจนกระทั่งมีการขุดค้นพบในปี ค.ศ.1922 โดย R. D. Banerji พร้อมด้วยทีมนักประวัติศาสตร์และโบราณคดีของอินเดีย ซึ่งเมื่อค้นพบซากเมืองโมเฮนโจ ดาโร ก็ได้ไปอยู่ในอาณาเขตของประเทศปากีสถานในปัจจุบัน

เมืองโมเฮนโจ ดาโร นับได้ว่ามีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากโดยเมืองได้ถูกก่อสร้างโดยชาวดราวิเดียน ซึ่งเป็นกลุ่มชาวพื้นเมืองเดิมของประเทศอินเดีย ซึ่งจากการขุดค้นพบทำให้ทราบได้ว่าเมืองโมเฮนโจ ดาโร นับเป็นเมืองที่มีความเจริญอย่างมากในอดีต โดยดูได้จากการวางระบบผังเมือง ซึ่งมีการจัดวางแบ่งโซนจำแนกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีทั้งอาคารบ้านเรือน พื้นที่อาคารสาธารณะ อาคารทางศาสนา ป่าช้า ท่าเรือ ถนน ระบบชลประทาน พร้อมด้วยระบบระบายน้ำสอง  เพื่อรับน้ำที่ระบายจากบ้าน 

อีกทั้งยังมีการขุดค้นพบโบราณวัตถุ รูปแกะสลัก เครื่องประดับ สร้อยทองคำ สร้อยลูกปัด ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพชีวิตที่ดีของประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้อย่างชัดเจน แต่แล้วอยู่ๆ ทำไมเมืองที่มีความเจริญแห่งนี้กลับหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ อย่างน้อยก่อนที่จะล่มสลายก็น่าจะทิ้งบางสิ่งบางอย่างเอาไว้เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงความเจริญในอดีต แต่เมืองนี้ไม่มีเลย เกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้กันแน่...?

จากการขุดค้นพบเมืองโมเฮนโจ ดาโร แห่งนี้ เมื่อขุดลึกลงไปถึงระดับพื้นถนน ทีมนักสำรวจก็ได้พบเข้ากับโครงกระดูกของผู้คนจำนวนมากที่กระจัดกระจาย มือของผู้คนหลายคู่ยังคงกุมมือกัน ศพของผู้คนทั้งหมดไม่ได้ถูกฝัง ทั้งๆ ที่มีป่าช้า และที่น่าสงสัยคือทำไมซากศพของคนเหล่านี้ไม่สลายตัวไปตามธรรมชาติ หรือถูกกินโดยสัตว์ป่าที่มีอยู่มากในละแวกนั้น ด้วยสภาพศพเกลื่อนเมืองขนาดนี้เชื่อได้ว่าเมืองแห่งนี้ต้องได้รับมหันตภัยหรือเจอกับสิ่งเลวร้ายชนิดที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

และแล้วคำตอบที่ชวนสงสัยก็ปรากฎขึ้น เมื่อกระดูกของซากศพที่ถูกค้นพบบางส่วนได้ถูกนำไปเข้าห้องแล็บที่โซเวียต เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการตายของคนเหล่านี้ สิ่งที่พบคือสารกัมมันตภาพรังสีที่มีความเข้มข้นสูง มากกว่าระเบิดรังสีระเบิดปรมาณูที่ถล่มเมืองฮิโรชิมา และเมืองนางาซากิ ของประเทศญี่ปุ่นถึง 50 เท่า มันหมายความว่าอย่างไร...? 

หมายความว่าเมือง โมเฮนโจ ดาโร นี้ได้ถูกทำลายด้วยระเบิดปรมาณู เมือประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาลอย่างนั้นหรือ ฟังดูช่างไม่น่าเชื่อแต่เมื่อหาเหตุผลอื่นอย่างภูเขาไฟระเบิด ผลจากการสำรวจในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ ละแวกนั้นไม่มีภูเขาไฟระเบิดที่จะทำการระเบิดได้เลย 

ความสงสัยนี้ได้ไปกระทบต่อมความอยากรู้อยากเห็นของนักสำรวจหลายคน หนึ่งในนั้นคือ David Davenport นักสำรวจชาวอังกฤษ ผู้ใช้เวลาถึง 12 ปี ในการศึกษาอารยธรรมฮินดูและอินเดียโบราณ จากการลงสำรวจพื้นที่อย่างละเอียด เขาได้พบว่ามีการระเบิดเกิดขึ้นจริงภายในเมืองนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งระเบิดปริศนาดังกล่าวที่คาดเดากันว่าเป็นระเบิดปรมาณูนั้น กินรัศมีกว้างถึง 60 หลา (55 เมตร)โดยสำรวจดูจากซากปรักหักพังของอิฐหินก่อสร้างและเครื่องปั้นดินเผาที่ถูกละลายออกไปด้วยความร้อนสูง ซึ่งความร้อนดังกล่าวที่สามารถละลายอิฐและหินได้นั้น มีอยู่เพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือระเบิดปรมาณูนั่นเอง 

David ยังได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจอีกว่า เหตุการณ์การระเบิดลึกลับในเมืองโมเฮนโจ ดาโรนี้ อาจจะตรงกับเหตุการณ์หนึ่งที่ได้มีการระบุไว้ในบันทึกที่มีชื่อว่า “มหาภารตะ”ของฮินดูโบราณเมื่อ 4,000 ปีก่อนว่า “ควันร้อนสีขาวที่ส่องสว่างกว่าแสงอาทิตย์ที่ไม่สิ้นสุดถึง 1,000 เท่า ได้ทำลายเมืองจนไม่เหลือซาก” 

ท้ายที่สุดนี้จากการศึกษาทางประวัติศาสตร์ของ Davidเขาเชื่อว่าจุดจบของเมืองโมเฮนโจ ดาโร นี้เกิดขึ้นจากสงครามระหว่างกลุ่มดราวิเดียนผู้อาศัยเดิม กับกลุ่มชาวอารยันซึ่งอพยพมาจากทางตอนเหนือของเอเชีย มารุกรานเมืองตามที่ราบลุ่มของแม่น้ำสินธุ แต่ก็ยังคงทิ้งปริศนาจนถึงทุกวันนี้ว่า คนเมื่อ 2 พันปีก่อนคริสตกาลนั้นใช้วิธีใดหรือความรู้ใด มาสร้างระเบิดที่มีความร้อนและอานุภาพการทำลายสูงถึงขนาดนั้น ถ้าหากเมืองโมเฮนโจ ดาโร ถูกทำลายด้วยระเบิดปรมาณูจริง ใครเป็นผู้สร้างระเบิดนี้ 

ชาวอารยันหรือ? 

มนุษย์หรือ...? 

หรือเป็นผู้อื่นที่ไม่ใช่มนุษย์... 

ผมเชื่อว่านักสำรวจที่เก่งบวกกับเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดในปัจจุบันจะให้คำตอบที่กระจ่างกับเราในไม่ช้า และปริศนาจะคลี่คลายมาสู่เราอย่างแน่นอน และผมก็จะไม่พลาดที่จะหยิบเรื่องเหล่านี้มานำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รับชมแต่ฉบับนี้ขอตัวอำลาท่านผู้อ่าน สวัสดีครับ 

of Mohenjo Daro