ซีเกมส์

ซีเกมส์

สำหรับเดือนนี้มหกรรมกีฬาที่แฟนกีฬาต้องติดตามคงหนีไม่พ้น “กีฬาซีเกมส์” ที่ประเทศสิงคโปร์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 5 - 16 มิถุนายน พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 (ถ้านับรวมกีฬาแหลมทองก็จะเป็นครั้งที่ 4) ที่ประเทศซึ่งเล็กที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เลี้ยงดูปูเสื่อแขกจากทั่วภูมิภาค

แน่นอนว่าใครหลายๆ คนเคยเดินทางไปเที่ยวหรือพักผ่อน บ้างก็อาจจะติดตามจากสื่อต่างๆ ในเรื่องของการท่องเที่ยวเพราะเป็นประเทศที่คนไทยเดินทางไปได้ไม่ยาก เพียงนั่งเครื่องบินประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว 

อีกทั้งความสะดวกสบายในด้านต่างๆ ทั้งการคมนาคมขนส่ง โรงแรมที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวโดยเป็นเมืองที่เจริญที่สุดในภูมิภาคก็ว่าได้ รวมถึงอาหารการกินที่ค่อนข้างถูกปากคนไทยเพราะมีวัฒนธรรมการกินของคนจีนเข้ามาผสมผสาน เช่น ข้าวมันไก่ บัดกุดเต๋ หรืออาหารทะเลอย่างปูผัดพริกทั้งหลาย 

ด้วยขนาดพื้นที่ที่เป็นเกาะเล็กประมาณ 718 ตารางกิโลเมตร และจำนวนประชากรเพียง 5 ล้านกว่าคน เรียกว่าเกือบน้อยที่สุดในอาเซียน มากกว่าบรูไนที่น้อยที่สุดเพียงนิดเดียว ทำให้โอกาสที่จะเป็นเจ้าเหรียญทองในมหกรรมกีฬาต่างๆ เป็นไปได้ยากรวมทั้งกีฬาซีเกมส์ด้วย 

ดังนั้นเป้าหมายหลักของเจ้าภาพคงไม่ใช่ตำแหน่งเจ้าเหรียญทองเหมือนมหาอำนาจกีฬาทั้งหลายในภูมิภาคนี้อย่างไทย อินโดนีเซีย หรือเวียดนาม โดยผลงานที่ดีที่สุดคือการได้อันดับ 2 จากกีฬาแหลมทอง 2 ครั้งในปี พ.ศ.2516 กับ พ.ศ.2518 

แต่เป็นการโชว์ศักยภาพของการเป็นเจ้าภาพ ที่ต้องจัดการแข่งขันได้ดีกว่าทุกๆ ประเทศจากความเจริญที่มากกว่าไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬาแห่งชาติที่สร้างขึ้นใหม่ ความพร้อมและความสะดวกสบายต่างๆ ให้แก่บรรดาทัพนักกีฬาและแฟนกีฬาที่เข้ามาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว 

สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อยู่ไม่ห่างไกลกันมากใช้เวลาเพียง 2 - 3 วันก็ไปได้ครบหมดแล้วคงเป็นจุดขายให้แก่ผู้มาเยือนที่ต้องการสัมผัสความเป็นสิงคโปร์ ไม่นับความบันเทิงสันทนาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ่อนการพนันถูกกฎหมายถึง 2 แห่งที่ “มาริน่า เบย์” กับ “เกาะเซนโตซ่า” 

แม้ว่าสิงค์โปร์จะเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพค่อนข้างสูง แต่เรื่องของตั๋วเข้าชมไม่ใช่ปัญหาเพราะจากกีฬา 36 ชนิด ชิงชัยกันถึง 1,327 เหรียญทอง กีฬาที่ถูกบรรจุเข้าแข่งขันในครั้งนี้ มีถึง 18 ชนิดกีฬาที่เจ้าภาพเปิดให้เข้าชมการแข่งขันได้ฟรีๆ และอีก 18 ชนิดกีฬาที่ราคาของตั๋วเข้าชมค่อนข้างถูกตั้งแต่ 5 - 20 ดอลล่าห์สิงค์โปร์ (ประมาณ 120 - 500 บาท) เท่านั้นเอง 

โดยราคาของตั๋วขึ้นอยู่กับความนิยมของชนิดกีฬาของชาวสิงคโปร์เอง อย่างตั๋วการแข่งขันประเภทสระว่ายน้ำ (ที่ถูกแยกย่อยมากที่สุดถึง 51 ประเภท) หรือฟันดาบที่เจ้าภาพมีลุ้นก็ขายหมดอย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดขาย อีกทั้งตั๋วเข้าชมพิธีเปิดการแข่งขันก็ขายหมดก่อนมหกรรมกีฬาจะเริ่มต้นเกือบ 2 เดือนเลยทีเดียว

ทำให้พิธีเปิดการแข่งขันในวันที่ 5 มิถุนายน เป็นอีกจุดสำคัญที่เจ้าภาพเน้นมากๆ เพราะเปรียบเสมือนการโชว์ความยิ่งใหญ่ของประเทศ โดยมีผู้ร่วมแสดงในพิธีกว่า 5,000 คน และมีจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่กว่า 160 จอเพื่อใช้สำหรับงานนี้จึงต้องมารอดูว่า จะยิ่งใหญ่สมกับประเทศที่มีความเจริญอันดับ 1 ในภูมิภาคนี้ 

ถ้าจำกันได้ในอดีตจนถึงปัจจุบัน สิงคโปร์พยายามที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านกีฬาด้วยการให้นักกีฬาโอนสัญชาติในหลายชนิดกีฬาไม่ว่าจะเป็นปิงปอง แบดมินตันหรือกีฬายอดนิยมอย่างฟุตบอลเอง ซึ่งก็ทำให้ได้เหรียญทองมาบ้างแต่ก็สู้ประเทศที่ได้เปรียบเรื่องจำนวนประชากรมากกว่าไม่ได้ 

แน่นอนสำหรับมหกรรมซีเกมส์ครั้งนี้ คือเวทีและโอกาสที่สิงคโปร์จะตอกย้ำความเจริญและความยิ่งใหญ่ของประเทศมากกว่าการลุ้นเป็นเจ้าเหรียญทอง ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของทัพนักกีฬาไทยในการลุ้นเป็นเจ้าเหรียญทองอีกครั้งกับคู่แข่งอย่างอินโดนีเซียหรือเวียดนามในประเทศที่ดูเป็นกลางที่สุด 

สุดท้ายก็คงต้องส่งใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยให้ชนะในทุกกีฬาให้ได้มากที่สุดเพื่อรักษาตำแหน่งเจ้าเหรียญทองตลอด 11 วันเต็มของการแข่งขันอย่างเป็นทางการครับ 

ที่เจ้าภาพไม่หวังเป็นเจ้าเหรียญทอง