Prince of Tennis
วงการเทนนิสเมืองไทยช่วงนี้ดูเงียบๆ เหงาๆ สังเกตได้จากบรรดาชั้นวางรองเท้าในห้างดัง พูดตรงๆ ว่ากว่าจะได้รองเท้าเทนนิสดีๆ สักคู่ ช่างเป็นเรื่องเสียยิ่งกระไร แบรนด์หนึ่งก็มีแบบให้เลือกไม่เยอะ แตกต่างจากพวกรองเท้าวิ่งในบ้านเรามีให้ได้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ ละลานตามาก ... แล้วทำไมอุปกรณ์เทนนิสช่างหายากเย็นล่ะ ยอดขายของอุปกรณ์กีฬาเป็นตัวบ่งชี้ได้ดีเกี่ยวกับกระแสนิยมของกีฬาในบ้านเรา ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ไม้เทนนิส รองเท้า ชุดเกี่ยวกับกีฬาลูกสักหลาด มีให้เราเลือกหลากหลาย แถมสนามเทนนิสก็ถูกจองกันล่วงหน้า เพราะเรามีนักกีฬาที่ชื่อ “ภราดร ศรีชาพันธ์” นักเทนนิสไทย อันดับ 9 ของโลกในตอนนั้น เป็นผู้ปลุกกระแสให้เด็กในเอเชียอยากเป็นแบบพี่บอล
หลายปีผ่านไปก็มีนักกีฬาเอเชียเกิดขึ้นตามรอยของบอล ภราดรบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะได้เห็นนักกีฬาจากฝั่งเอเชียก้าวเข้ามาอยู่ในท็อปเท็นของโลก เวลาผ่านไปสิบปี กว่าที่นักเทนนิสชาวเอเชียอีกคนหนึ่งจะสามารถสร้างกระแสฟีเว่อร์ในวงการได้อีกครั้ง เขาคือ “เคอิ นิชิโคริ” แน่นอนว่าผู้ชายคนนี้สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวเอเชีย และก้าวขึ้นมาเป็นมือวางอันดับ 4 ของโลก เคอิ นิชิโคริ เริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่อายุ 4 ขวบ หลังจากที่ครอบครัวซื้อไม้เทนนิสให้เป็นของขวัญ และสามารถคว้าแชมป์เยาวชนได้เมื่ออายุ 11 ปี หลังจากนั้นก็บินไปอเมริกาเพื่อฝึกเทนนิสกับค่าย “นิค บอลเล็ตเทียรี่” หลักสูตรของนิคจะยึดหลัก 3 ข้อ คือความมีระเบียบวินัย, ความรับผิดชอบ และความพยายาม โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ “การสร้างแชมป์”
นักเทนนิสที่เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ จะต้องปฏิบัติตามกฎและฝึกฝนอย่างหนัก บรรดานักหวดดังที่เป็นศิษย์เก่าของนิคมีทั้ง อังเดร อากัสซี่ ,จิม คูเรียร์, มาเรีย ชาราโปว่า และอีกมากมาย โดยที่นี่จะเน้นในเรื่องของสภาพจิตใจมีโค้ชที่สอนถึงการควบคุมอารมณ์ในระหว่างแข่งขัน โดยจะมีการติดตั้งกล้องวิดีโอวงจรปิดไว้ที่สนามทุกคอร์ท เมื่อเสร็จสิ้นการสอนโค้ชจะเปิดเทปเหล่านั้นให้นักเรียนได้ศึกษาภาษากายวิเคราะห์ในเรื่องที่เกี่ยวกับอารมณ์และจิตใจ นิชิโคริได้มาฝึกและแข่งขันเทนนิสที่อเมริกาและเทิร์นโปรในวัย 18 ปี ตั้งแต่ช่วงเทิร์นโปรเขาสามารถผ่านเข้าไปเล่นรายการใหญ่แกรนด์สแลม และเก็บแต้มมาเรื่อยๆ ภายในระยะเวลา 4 ปี ช่วงปี ค.ศ.2012 เขารั้งอันดับที่ 24 ของโลกและกลายเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย
เคอิจังถูกสื่อในญี่ปุ่นเรียกว่า Prince of Tennis แน่นอนใครที่ชอบอ่านการ์ตูนคอมมิกจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการ์ตูนเรื่องปริ๊นซ์ ออฟ เทนนิส กับเนื้อเรื่องการแข่งขันเทนนิสที่มีฉากต่อสู้และไม้ตายที่ดุเด็ดเผ็ดมัน ของเหล่ายอดฝีมือนักเทนนิสวัยกระเตาะ นิชิโคริเลยถูกแฟนๆ เรียกตามการ์ตูนไปโดยปริยาย
ถ้าพูดถึง เคอิ นิชิโคริ ก็ขาดไม่ได้ที่จะพูดถึง Project 45 อะไรคือ Project 45? โปรเจ็กต์นี้คือการวางเป้าหมายของเคอิ นิชิโคริ ในการก้าวขึ้นมาอยู่ภายในอันดับ ท็อป 45 เพราะรุ่นพี่นักเทนนิส ที่เคยฝึกซ้อมให้เขา ซูโซะ มัสซูโอกะ เคยทำผลงานไว้ที่อันดับ 46 ของโลก แต่ปรากฏว่าเคอิจังได้มาไกลจนทะลุเป้าหมายของ Project 45 ไม่ใช่แค่เพียงท็อป 45 แต่ตอนนี้เขาขึ้นมาถึงอันดับ 4 ของโลกในการจัดอันดับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กว่า 10 ปี จากกระแสภราดรมาถึงเคอิ นิชิโคริ
เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่มีใครที่ผมจะไม่สามารถเอาชนะได้” และประโยคนี้ก็กลายเป็นประโยคสุดฮิตของแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ. 2014
สำหรับชาวเอเชียอย่างเราต้องคอยลุ้นและตามเชียร์ Prince of Tennis ผู้สร้างปรากฏการณ์ ว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน ถ้าเรามีความเชื่อ ... เราจะสามารถทำทุกอย่างได้