Trail Running
ในยุคที่งานวิ่งมีจัดกันทุกสัปดาห์ คนหลายพันคนต่างแย่งกันสมัครเพื่อลงทำการแข่งขัน เส้นทางส่วนใหญ่ก็จะวิ่งกัน บนท้องถนนในตัวเมือง เส้นทางที่นักวิ่งคุ้นเคยกันอย่างดีมักจะเป็นถนนบริเวณ รอบๆสวนลุมพินี หรืออาจจะเป็น เส้นทางสะพานพระราม 8 ที่มีจะมีการปิดจราจรเพื่อจัดงานวิ่งบ่อยๆ ในกรุงเทพมหานคร แต่ตอนนี้ก็มีนักวิ่งบางกลุ่มที่เริ่มเบื่อ ... เบื่อ กับการวิ่งบนถนน เส้นทางเดิมๆ วิวทิวทัศน์ที่เริ่มซ้ำไม่มีความท้าทายใหม่ๆ ทำให้ปีนี้มีนักวิ่งจำนวนมากหันมาวิ่งเทรล “ตื่นเช้า เข้าป่า วิ่งผจญภัย”
Trail Running คืออะไร? หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นกับคำนี้ การวิ่งเทรลคือกีฬาที่ผสมผสานทักษะการวิ่งและการเดินเขาเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าในสหราชอาณาจักรจะเรียกว่าเมาเทนท์รันนิ่ง นักวิ่งจะต้องวิ่งในสภาพแวดล้อมแบบป่าเขา ลำเนาไพร พื้นกรวด พื้นทราย โคลน ที่อยู่ตามธรรมชาติ รวมถึงต้องสู้ความสูงชันของภูมิประเทศใครริจะเป็นนักวิ่งเทรลต้องลุยได้!!! ย้อนไปเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว งานวิ่งเทรลในไทยมีจำนวนนักวิ่งให้ความสนใจเพียงแค่หลักร้อย แต่มาปีนี้กระแสการวิ่งเทรลพุ่งพรวด อยู่ที่หลักพันเรียบร้อยแล้ว แถมยังมีแนวโน้มการเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะอย่างที่บอกไปว่า มีนักวิ่งบางกลุ่มที่ต้องการความผจญภัยและความท้าทายใหม่ๆ จากการวิ่งในสนามธรรมชาติ ที่เปิดเส้นทางใหม่ๆให้นักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลกได้มีโอกาสสัมผัส ความสวยงามของประเทศไทย เพราะพื้นที่เส้นทางการวิ่ง ปกติแล้วจะไม่เปิดให้กับบุคคลทั่วไปได้เข้าไป ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของเหล่านักวิ่งเทรลเท่านั้นที่จะได้สัมผัส พูดถึงระยะการวิ่งเทรลในประเทศไทย จะเป็นการแข่งขันที่แบ่งออกเป็นหลายระยะทาง ตั้งแต่ 15 กิโลเมตร 25 กิโลเมตร 50 กิโลเมตร และมากที่สุดคือ 100 กิโลเมตร
... ใช่แล้ววิ่ง 100 กิโลเมตร แปลว่าคุณมีเวลา 18 ชั่วโมงในการวิ่ง หรือบางคนอาจจะใช้คำว่าลากสังขาร เพื่อเข้าเส้นชัย
... การันตรีความโหดโดยเริ่มปล่อยตัวนักวิ่งเช้ามืดตี 5 แน่นอนว่าเรื่องสภาพอากาศคุณต้องเผชิญ อุณหภูมิต่างกันของกลางวันและกลางคืน เส้นทางที่ชันและมีบางจุดที่ต้องปีนเขาและมีความชันมากๆ นักวิ่งที่มาแข่งขันจะต้องเตรียมสภาพร่างกายพร้อมอุปกรณ์ป้องกันมาเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นแล้วมีเดี้ยง มือใหม่หัดเทรลต้องเตรียมอะไรบ้าง ? แน่นอนรองเท้าเทรล เพราะพื้นรองเท้าถูกสร้างมาเพื่อเกาะถนนแบบเทรล การวิ่งเทรลต้องระวังมากกว่าวิ่งถนนปกติ เนื่องจากทางไม่เรียบ มีทั้งหลุม ทั้งหิน ทราย ดินรองเท้าแบบเทรลจะเกาะพื้นผิวดีกว่า จากคนที่เคยวิ่งปกติ 10 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ถ้ามาวิ่งเทรลบวกเวลาเพิ่มไปได้เลย เพราะทั้งเส้นทาง แรงและกำลังแตกต่างจากทางเรียบทุกอย่าง เสื้อแขนยาว กางเกงวิ่งขายาวเพื่อป้องกันการล้ม เกี่ยวกิ่งไม้ หนามแหลม หญ้า มีหมด ครีมกันแดด แว่นกันแดด สเปรย์กันแมลง พลาสเตอร์ยา ผ้าบัฟเอนกประสงค์ที่เราใช้ทั้ง กันฝุ่น และกันแดด เช็ดเหงื่อ
แต่ที่สำคัญมากๆ สำหรับนักวิ่งระยะไกลคือ กระเป๋าน้ำ รวมถึงพวก Energy Gel และสิ่งที่ผู้จัดบังคับว่านักวิ่ง 50 กิโลเมตรขึ้นไป ต้องมีคือ นกหวีด ไฟฉาย แผนที่ และแบตสำรองมือถือ เริ่มปล่อยตัว ตี 5 แน่นอนว่า เวลานั้นมืด จนมองไม่เห็นอะไร และอันตรายมากๆ นักวิ่งเทรลจำเป็นต้องมีทีม หรือ พาร์ทเนอร์ เพื่อติดตาม และ ติดต่อหากเกิดอุบัติเหตุจะได้ง่ายต่อความช่วยเหลือ อีกอย่างที่แนะนำคือเรื่องการใส่หูฟังเพลงขณะวิ่งเทรลเป็นเรื่องที่เราไม่แนะนำเพราะการวิ่งผจญภัยในป่าแบบนี้ นักวิ่งต้องโฟกัสกับทาง และสิ่งรอบๆ ตัว ถ้ามัวแต่ฟังเพลงอาจจะเกิดอันตราย เพราะไม่ได้ยินเสียงเตือนภัยรอบข้าง อีกเรื่องที่นักวิ่งต้องระวังคือเรื่องของการศึกษาเส้นทาง และการฟังบรีฟจากผู้จัด เพราะพื้นที่ๆ เราไปวิ่งเป็นพื้นที่ๆ ชัน และบางจุด เป็นหน้าผา ดังนั้นเรื่องสัญลักษณ์ เส้นทาง ธงการเตือนภัยสีต่างๆ เป็นสิ่งที่จะช่วยนักวิ่งได้ ปีนี้รับรองว่ายังมีอีกหลายสนามให้เหล่านักวิ่งได้พิสูจน์ความแกร่งจากการวิ่งเทรล เมื่อเราก้าวลงมาสู่สนามวิ่งแล้ว ถึงแม้ว่าจะเหนื่อย จะท้อสักแค่ไหน ขอให้มองไปข้างหน้าและก้าวขาวิ่ง แล้วคุณจะพบทางออกที่เส้นชัย ขอให้ทุกคนโชคดี เหล่านักวิ่ง