สะสม พบประเสริฐ
ถือได้ว่า ‘โค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ’ เป็นผู้ถูกสัมภาษณ์อีกคนหนึ่งที่ทำให้เราไม่เสียดายช่วงเวลาที่ได้คุยกันแม้แต่วินาทีเดียวจริงๆ ด้วยบุคลิกชัดเจน ตรงไปตรงมา พูดทุกอย่างได้แทงใจดำอย่างไม่ปราณี จนผู้ฟังอย่างเรายังแอบสะใจเล็กๆ จึงไม่แปลกที่บางคนที่ถูกพาดพิงถึงกลับรู้สึกแตกต่างกันออกไป ต้องขอบคุณนักพากย์บอลชื่อดังอย่างน้าหัง อัฐชพงษ์ สีมา ที่ได้แนะนำให้เราได้มา Connected กันต่อที่บุคคลท่านนี้
ณ ปัจจุบันนี้โค้ชตอนนี้ทำอะไรอยู่
ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการของ-ทีมแอร์ฟอร์ซแล้วก็เป็นคอมเม้นท์เตเตอร์ด้วย
โค้ชเตี้ยรู้จักกับน้าหังได้อย่างไร
ผมรู้จักอาจารย์หังตอนที่แกเรียนอยู่ที่จุฬาฯ ผมเองก็เป็นนักฟุตบอลทีมกสิกรไทย ในยุคนั้นก็มักจะไปซ้อมเป็นประจำที่สนามจุ๊บเลยได้เจอกัน จนถึงวันนี้ก็ยังได้คบหากันอยู่
ยากแค่ไหนกว่าจะมาถึงวันนี้
การเป็นนักฟุตบอลอาชีพนั้นมันยากทุกยุคอยู่แล้ว เพียงแต่ยุคนี้โอกาสมันเปิดกว้างกว่า ยุคนั้นแต่ละทีมกว่าจะขึ้นชั้นไปได้มันต้องใช้เวลา อย่างผมเล่นที่ท่าเรือฯ อยู่ 2-3 ปีมันก็เหมือนจะตันแล้วนะ เพราะดาวเด่นเขามีเยอะ เลยตัดสินใจ
ออกไปเผชิญคลื่นลม ไปอยู่ทีมกสิกรไทย ซึ่งตอนนั้นทีมกสิกรเองเขาก็ไม่ได้เล็งผมหรอก เขาดึงแต่เพื่อนๆ ผมไปหมดแล้ว ผมเลยต้องไปขออาจารย์ชาญวิทย์ ผลชีวิน ว่าเอาผมไปอยู่กสิกรด้วยได้ไหม จากนั้นก็ไปเล่นถ้วย ข. ไต่เต้าไปถ้วย ก. ได้แชมป์ถ้วย ก., แชมป์คิงส์คัพ, แชมป์เอเชียถือว่าเป็นช่วงที่ชีวิตหักเหไปแบบน่าทึ่งเหมือนกันนะ คิดไม่ผิดที่ท้าทายกับชีวิต
มองว่าตัวเองเป็นนักฟุตบอลประเภทไหน
ผมเป็นนักฟุตบอลที่ใช้พรแสวงล้วนๆ ผมเชื่อมาโดยตลอดว่า ‘ถ้าคุณทำงานอย่างหนัก คุณอาจจะแซงพรสวรรค์ก็ได้’ ต้องขอบคุณอาจารย์สมชาติ ยิ้มศิริ หลายคนอาจมองว่าท่านเฮี้ยบ แต่ผมได้ดีทุกวันนี้ก็เพราะท่านที่สอนระเบียบวินัยทุกอย่างรวมไปจนถึงการใช้ชีวิต ท่านสอนว่าเมื่ออยู่ในสนามต้องเอาเสื้อใส่ในกางเกงเสมอ ทุกวันนี้แม้กระทั่งนอนผมยังเอาเสื้อใส่ในกางเกงอยู่เลยนะ (หัวเราะ)ช่วงที่ชีวิตพุ่งขึ้นถึงขีดสุด คุมเส้นทางของตัวเองอย่างไรไม่ให้หลุดวงโคจร
เพราะผมมุ่งมั่นในเป้าหมายมากพอ
มองผ่านวงการฟุตบอลที่กำลังเป็นกระแสอย่างไรบ้าง
มันเป็นเรื่องที่ดีนะ เรามีหลายทีม และมีนักฟุตบอลมากมาย ถือว่าฟุตบอลอาชีพได้ถูกพัฒนาขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ความที่มันโตเร็ว โดยที่หากยังไม่มีนโยบายการวางแผนกำหนดอะไรต่างๆ สุดท้ายมันจะเหมือนลีกเวียดนาม หรือ สิงคโปร์ไหม ที่พอโตเต็มที่สุดท้ายก็พัง ผมห่วงตรงนี้ ลีกต้องสามารถต่อยอดให้กับนักฟุตบอลได้หลายคนบอกผมเป็น ‘ไอ้เข้ขวางคลอง’ แต่ผมไม่แคร์
‘ไอ้เข้ขวางคลอง’ มาจากอะไร
ผมเป็นคนตรงๆ เลยดูห้วนๆ ช่วงนั้นซิโก้ยังทำบอลพรีเมียร์ลีกอยู่ ผมก็ไปให้สัมภาษณ์เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับสมาคมนี่แหละ อะไรที่มันต้องตำหนิผมก็พูด ไม่มีอ้อมค้อมอะไร กับฉายา โค้ชเตี้ย มูริญโญ่ คิดเห็นอย่างไรก็ต้องขอบคุณ แต่ผมเองก็คือผม เรื่องของฟุตบอลมันเป็นศาสตร์ที่แล้วแต่ใครจะมีแนวคิดในการทำงานแบบไหน มูริญโย่บางการตัดสินใจเขาก็พลาด ผมเองบางเกมก็ยังพลาด แต่อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือเขาเป็นคนที่ทำงานไม่ค่อยล้มเหลว ผมจึงเลือกเอาบางอย่างมาปรับใช้ แต่ก็ไม่ยึดติด
กระแสฟุตบอลไทยฟีเวอร์จะทำให้เรามีแรงกระตุ้นที่จะสร้างนักเตะขึ้นมาได้แค่ไหน
ก็ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ ถ้าอยากจะสร้างนักเตะอย่างธีรศิลป์ เมสซี่ เจ หรือแม้แต่กระทั่งปิยะพงษ์ ผิวอ่อนขึ้นมากอีก มันต้องมีดูที่นโยบาย ระบบ และความต่อเนื่อง เราต้องเริ่มวางแผนพวกนี้กันได้แล้ว ไม่ใช่แค่ทำๆ หยุด แล้วก็หายไป
ภาพความรุนแรงของแฟนบอลในการแข่งบางคู่มันกำลังสะท้อนอะไร
ก็คิดว่ามันน่าจะค่อยๆ เบาลงนะ ด้วยกฏ มันต้องมีการปรับตัว แต่ที่สำคัญทีมชนะก็ไม่ต้องแสดงอาการออกตัวอะไรมาก เอาแค่หอมปากหอมคอพอ ทำกีฬาให้เป็นกีฬานั่นแหละ
ฟุตบอลเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เด็ก (ผู้ชาย) หลายๆ คนใฝ่ฝัน แต่จะทำมันให้เป็นจริงได้อย่างไร
เริ่มแรกต้องมีแรงบันดาล มีความฝัน และอย่าขี้เกียจไม่ต้องกลัวเหนื่อย ไม่ต้องฝันถึงอุปกรณ์หรูแล้วถึงจะเล่น นักฟุตบอลชื่อดังระดับโลกเขตอนเด็กเขาเป็นยังไง เขาฝึกหนักไม๊ เราไปดู ไม่มีใครเดินห้างตลอดแล้วมันจะเล่นเก่งได้หรอก (หัวเราะ) มันต้องฝึกหนักๆ แล้วมีทักษะเยี่ยม พอมีพื้นฐานที่ดีแล้วคุณจะอยู่ที่ไหนก็ได้ เล่นได้หมด เพราะฟุตบอลมันใช้ภาษาเดียวกันก็คือเทคนิค
สิ่งที่อยากได้มากที่สุดในชีวิตวงการฟุตบอล
ผมอยากเห็นความโปร่งใสในวงการ!