และเมื่อชีวิตผ่านช่วงเวลา โอบกอดแห่งความรักที่โหยหาในช่วงวัยเด็ก ก็จะเติบโตเรียนรู้เข้าสู่วัยแห่งความรักใคร่ของชายหญิง เป็นโอบกอดที่ต่างฝ่ายต่างร้อนรุ่มอยู่ในหัวใจ และแม้เพียงสัมผัสด้วยปลายก้อยเกี่ยว ไออุ่นแห่งความรัก ความปรารถนาก็จะพุ่งซ่านไปถึงหัวใจ ทำให้รับรู้ได้ถึงความสุขจากโอบกอดที่ได้รับในแต่ละครั้ง

จากตำราโบราณ กามา สูตรา และ อนันงะ รังคะ ได้แบ่งสัมผัสแห่งการโอบกอดรักใคร่ระหว่างชายหญิงไว้ 8 ประเภท ซึ่งแต่ละโอบกอดนั้นอยู่ในลีลาศิลปะเริงระบำจารีตของอินเดียผสมอยู่ด้วย

ก่ายกอดดุจเถาวัลย์

โอบกอดท่านี้ไม่ต่างกับเถาวัลย์ที่พันเกี่ยวเลี้ยวเลื้อยไปตามลำดับของต้นไม้ ฝ่ายหญิงจะก่ายกอดในท่ายืนด้วยขาข้างหนึ่งจะโอบรัดที่เอวของฝ่ายชายโดยแน่น ศีรษะของทั้งสองฝ่ายจะโน้มคล้อยลงมาให้บรรจบกัน เพื่อให้หนึ่งปากได้แสดงความรักลงบนศีรษะอย่างไม่จำกัด 

ป่ายปีนต้นไม้

เป็นอีกหนึ่งท่าที่โอบกอดด้วยท่ายืน ฝ่ายชายยืนตรง ส่วนฝ่ายหญิงเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนเท้าฝ่ายชายเบาๆ ส่วนอีกข้างหนึ่งยกมาไว้ที่ต้นขาของฝ่ายชาย สองมือที่ยังว่างอยู่ก็โอบรัดมาที่เอวของฝ่ายชาย แอ่นเอวให้สองเราแนบแน่นกัน ท่าจะคล้ายกับคนปีนต้นมะพร้าว จากนั้นให้เงยหน้าพร้อมเตรียมที่จะรับจุมพิตของฝ่ายชาย จากนั้นสวรรค์ก็เห็นรำไร

ข้าวและเม็ดงาผสมกัน

ท่านี้จะยืนหรือนอนก็ได้ สิ่งสำคัญก็คือทั้งคู่อยู่ในวงแขนซึ่งกันและกัน ซึ่งภายใต้วงแขนจะแสดงให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ทั้งคู่มีต่อกัน ขาจะก่ายกอดกันแบบแนบติด ช่วงกลางระหว่างท้องก็จะแนบชิดติดกัน นับเป็นท่ากอดที่ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน และจะนำพาไปสู่จุดสุดยอดได้เป็นอย่างดี

นมและน้ำผสมกัน

กอดรัดท่านี้ ถ้าใช้คำไทยๆ ว่า “กอดรัดฟัดเหวี่ยง” ก็คงจะเห็นภาพได้ชัดเจน เพราะทั้งชายหญิงจะโลมเล้าใส่กันด้วยแรงปรารถนาที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในของจิตใจ และการกอดแบบนี้เป็นสัมผัสที่กระตุ้นให้อวัยวะเพศตื่นตัวแบบเต็มที่ พร้อมที่จะดำเนินกิจในขั้นต่อไป ยิ่งหากสัมผัสในจุดที่กระตุ้นของแต่ละคนด้วยแล้ว จะยืน นั่ง หรือนอน ก็ไม่เป็นอุปสรรคอย่างแน่นอน

ก่ายกันด้วยขา

ท่านี้เริ่มต้นด้วยการนอน หลังจากนั้นก็เอาขาอ่อนสอดระหว่างขาทั้งสองของอีกฝ่าย ที่ทำแบบนี้นั้นเพราะต้องการให้ช่วงกลางของลำตัวทั้งคู่ ได้แนบชิดสนิทกันอย่างถึงที่สุด ท่านี้ยังเป็นท่าเริ่มต้นที่สามารถพลิกแพลงไปได้อีกหลากหลายท่า เช่น ยกขาอ่อนทั้งสองข้างทาบทับกัน หรือจะเป็นจากด้านหลังที่พลิกตะกายสอดขาเข้ามา ท่านี้นั้นช่วยทำให้สัมผัสที่ขาถูไปมา ส่งผลให้เกิดความรู้สึกดีๆ

แนบแน่นกลางลำตัว

ท่านี้จะยืนหรือนอนคงไม่ถนัดนัก เช่นนั้นแล้วการจะใช้ท่านี้ ท่านั่งเป็นท่าที่เหมาะสมที่สุด เริ่มต้นที่ฝ่ายชายนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น ส่วนฝ่ายหญิงก็นั่งที่ตักหันหน้าเข้าหาฝ่ายชาย ขาของฝ่ายหญิงโอบเอวของฝ่ายชายไว้ ที่กระทำแบบนี้ก็เพื่อส่งผลให้ลำตัวของทั้งคู่ แนบชิดสนิทสนมยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่เพียงเท่านั้น สะโพก ท้องน้อย ต้นขาอ่อนก็จะสัมผัสถูกกัน ทำให้เกิดความรู้สึกเร้าใจในที่สุด

เล้าโลมด้วยหน้าอก

อีกหนึ่งท่าที่เหมาะกับท่านั่งมากที่สุด โดยเฉพาะการนั่งลงบนตัก ฝ่ายชายหรือหญิงก็ตามที จงใจให้หน้าอกของตนนั้นเบียดไปมาระหว่างหน้าอกของอีกฝ่าย จะเพิ่มความรู้สึกให้มากขึ้นก็ด้วยการแอ่นอกเข้าหา หรือแอ่นอกออกก็ตาม ท่านี้ยังสามารถเล้าโลมได้หลายท่า ใช้มือ ปาก แก้ม จมูก กายสัมผัส สร้างอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

ซบกันด้วยหน้าผาก

หลายคนอ่านมาถึงบรรทัดนี้คงจะรู้สึกว่าหน้าผากส่งต่อความรู้สึกให้กันได้ด้วยหรือ ถ้าไม่เชื่อลองดูครับ นำหน้าผากของคุณไปซบกับหน้าผากของคนข้างๆ ไม่น่าเชื่อครับว่า ส่วนหน้าผากที่สุดแข็งจะเป็นส่วนที่สร้างอารมณ์แห่งความรักได้ละมุนละม่อมอย่างยิ่ง และนี่คือที่สุดของท่าโอบกอดท่าหนึ่งที่ในตำราแห่งการโอบกอดจะต้องมีไว้ ท่านี้เป็นท่าจรดหน้าผากของชายหญิง กอดกันในวงแขนอุ่นๆ ตัวแนบ ท้องน้อยแนบ อก ปาก แก้ม และหน้าผากจรดติดกัน ยิ่งดวงตาประสานส่งไปถึงกันและกัน ที่สุดแห่งที่สุดครับ

8 ท่าที่แนะนำไป ไม่ได้เป็นทั้งหมดของโอบกอดที่มีอยู่บนโลกใบนี้ หากแต่ยังมีพลิกแพลงแปลงไปอีกมากมายหลายแสน ตามแต่อารมณ์แห่งความรักที่จะรัญจวนออกไปอย่างไม่มีหมดสิ้น 

ว่าแต่วันนี้ คุณกอดกันหรือยัง?