วาเลนไทน์ สวีทตี้
ก่อนจะตัดสินใจเลือกเรื่องที่จะเขียนในเดือนนี้ ผมเดินคิดจนฝุ่นตลบอยู่หลายรอบว่าจะเขียนถึงหนังเรื่องนี้ หรือจะเขียนถึงหนังรักอีกเรื่องที่เข้าในช่วงเวลาเดียวกันดี แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเขียนถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ เหตุผลง่ายๆ ก็เพราะผมชอบงานของผู้กำกับคนนี้ครับ
ยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร เขาเป็นชายหนุ่มผู้พกพาเสียงหัวเราะ และสร้างมิติใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ในบ้านเรา ภาพยนตร์ที่เขากำกับแต่ละเรื่อง แม้จะใช้นักแสดงคู่ขวัญที่พากันดังมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ แต่ก็บอกได้ว่าเรียกเสียงฮาได้ตลอด ทุกครั้งที่นั่งชมภาพยนตร์ของเขาก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ (ผลงานของเขามีตั้งแต่ พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า, แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า, โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า, โหดหน้าเหี่ยว 966, 32 ธันวา, สุดเขต เสลดเป็ด, ส.ค.ส. สวีตตี้ และเรื่องล่าสุด วาเลนไทน์ สวีทตี้)
วาเลนไทน์ สวีทตี้ ภาพยนตร์ที่ถูกหลายสำนักเรียกว่าเป็นภาคต่อของ ส.ค.ส สวีทตี้ (หรือถ้าเป็นแบบที่ทางผู้กำกับเรียก ก็จะบอกว่าเป็นองค์สองของมหากาพย์ภาพยนตร์ตลกเรื่องนี้) ซึ่งต้องยอมรับกันแบบซึ่งหน้าว่า ส.ค.ส สวีทตี้ นั้น ผมไม่มีโอกาสได้ดูแม้กระทั่งตัวอย่างภาพยนตร์ เหตุผลก็ง่ายๆ ภาพแรกที่เห็น รวมทั้งชื่อของหนังมันไม่ดึงดูดผมเอาเสียเลย ในทางกลับกัน วาเลนไทน์ สวีทตี้ กลับมีบางอย่างที่เหมือนมนต์สะกดให้ถูกดึงดูดเข้าไปดูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ตลอดเรื่อง วาเลนไทน์ สวีทตี้ ก็ไม่ได้สร้างความยุ่งยากในการรับชมเลยแม้แต่น้อย เพราะเรื่องราวถูกขมวดให้เข้าใจง่าย ความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวที่ถูกกล่าวอ้างไว้ในองค์แรก ก็ถูกนำมาขยายความต่อ และเล่าเรื่องในมุมที่น่าสนใจได้อย่างน่าติดตาม
สิ่งแรกที่ผมชื่นชอบก็คือ คนเขียนบท ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่ผ่านชีวิตรักมาไม่ต่ำกว่าร้อยกว่าครั้ง เพราะบทสนทนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวละครแต่ละตัวนั้น เป็นเรื่องราวที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงมุขตลกต่างๆ ที่ถูกสอดแทรกเข้าไปในหนังก็ทำได้อย่างลงตัว เท่านั้นยังไม่พอ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ตลก แต่ก็ยังแฝงความซึ้งแบบกินใจเหลือหลายไว้ในหนังด้วย (เชื่อเถอะครับว่าบางทีตลกจนน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว)
ความรักของแต่ละคู่แต่ละคนในชีวิตนั้น บางคนว่ายาก บางคนว่าง่าย หลายๆ ครั้งที่หลายๆ คนก็คิดไปเหมือนกันว่า การแต่งงานดูเหมือนจะเป็นจุดสิ้นสุดของการเดินทางหาความรัก แต่ใครที่ได้มีโอกาสเข้าไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คงทำให้เข้าไปตรงกันได้ว่า การแต่งงานนั้นเพิ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความรักต่างหาก
คู่ของ ดี้ (จ๋า-ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) กับ ฟิน (บีม-กวี ตันจรารักษ์) ที่เพิ่งแต่งงานกัน เป็นคำตอบที่ดีสำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามันคู่หนึ่ง เขาต้องการดูแลและเลี้ยงดูเธอให้ดีที่สุด ส่วนเธอก็ต้องการชีวิตที่มีความสุขและเลือกผู้ชายคนนี้เพราะเป็นคนดี หนังสอนให้คนดูได้รู้จักมองและคิดตามว่าผู้หญิงรวยจะเลือกผู้ชายสักคนมาเป็นชีวิตคู่ เงินไม่มีความสำคัญ หากแต่ความดีเท่านั้นที่จะพิชิตใจได้ ส่วนผู้หญิงธรรมดาๆ ทั่วไป เงินอาจเป็นคำตอบแรกสำหรับใครหลายคน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้าเป็นความรักที่เลือกได้ คงไม่มีใครอยากได้คนเลวมาเป็นคู่ครอง
นอกจากความรักระหว่างสองเราแล้ว ยังมีความรักระหว่างพ่อแม่กับลูกให้ได้ซาบซึ้งกันอีกด้วย ความรู้สึกหวงแหนลูกสาวของคุณพ่อของดี้ (จาตุรงค์ มกจ๊ก) จึงสร้างโจทย์ยากให้ลูกสาวหลังมอบเงิน 1 ล้าน เหมือนเป็นคำท้าให้ฟินต้องเก็บเงินให้ได้ครบ 1 ล้าน เพื่อเป็นหลักประกันว่า จะสามารถดูแลลูกสาวของเขาได้เหมือนที่เขาดูแล
ผิวเผินเหมือนเป็นความขัดแย้งที่มองอย่างไรก็ไม่มีความลงตัวและสวยหรู แต่ลึกๆ แล้ว อาการพ่อหวงลูกสาว ก็เพราะความเป็นห่วงกลัวว่าคนอื่นจะเลี้ยงดูปูเสื่อได้ไม่ดีเท่าที่เคยทำ จึงออกอาการแบบนั้นไป ในช่วงท้ายของเรื่องบทสรุปของครอบครัวนี้จึงน่ารัก อมยิ้มจนน้ำตาซึมได้เหมือนกันครับ
จะเห็นได้ว่าความรักในเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่รักของสองคนเท่านั้น หากทว่าต้องรักคนรอบข้างของเขาด้วย อีกหนึ่งคู่ที่น่ารักและน่าดูไม่แพ้กันก็คือคู่ของ หลังอาน (โก๊ะตี๋ อารามบอย) กับ ฟ้า (สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข) ที่คอยดูแลเอาใจใส่ ภาวนา (แม่แดง-ฉันทนา กิติยพันธ์) แม่ของหลังอานที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ และแม้จะมีช่วงหนึ่งที่หลังอานคิดจะไม่รักษาสัญญา และสร้างความผิดหวังให้กับฟ้าเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อไรที่เรารักกันมากพอ อุปสรรคที่ขวางก็เป็นพียงฟางโฟมเบาๆ ที่กวาดทิ้งได้อย่างไม่ยากเย็น
ความรักของวาเลนไทน์ สวีทตี้ ยังไม่จบ มีให้ได้ลุ้นอีกคือ ง้อ (ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) กับ ตั้ด (แดน-วรเวช ดานุวงศ์) มาแต (แพตตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) กับ แทน (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) สองคู่รักความสัมพันธ์ซับซ้อน คนหนึ่งเคยเป็นเพื่อนกัน อีกคนหนึ่งเคยเป็นแฟนกัน และเมื่อเพื่อนกับแฟน กลายเป็นแฟนกัน สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในใจก็เคลือบแคลงตลอดเวลา หนังเล่าถึงสองคู่นี้ได้อย่างขบขันเรียกเสียงหัวเราะได้พอควร แต่ก็เป็นคู่ที่ในภาคนี้ไม่โดดเด่นเท่าไร
คู่สุดท้าย จากเพื่อนกลายเป็นแฟน ความสัมพันธ์อันซับซ้อนที่เกิดขึ้นเมื่อไรก็ไม่มีใครหาสาเหตุได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือ มันเกิดขึ้นได้จริง อุ่น (โทนี่ รากแก่น) ชายหนุ่มเจ้าสำอาง พูดจานิ่มนุ่มละมุนน่าฟัง กับสาวเง็ก (ยิปโซ-รมิตา มหาพฤกษ์พงศ์) สองเพื่อนสนิทที่ฝ่ายหนึ่งคอยปรึกษาปัญหาหัวใจอยู่ตลอดเวลา โดยมี เจ็ท (ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์) เพื่อนซี้เจ้าชู้จอมกวน คอยแซวและรู้ทันตลอด
เมื่อเง็กอกหักก็ทำให้ค้นพบใจตัวเองว่ามีสุขทุกครั้งที่อุ่นอยู่ใกล้ๆ อุ่นเองก็เช่นกัน แต่ทว่าคำว่าเพื่อนกลายเป็นเส้นบางๆ กั้นความรู้สึกของทั้งคู่อยู่ หนังเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาที่เจรจากันได้อย่างน่าติดตาม เรียกรอยยิ้มจากสองแก้มได้ไม่น้อย
ความรักที่เกิดขึ้นบนโลก แม้จะไม่สามารถจับต้องได้ แต่เชื่อเถอะครับ ความรักทุกแบบในวาเลนไทน์ สวีทตี้ คุณรู้สึกได้แน่นอน