A GUIDE to Fitness

A GUIDE to Fitness

ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าผู้ที่มาเล่นฟิตเนสนั้น แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือเล่นเพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง กลุ่มที่สองคือพวกที่เล่นเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ และกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มที่เล่นเพื่อลดน้ำหนัก
 

กลุ่มแรกนั้น การเล่นฟิตเนสเพียงสัปดาห์ละ 3-4 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอที่จะทำให้สุขภาพดีแล้ว แรกเริ่มที่มานั้น ก็ควรจะมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อให้กล้ามเนื้อพร้อมต่อการออกกำลังกาย และไม่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการบาดเจ็บเวลาออกกำลัง หลังจากนั้นจะเป็นการเดิน หรือวิ่งบนลู่วิ่งเพื่อให้ร่างกายได้เกิดการเผาผลาญสักประมาณ 20-40 นาที จึงเปลี่ยนมาเล่นที่เครื่องออกกำลังกาย ซึ่งเครื่องออกกำลังกายแต่ละชนิดก็จะให้กล้ามเนื้อคนละส่วนกัน เช่น แขน ขา หน้าอก ไหล่ ฯลฯ เราจึงอาจจะต้องปรึกษาเทรนเนอร์หรือผู้เชี่ยวชาญ
 

การเล่นนั้น เล่นท่าละ 10 ครั้ง ไม่เกิน 3 ยก น้ำหนักที่ใช้ก็จะต้องบาลานซ์กับร่างกาย เพราะเป็นการเล่นให้กระชับ กล้ามเนื้อจะไม่ใหญ่จนเกินไป หลังจากเล่นเสร็จ ให้เดินหรือวิ่งบนลู่สัก 10 นาทีเป็นการคูลดาวน์ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพ นี่คือวิธีง่ายๆ ของกลุ่มแรก ออกกำลังต่อเนื่องแบบนี้สัก 3 เดือน ร่างกายจะแข็งแรง กระชับ และสุขภาพดีขึ้น
 

กลุ่มที่สองนั้นเป็นพวกที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ หรือพวกอยากกล้ามโต กลุ่มนี้จะต้องออกกำลังกายเป็นประจำ และการออกกำลังนั้นจำเป็นจะต้องมีเทรนเนอร์ช่วย เพราะการเล่นเวทนั้นน้ำหนักจะมากกว่าปกติ ทำให้ต้องมีเทรนเนอร์คอยช่วยพยุงเพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ โดยผู้ที่เล่นหากอยากเพ่ิมกล้ามเนื้อตรงไหนให้สวยงาม เทรนเนอร์ก็จะเป็นผู้คิดโปรแกรมการออกกำลังกายขึ้นมา เพื่อให้รูปร่างของคุณได้สัดส่วนตามนั้น กลุ่มนี้จะต้องเล่นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เพราะเมื่อไรที่หยุดเล่น กล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ จะเกิดอาการหย่อนคล้อย รวมไปถึงต้องมีการเสริมอาหารประเภทโปรตีนเข้าไปด้วย (ซึ่งก็ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้วยครับ)
 

กลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก กลุ่มนี้หลักๆ ในการออกกำลังกายก็คือการเผาผลาญไขมันส่วนเกินออก หรือที่เรียกว่า การเบิร์น นั่นก็คือการวิ่งหรือเดินบนลู่วิ่งอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 45 นาที เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเกิน 30 นาทีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไป แต่ถ้าหากเกินลิมิต ร่างกายจะไม่ใช้ไขมันในการเผาผลาญ แต่จะไปดึงแคลเซียมจากกระดูกมาแทน ทำให้เราไม่ควรออกกำลังกายต่อเนื่องเกิน 45 นาที หรือบางคนอาจจะต้องดูจาก Maximum Heart Rate หรืออัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดอีกทีหนึ่ง เพราะส่วนมากผู้ที่นำ้หนักเกินจะมีปัญหาเกี่ยวกับอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต จึงต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ เพราะอาจหัวใจล้มเหลวได้หากออกกำลังกายเกินลิมิต
 

หลังจากที่กลุ่มนี้ทำการเผาผลาญเรียบร้อย ก็สามารถเล่นเวทได้เช่นกัน แต่ต้องเป็นการเล่นเวทในระดับต่ำ น้ำหนักที่เล่นนั้นจะเบากว่ากลุ่มที่เล่นเพื่อกระชับร่างกาย เพราะจุดประสงค์หลักๆ ของกลุ่มนี้คือการลดน้ำหนัก การเล่นเวทที่น้ำหนักเยอะจะทำให้ไปสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้น้ำหนักไม่ลง แต่ที่ต้องเล่นเวทในระดับน้ำหนักไม่มาก เป็นเพราะเมื่อเวลาที่น้ำหนักลดลง ก็จะทำให้กล้ามเนื้อไม่เกิดเป็นลายและไม่หย่อน หลังจากการเล่นเวทก็จะเป็นการเดิน หรือวิ่งบนลู่เพื่อเผาผลาญอีก 10 นาทีเป็นการคูลดาวน์ หลังจากนั้นก็เป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อเตรียมไปเข้าซาวน่า โดยการเข้าซาวน่านั้น ก็เพื่อให้ผิวกระชับ เลือดลมไหลเวียนสะดวก (การเข้าซาวน่าไม่มีผลต่อการลดน้ำหนักตัว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ในซาวน่านานเป็นชั่วโมงๆ ครั้งละ 3-10 นาที ก็เพียงพอ) ยิ่งถ้าเป็นการอาบร้อน สลับเย็น คือ ซาวน่า 3 นาที อาบน้ำเย็น 2 นาที สลับกัน 3 ครั้ง ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายมีระบบไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้นครับ
 

การเริ่มต้นเล่นฟิตเนสก็ง่ายๆ เพียงเท่านี้ครับ เลือกโปรแกรมให้เหมาะกับตัวคุณว่า คุณอยากได้แบบไหน สุขภาพดี เพิ่มกล้ามเนื้อ หรือลดน้ำหนัก และอย่าลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณต้องทำมันอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ สุขภาพดีวันนี้เริ่มต้นได้ง่ายๆ ครับ สำคัญคือต้องลงมือทำ!
 

แนะกินไก่-เป็ด ปรุงสุก กันหวัดนกระบาด

หลังจากที่มีข่าวออกมาว่า ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง อินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนาม และจีน ได้พบผู้ป่วยไข้หวัดนกแล้วหลายราย ทำให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 แนะนำให้ประชาชนอย่าประมาท และควรกินไก่ เป็ด ที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น รวมทั้งหลีกเลี่ยงการซื้อ เป็ด ไก่ ราคาถูก หรือไม่ทราบแหล่งที่มา เพราะอาจเป็นไก่ เป็ดที่ติดเชื้อ หรือป่วยตายก็เป็นได้ หากใครที่จำเป็นต้องสัมผัสกับสัตว์เหล่านี้ก็ควรสวยเครื่องป้องกัน และหลังกลับมาควรทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทร 1422)
 

รู้ทัน 5 ค ถนอม 5 ห

ช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมา สธ. รณรงค์ “ฉลาดรัก เออรัก...ไม่เออเร่อ” แนะวัยรุ่นรู้ทัน 5 ค ถนอม 5 ห ได้แก่ คึกครึ้น (การทำให้ขาดสติด้วยการดื่มแอลกอฮอล์) เคลิบเคลิ้ม (การฟังคำพูดหวานๆ) คลอเคลีย (การจับมือถือแขน) ค้างคืน (การนอนพักที่อื่นที่ไม่ใช่บ้าน) คุกคาม (การขอมีเพศสัมพันธ์) ส่วน 5 ห ได้แก่ หวงแหน (การแต่งกายเหมาะสม) เห็นค่า (การเห็นคุณค่าของตัวเอง) หวงห้าม (การไม่อยู่ในที่ลับตาคน)  หักห้าม (การปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์อย่างชัดเจน) และ ห่อหุ้ม (สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง หากอยู่ในสภาวะที่พร้อมจะมีเพศสัมพันธ์) 
 

ปวดท้องบ่อย สัญญาณอันตราย

ใครที่มีอาการปวดท้องบ่อยๆ อย่าคิดว่าไม่เป็นเรื่อง อาจเป็นสัญญาณอันตรายโดยไม่รู้ตัว หากปวดท้องด้านขวาตอนบน อาจจะเกิดจากตับ หรือถุงน้ำดี แต่ถ้าปวดท้องบริเวณใต้ซี่โครงลงมาก็อาจเป็นการปวดบริเวณกระเพาะอาหาร ถ้าปวดท้องด้านขวาตอนล่าง อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบ ถ้าปวดท้องด้านซ้ายตอนบน อาจเป็นสาเหตุจากลำไส้ใหญ่ ถ้าปวดท้องส่วนกลาง ก็อาจเป็นสาเหตุได้ทั้งจากลำไส้ใหญ่ และลำไส้เล็ก ส่วนอาการปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง อาจเป็นการปวดสลับกับอาการท้องร่วง อาจเกิดจากโรคถุงตัน เป็นส่วนหนึ่งของลำไส้อักเสบ 

หากใครที่ปวดบ่อยๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์จะดีที่สุดครับ

ไวรัสตับอักเสบ ภัยเงียบที่ต้องรู้

โรคไวรัสตับอักเสบบี เป็นภัยร้ายที่คุกคามสังคมไทยมายาวนาน และเป็นสาเหตุหลักสู่มะเร็งตับ โรคร้ายที่คร่าชีวิตของคนไทยเป็นอันดับต้นๆ โดยโรคมะเร็งตับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 6 ของคนทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย 5 ปีที่ผ่านมา โรคมะเร็งตับเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของหญิงไทย แซงหน้ามะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านม ที่สำคัญคือคนไทยส่วนใหญ่คิดว่าไม่อันตราย ทำให้ไม่คิดจะตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี แต่ความจริงแล้วไวรัสตับอักเสบเป็นโรคที่ติดต่อกันง่าย และรุนแรงกว่าโรคเอดส์ถึง 100 เท่า เพราะติดต่อได้หลายทาง คุณสามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่วันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่มูลนิธิโรคตับ โทร. 0-2255-3051

วิธีดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดนอกเหนือจากการควบคุมอาหาร