เรียกว่าเป็นคำถามคลาสสิกของมนุษย์ก็ได้ สำหรับคำถามที่ว่า “มนุษย์เรามาจากไหนกันแน่?” ตกลงแล้วเราวิวัฒนาการมาจากลิงใช่หรือไม่? แล้วอะไรทำให้เราฉลาดขึ้นมาเหนือสัตว์ต่างๆ นับแสนล้านชนิดที่อยู่บนโลกนี้? เป็นไปได้หรือว่าโลกคือดาวดวงเดียวที่สิ่งมีชีวิตมีอารยธรรมแบบมนุษย์อยู่? และที่มนุษย์สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ในอดีตที่แม้แต่มนุษย์ปัจจุบันก็ยังทำไม่ได้ อาทิ ปิรามิด นั่นเป็นเพราะมีมนุษย์ต่างดาวลงมาช่วยสอนหรือเปล่า?

ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์ยังคงพยายามหาคำตอบนี้มานับร้อยนับพันปี มีการขุดค้นซากโบราณต่างๆ ที่ทำให้เราได้ข้อมูลใหม่ๆ มีโครงการทางวิทยาศาสตร์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอย่างโครงการ SETI หรือ Search for Extra Terrestrial Intelligence

ในโลกภาพยนตร์ เรื่องราวเหล่านี้ก็ถูกนำมาเป็นแกนกลางในการสร้างภาพยนตร์ในแนว Sci-Fi (Scientific Fiction) หลายต่อหลายเรื่อง ทั้งสมจริงบ้าง ทั้งใส่จินตนาการเข้าไปสุดโต่งบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชม

ริดลี่ย์ สก็อตต์ เองก็เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่สร้างชื่อมาจากภาพยนตร์ในแนวนี้ เพราะหมุดหลักสำคัญแห่งวงการภาพยนตร์Sci-Fi นั้นจะขาดเรื่อง Alien และ Blade Runner ซึ่งกำกับโดยผู้กำกับรุ่นเก๋าวัย 74 ปีคนนี้ไปไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม Prometheus ไม่ใช่หนังภาคก่อนหน้า (Prequel) ของ Alien อย่างที่ใครหลายคนอาจจะได้ยินแว่วๆ มา เพียงเพราะตอนจบของเรื่องทำท่าจะไปต่อกับ Alien ภาคแรกได้ สาเหตุก็เพราะถ้าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จทางรายได้ ช่วงรอยต่อดังกล่าวยังสามารถสร้างเป็นหนังเรื่องใหม่ได้อีกหลายตอนทีเดียว

Prometheus เล่าถึงการเดินทางในปี ค.ศ. 2085 บนยาน Prometheus (ตั้งชื่อตามเทพไททันตามตำนานกรีกโบราณ ผู้ท้าทายพระเจ้าด้วยการมอบ “ไฟ” ให้กับมนุษย์ จึงถูกลงโทษอย่างหนัก) ยานอวกาศลำนี้เป็นของ ปีเตอร์ เวย์แลนด์ มหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรเวย์แลนด์ ผู้สร้างหุ่นแอนดรอยด์ได้สำเร็จเมื่อหลายสิบปีก่อน

เมื่อมีนักวิทยาศาสตร์คู่หนึ่ง (ชาร์ลี ฮอลโลเวย์ และ อลิซาเบธ ชอว์ ซึ่งปฏิเสธได้ยากกว่า บุคลิกคล้ายกับเอลเลน ริปลี่ย์ ที่แสดงโดย ซิกอนี่ย์ วีเวอร์ ไม่มีผิด) ค้นพบภาพฝาผนังในสมัยโบราณจากต่างที่ ต่างยุคกัน ภาพทั้งหมดแสดงให้เห็นตรงกันว่าสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่างจากนอกโลกที่ทรงปัญญาเป็นผู้สอนและถ่ายอารยธรรมความเจริญ พูดง่ายๆ ว่าความรู้ต่างๆ ที่เรามีนั้นถูกสอนโดยมนุษย์ต่างดาว นักวิทยาศาสตร์ทั้งคู่จึงขอทุนจากบริษัทของปีเตอร์ เวย์แลนด์ เพื่อออกตามล่าหาความจริงว่าหรือมนุษย์โลกคือลูกหลานของมนุษย์ต่างดาว ไม่ใช่พระเจ้าที่สร้างเรา?

แน่นอนว่าในยานลำนี้ประกอบด้วยตัวละครมาตรฐานของหนังแนวนี้ อาทิ ยาเน็ค หนุ่มใหญ่ผิวสีกล้ามโต กัปตันของยานที่พร้อมชนทุกอย่าง, เมเรดิธ วิคเกอร์ส พนักงานสาวสวยท่าทางเย็นชาของบริษัทเวย์แลนด์ ที่ดูเหมือนจะมีความลับบางอย่าง, เดวิดหุ่นแอนดรอยด์ที่แทบไม่แตกต่างจากมนุษย์สักนิด สิ่งเดียวที่เขาไม่มีก็คือ “วิญญาณ” เขาคือหุ่นที่คิดเสมอว่าฉลาดกว่ามนุษย์ ยังไม่นับรวมตัวละครตัวประกอบอื่นๆ ที่เราเห็นปุ๊บก็รู้ว่าไอ้หมอนี่ตายก่อนเพื่อนแน่ๆ

นอกจากพล็อตเรื่องลึกล้ำจินตนาการแล้ว สิ่งที่เป็นเสน่ห์เสมอมาในหนังของ ริดลี่ย์ สก็อตต์ ก็คือ ความวิจิตรบรรจงสร้างของฉากต่างๆ ทั้งๆ ที่เป็นหนังที่ฉากเกือบทั้งหมด นักแสดงน่าจะต้องเล่นกับอากาศธาตุ แล้วไปทำสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์ทีหลัง แต่นั่นไม่ใช่ริดลี่ย์คนนี้ที่ถือคติว่าถ้าอะไรสร้างขึ้นมาจริงได้ เขาก็จะสร้างมันขึ้นมา

ภาพสวยอลังการงานสร้าง พล็อตเรื่องสมเหตุสมผล คุ้มค่ากับการรอคอยถึง 30 ปีครับ