โรคต้อหินนั้นเป็นอาการของโรคตาที่เกิดจากความดันภายในดวงตาสูงเกินกว่าปกติ และแรงดันที่ว่านี้ก็ไปทำให้ประสาทตาซึ่งบอบบางและละเอียดอ่อนอยู่แล้วได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้ดวงตาเกิดการสูญเสียการมองเห็นไป โดยอาการของผู้ที่ป่วยเป็นโรคต้อหินนั้น ในช่วงแรกจะไม่มีอาการปวดใดๆ แสดงออกมา และดวงตาก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า อาการของโรคก็จะเริ่มแสดงออกมา โดยผู้ที่เป็นโรคต้อหินจะมองเห็นวัตถุที่อยู่ข้างหน้าได้ชัดเจน แต่จะไม่เห็นวัตถุที่อยู่ด้านข้างๆ ซึ่งก็บ่งบอกว่าลานสายตาของผู้ที่เป็นนั้นแคบลง และหากปล่อยทิ้งไว้ อาการก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และทำให้ลานสายตาค่อยๆ แคบลง จนสุดท้ายก็สูญเสียการมองเห็นไป

ต้อหินยังแบ่งออกได้หลายประเภท โดยประเภทที่คุณทูนเป็นนั้นเป็นต้อหินชนิดเปิด ซึ่งต้อหินชนิดนี้เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุด และสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ สาเหตุของต้อหินชนิดนี้เกิดจากแรงดันสะสมที่เพิ่มขึ้นทีละน้อยเป็นเวลานาน และค่อยๆ ทำให้การมองเห็นจากรอบข้างลดลงจนถึงศูนย์กลางในที่สุด

ประเภทที่สองของโรคต้อหินก็คือ ต้อหินแบบเฉียบพลัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ต้อหินมุมปิด ต้อหินประเภทนี้นั้นจะสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่เป็นอย่างรุนแรง โดยจะมีอาการสายตาพร่ามัวอย่างทันที เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ความดันภายในลูกตาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยภายในลูกตาของเราปกตินั้น จะมีของเหลวที่มีลักษณะคล้ายๆ กับวุ้น ซึ่งจะมีการไหลเวียนจากดวงตาไปยังท่อต่างๆ ที่อยู่ที่มุมตาเพื่อให้ร่างกายได้นำกลับไปใช้ใหม่ และเมื่อไรก็ตามที่ร่างกายผลิตเจ้าของเหลวที่เป็นวุ้นนี้มากจนเกินไป หรือระบบท่อระบายทำงานผิดปกติ ก็ส่งผลให้ความดันในดวงตาพุ่งสูงขึ้นและทำให้ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างทันที

ต้อหินประเภทที่สามก็คือ ต้อหินแบบชั่วคราว สาเหตุอาจมาจากดวงตาได้รับบาดเจ็บ ทำให้เกิดแผลขึ้น หรืออาจจะเป็นเพราะฝุ่นเข้าตา ทำให้เกิดอาการตาอักเสบ ตาบวม หรือการเกิดเนื้องอกที่ตาก็ส่งผลถึงต่อหินชนิดนี้เช่นกัน

สำหรับต้อหินประเภทสุดท้ายก็คือ เป็นต้อหินโดยกำเนิด ซึ่งเป็นกลุ่มที่พบได้ยาก และมีน้อยที่สุดในบรรดาทั้งหมด

โดยกลุ่มที่เสี่ยงจะเป็นโรคต้อหินได้มากที่สุดนั้นก็คือ ผู้ที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคต้อหิน อายุมากเกิน 50 ปี มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน มีภาวะสายตาสั้นมากๆ และเป็นผู้ที่ดวงตาเคยมีบาดแผล

วิธีการรักษาสำหรับโรคนี้นั้นก็มีหลายแบบ ตั้งแต่การใช้ยาหยอดหรือยากิน โดยยาที่ใช้นั้นจะไปช่วยลดความดันภายในลูกตา รวมทั้งลดการสร้างของเหลวที่ออกมาให้ลดลง เพื่อควบคุมความดันของลูกตาไม่ให้สูงเกินไป การรักษาด้วยวิธีการแบบนี้จะต้องปรึกษาแพทย์ควบคู่ไปด้วย รวมทั้งใช้ยาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อให้ดวงตาอยู่คู่กับเราไปอีกแสนนาน

นอกจากการหยอดยาและกินยาแล้ว เทคโนโลยีอาร์กอนเลเซอร์ หรือการยิ่งแสงเลเซอร์เข้าไปที่บริเวณดวงตาก็ช่วยทำให้อาการของโรคดีขึ้นได้เช่นกัน และหากวิธีที่กล่าวมาไม่ได้ผล วิธีสุดท้ายก็คือการผ่าตัด ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องทางให้ของเหลวคล้ายวุ้นไหลออกจากตาได้สะดวก ทำให้ความดันในดวงตาไม่เพิ่มขึ้น

ในส่วนของการรักษาโรคต้อหินนั้น หากทราบตั้งแต่เนิ่นๆ มีการตรวจและดูแลดวงตาอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยที่ไม่ต้องสูญเสียการมองเห็นไป หากแต่ถ้าปล่อยปละละเลยก็จะทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากมากขึ้น เช่นนั้นแล้วเราควรดูแลดวงตาของเราให้ดีเสมอๆ

แต่หากเมื่อท้ายที่สุดแล้ว หากอาการของโรคทวีความรุนแรงมากเกิน ก็อย่างพึ่งท้อแท้กับชีวิตครับ เพราะอย่างคุณทูน หิรัญทรัพย์ ก็มีอยู่วูบหนึ่งเหมือนกันที่เกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้น แต่แล้วเมื่อไตร่ตรองถึงผลทั้งหมด พร้อมกับได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขาก็พร้อมที่จะกลับมายืนหยัดและสู้ต่อไปอย่างเข้มแข็ง

เป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านครับ

สมุนไพรไทยเด็ด เผ็ดร้อนชะลอแก่

สมุนไพรไทยประโยชน์เพียบ แพทย์สาขาแพทย์แผนไทยประยุกต์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แนะให้กินโดยเฉพาะที่มีรสเผ็ดร้อนจะช่วยชะลอความชราได้ โดยแพทย์แผนไทยระบุว่า วัยชรานั้นจะเริ่มที่ประมาณอายุ 32 ปีขึ้นไป และความชราภาพนั้นเกิดขึ้นจากอวัยวะที่เสื่อมถอย แต่หากรับประทานสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อนก็จะช่วยทำให้การ
ไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น และมีการสูบฉีดโลหิตไปสู่หัวใจได้ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรง และชะลอวัย สมุนไพรที่แนะนำก็อย่างเช่น ขิง พริกไทย และกระเทียม เป็นต้น