หวัดนกกลายพันธุ์  มันกำลังจะกลับมา

หวัดนกกลายพันธุ์ มันกำลังจะกลับมา

นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตสำหรับไข้หวัด ที่หลายคนแทนชื่อเรียกเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า ไข้หวัดใหญ่สเปน ซึ่งหลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ไข้หวัดใหญ่ระบาดอีกหลายครั้ง เช่น ไข้หวัดใหญ่เอเชีย มีผู้เสียชีวิตเกือบสี่ล้านคนทั่วโลก หรือจะเป็นไข้หวัดใหญ่ฮ่องกงก็มีผู้เสียชีวิตจำนวนหลักล้านเช่นกัน และจากหลายๆ เหตุการณ์ทำให้ทั่วโลกตระหนักได้ถึงภัยจากไข้หวัดที่เข้ามาคุกคามมนุษย์เราอย่างแท้จริง

 

ในช่วงปี พ.ศ. 2550 ไข้หวัดกลับมาสร้างความเสียหายให้กับทั่วโลกอีกครั้งด้วยเชื้อที่มาจากสัตว์ปีก โดยเรียกเชื้อชนิดนี้ว่า ไข้หวัดนก H5N1 ซึ่งไข้หวัดชนิดนี้โชคดีที่ไม่ติดต่อกับมนุษย์ แต่หากเรารับประทานหรือสัมผัสกับสัตว์ปีกที่มีเชื้อก็มีโอกาสที่จะทำให้เราเป็นไข้หวัดนกได้

 

การควบคุมไข้หวัดนกนั้น ทำให้ทั่วโลกจำเป็นต้องปลิดชีวิตสัตว์ปีกเป็นจำนวนหลายล้านตัว เพื่อไม่ให้โรคนี้ระบาด และเชื้อกลายพันธุ์ ช่วงเวลาเพียงไม่นาน ทั่วโลกก็สามารถควบคุมเชื้อไข้หวัดนกนี้ได้สำเร็จ รอคอยแต่ว่าเมื่อไรที่มันจะกลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้ง

 

หลังจากที่ทั้งโลกได้หายใจหายคอกันอย่างคล่องปอด ไม่นานธรรมชาติก็ส่งไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่มาท้าทายมนุษย์อีกจนได้ในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งไข้หวัดสายพันธุ์นี้ถูกเรียกในครั้งแรกว่า ไข้หวัดหมู แต่ท้ายที่สุดแล้ว หมูก็เป็นเพียงสาเหตุนำทางเท่านั้น เพราะสาเหตุของการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้นั้นไม่ใช่หมู แต่กลับเป็นคน ทำให้มีการเรียกหวัดชนิดนี้ใหม่ว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดA H1N1 หรือจะรู้จักกันในนามสั้นๆ ว่า ไข้หวัด 2009 โดยลักษณะพันธุกรรมของเจ้าไวรัสชนิดนี้ประกอบด้วยเชื้อถึง 3 สายพันธุ์ คือ เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ เชื้อไข้หวัดนกที่พบมากในทวีปอเมริกาเหนือ และเชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในแถบยุโรปและเอเชียบ้านเรา

 

ช่วงแรกที่ข่าวการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้กระจายออกไป ทำให้ทั่วโลกต่างเฝ้าระวังกันอย่างตั้งใจ มีการตรวจตราผู้ที่เข้าออกประเทศอย่างเข้มข้น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถควบคุมเจ้าโรคนี้ได้ ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ต้องออกมาประกาศเตือนภัยถึงความร้ายแรงของไข้หวัดนี้จากระดับ 5 เป็นระดับ 6 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดอันหมายถึงการแพร่ระบาดนั้นได้กระจายไปทั่วโลกแล้ว

 

โชคดีในความโชคร้ายยังมี แม้การแพร่ระบาดจะลุกลามไปทั่วโลก ทว่าเจ้าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1 กลับไม่น่ากลัวถึงขั้นจบชีวิตของผู้ที่เป็นโดยทันที เพราะหากทราบในทันทีที่เป็น ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ รวมทั้งมีการผลิตวัคซีนป้องกันเจ้าไข้หวัดชนิดนี้ขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดให้จงได้ และไม่นานนัก ทั่วโลกก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้หมดจด ทว่าก็ยังมีคนต้องสังเวยชีวิตให้กับมันไปจำนวนหนึ่ง

 

ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไข้หวัด 2009 นั้น องค์กรในประเทศไทยเองที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ออกมารณรงค์ให้ดูแล และป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้ติดเชื้อกันยกใหญ่ อาทิ สสส. ทำโครงการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนมีความเสี่ยงที่จะติดโรคนี้น้อยลง รวมถึงตามโรงพยาบาลต่างๆ ก็มีการตรวจกันอย่างละเอียดเพื่อให้โรคระบาดนี้ถูกควบคุมได้อย่างรวดเร็วที่สุด

 

เวลาเดินผ่านไป การแพร่ระบาดหยุดลง แต่เจ้าไวรัสไม่ได้หยุดการพัฒนาสายพันธุ์ไปด้วย ล่าสุดเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ข่าวการแพร่กระจายของไข้หวัดนกก็กลับมาชวนให้ผู้คนได้หวาดหวั่นกันอีกครั้ง

 

การกลับมาครั้งนี้ของไข้หวัดนก ถ้าจะมาแบบเดิมๆ ก็คงจะไม่เท่าไร แต่เจ้าไวรัสหวัดมรณะนี้กลับกลายพันธุ์ และมีฤทธิ์ต้านวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีการตรวจพบไข้หวัดชนิดนี้ที่จีนและเวียดนาม มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 6 ราย

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่หลายๆ องค์กรมองถึงการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ก็คือมนุษย์นั่นเอง เพราะนอกจากการที่นกอพยพย้ายถิ่นฐานแล้ว การเลี้ยงหรือขายสัตว์ปีกจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง ก็นับเป็นการแพร่กระจายชั้นดีอีกด้วย ซึ่งการจะหยุดการแพร่ระบาดของเจ้า ไข้หวัดชนิดนี้นั้น ทางออกที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบันก็คือ ต้องทำลายชีวิตของสัตว์ปีกที่คาดว่ามีเชื้ออยู่ให้หมดไป

 

การกระทำแบบนี้อาจจะดูโหดร้ายเกินไปเสียหน่อย ทำให้นักวิทยาศาสตร์ของอังกฤษได้คิดค้นการเพาะพันธุ์ไก่ดัดแปลงพันธุกรรม หรือไก่ GMO ขึ้นมา เจ้าไก่ชนิดนี้จะไม่แพร่เชื้อไข้หวัดนก และคนที่กินเนื้อไก่ รวมถึงไข่ของมันก็ไม่เป็นอันตรายอีกด้วย

 

แม้ทางออกนี้จะเป็นทางออกที่ดี แต่ก็มีกลุ่มบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย โดยมีความเห็นแตกแยกไปว่า การเลี้ยงสัตว์ด้วยวิธีธรรมชาติและถูกสุขลักษณะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ช่วงเวลาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้คงต้องให้กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ปีกเป็นผู้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

 

คงต้องจับตาดูกันให้ดีครับสำหรับไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ ว่าจะแพร่กระจายและสร้างความหวาดวิตกให้กับทั่วโลกหรือไม่ สำหรับใครที่กลัวว่าจะมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดนก ก็เพียงแค่ดูแลตัวเองขั้นพื้นฐานง่ายๆ ด้วยการกินอาหารที่ปรุงสุก ดูแลร่างกายให้แข็งแรงออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที รวมทั้งหมั่นล้างมือเป็นประจำเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับมือเรา เพราะสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีโอกาสติดเชื้อหวัดได้ง่ายก็มาจากมือเรานี่ล่ะครับ ถ้าเราดูแลมือเราให้สะอาดอยู่เสมอ ความเสี่ยงต่อโรคก็จะลดน้อยลง

 

สุดท้ายหากใครที่มีไข้สูงในช่วงนี้ และมีโอกาสได้สัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย ควรจะรีบไปพบแพทย์ในทันที เพราะยิ่งรักษาเร็วเท่าไร โอกาสหายก็มีมากขึ้นเท่านั้นครับ

 

ขวดนมก็มีพิษ

ปัจจุบันมีการตรวจพบสารเคมีปนเปื้อนในน้ำนม ซึ่งสารเคมีดังกล่าวก็มาจากขวดนมที่ผลิตจากโพลีคาร์บอเนต ซึ่งเจ้าขวดนมประเภทนี้ในประเทศไทย กลับมีการผลิตจำหน่ายมากกว่า 80% ของท้องตลาด โดยเจ้าสารปนเปื้อนนี้จะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง และมีผลต่อการผลิตอสุจิในชายทำให้ได้น้อยลง ทางออกที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบันก็คือเลือกขวดนมที่ผลิตจากพลาสติกโพลีพรอพพีลีน หรือ PP แทนโดยสังเกตได้ที่ข้างขวด หรือก้นขวดที่มีเลข 5 ตรงกลาง และมีรูปลูกศรล้อมรอบครับ

 

มูดิบ เนื้อดิบ มีเสี่ยง

ใครชอบของดิบ หรือมีเพื่อนชอบกินของดิบ คงต้องฝากเตือนกันสักหน่อย เพราะนักวิทยาศาสตร์พบเชื้อ ซัลโมเนลลา ที่มีผลทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง บางรายอาจจะถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดและมีโอกาสเสียชีวิตได้ เช่นนั้นแล้ว วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ หลีกเลี่ยงการรับประทานของดิบ หรือกึ่งดิบกึ่งสุก ควรทำอาหารให้สุกก่อนกินทุกครั้ง แค่นี้ก็ไกลจากเจ้าเชื้อนี้แล้ว

 

เรื่องเพศคุยได้

ความเชื่อที่ว่าเรื่องเพศต้องรอให้โตก่อนแล้วค่อยคุย คงใช้ไม่ได้ในยุคสมัยนี้เสียแล้วครับ เพราะเด็กต่างมีช่องทางในการศึกษาเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะในการท่องโลกอินเตอร์เน็ต ทำให้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ออกมารณรงค์ทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ รวมถึงจัดเวทีอบรมเชิงปฏิบัติการต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องเพศอีกด้วย โดยโครงการนี้ได้รับการตอบรับอย่างดี และมีพ่อแม่ผู้ปกครองโทรหาวันละเป็นพันสายใครที่อยากคุยเรื่องเพศ โทรไปปรึกษาที่โครงการนี้ได้ครับ 0-2298-0500 ต่อ 5113

 

ใช้ยามากอันตราย ทำแบคทีเรียดื้อยา

นักวิจัยทีมศาสตราจารย์ทอร์ ซาวิดจ์ แห่งมหาวิทยาลัยเทกซัสในสหรัฐ ร่วมกับทีมงานจากมหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเสิร์ฟ ในอังกฤษ ได้พบวิธีที่เซลล์ในลำไส้ต้านสารพิษจากแบคทีเรียดื้อยาในโรงพยาบาล โดยพบว่าเซลล์ลำไส้ชื่อ GSNO (S-nitrosoglutathione) สามารถทำให้พิษจากแบคทีเรีย Clostridium difficile ที่เป็นสาเหตุของอาการอักเสบ และท้องร่วงหมดฤทธิ์ได้ โดยปกติแล้ว Clostridium difficile เป็นแบคทีเรียจำนวนมากที่อยู่ในลำไส้มนุษย์ และไม่สร้างปัญหาต่อสุขภาพ แต่จากการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดแบคทีเรียชนิดอื่นๆ กลับทำให้เจ้า แบคทีเรียชนิดนี้เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และแพร่กระจายออกนอกลำไส้ และหลังจากเข้าสู่เซลล์ เยื่อบุลำไส้จะผลิตสารพิษออกมาเป็นปริมาณมาก ซึ่งส่งผลทำลายเซลล์และก่อให้เกิดอาการอักเสบ อาจมีอาการตะคริว ไข้ ท้องร่วง และถ่ายเป็นเลือดรวมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นควรกินยาตามแพทย์สั่งจะปลอดภัยที่สุด

ช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวันสิ่งที่ตามมาคือโรคหวัด