เกาะกลาง
ณ ปากแม่น้ำหน้าเมืองกระบี่ วันที่สายน้ำและทะเลถักทอให้ชีวิตตรงนั้นยั่งยืนมาเนิ่นนาน ต่อหน้าความสมบูรณ์ของป่าชายเลนและขุนเขาหินปูนที่โอบล้อม เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งหยัดยืนการอยู่ร่วมของผู้คนมาเนิ่นนาน
ที่เกาะกลาง หากใครสักคนก้าวลงเรือหัวโทงลำเล็กล่องข้ามลำน้ำกระบี่ ขึ้นเรือไปสู่ภาพจริงของผู้คนบนนั้น โลกแห่งความสงบสมบูรณ์เป็นมีหน้าตาเป็นเช่นไร แผ่นดินเล็กๆ ขนาดราว 47,000 ไร่บนนั้นพร้อมจะให้นิยามอันชัดเจน
เพียงอยู่ในลำเรือ ตามแนวเลนดินปากแม่น้ำคือที่ทางแห่งการงานของคนเกาะกลาง แนวแม่น้ำและคลองย่อยมีปลายทางที่ทะเลกว้าง ผู้คนจมอยู่ในนั้นเพื่อหาหอยแถบปากแม่น้ำ หอยชักตีน หอยปากหนา และอีกสารพันแทรกซอนอยู่ใต้ความอุดม ไกลออกไปในทะเล โป๊ะหาปลาเรียงรายสะท้อนอาชีพหลักของผู้คนที่นี่ชัดเจน
ป่าชายเลนครึ้มร่มฟื้นคืน จากที่แต่เดิมมันเคยลดน้อยถอยห่างในราวปี พ.ศ.2511-2526 ที่สัมปทานทำถ่านไม้โกงกางยังคงคึกคัก “หลุมถ่าน” หรือที่เผาถ่านยังคงปรากฏเป็นหลักฐาน จากยุคสู่ยุคที่เกาะกลางและที่อื่นๆ ในกระบี่สูญเสียป่าโกงกางไปนับพันไร่ ความสมบูรณ์คืนกลับมาเมื่อพวกเขาและมาด้วยการสูญเสียและเรียนรู้
ทางเดินเล็กๆ เลาะวนไปทั่วทั้งแผ่นดินเกาะกลาง สัณฐานที่ราบเก็บงำทั้งกสิกรรม ชีวิตวัฒนธรรม ศรัทธาในศาสนา และความงดงามของทะเลและสันทราย
ทุกเช้าหากใครได้มาแรมคืนบนเกาะกลาง ที่แหลมขามชัดเจนภาพสวยงามราวโปสการ์ด เรือหัวโทงนับร้อยลำบ่ายหน้าออกทะเลย้อนแยงแสงตะวันเป็นเงาดำ ชีวิตประมงของคนเกาะกลางเชื่อมโยงอยู่กับน้ำขึ้นน้ำลงและเรี่ยวแรงแห่งความสมบูรณ์ หันกลับไปตามริมตลิ่ง งานตอกหมันยาชันเรือชัดเจน “ทักษะ” ของคนทะเลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ที่ราบไม่มากนักบนเกาะกลางสมบูรณ์อยู่ด้วยข้าวถิ่นใต้อย่างข้าวสังข์หยด หากใครได้มาเยือนเกาะกลางยามฤดูเก็บเกี่ยว การงานและความเริงรื่น เป็นกันเอง ล้วนฉายชัดอยู่ในผืนนา ข้าวถิ่นใต้อื่นๆ อย่างข้าวเล็บนก ข้าวเชี่ยง และความพิเศษของผืนดินที่รายล้อมด้วยน้ำกร่อยกลับทำให้ข้าวของคนเกาะกลางมีรสดีอย่างไม่น่าเชื่อ
นาทีที่ผู้ชายออกหาปลา รอนแรมกลางทะเล โลกของหญิงสาวและผู้เฒ่าผู้แก่ชัดเจนอยู่ในงานฝีมือที่เลื่องลือในความงาม ผ้าปาเต๊ะสีสันสดใส แทรกลายละเอียดอ่อน ผ่านการรวมกลุ่มของกลุ่มแม่บ้านเกาะกลาง ทั้งเขียนลายเทียน เย็บเป็นเสื้อผ้า มีออร์เดอร์ส่งขายทั่วประเทศ ต่อยอดออกไปสู่อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ภาพอันแสนมีสีสันอยู่ที่หญิงหลายวัยหยิบจันติ้ง-อุปกรณ์เขียนลายเทียน ตวัดฉวัดเฉวียนเป็นภาพอันมีชีวิตชีวา
ไม่เพียงความงดงาม หากแต่ผู้คนของเกาะกลางนั้นถูกบ่มเพาะและขัดเกลาด้วยศาสนา โลกมุสลิมและพระอัลเลาะห์คือคำตอบแห่งความดีงาม สุขสงบ ทุกเวลาละหมาด เสียงอาซานนุ่มเย็นจะดังกังวาน ห้วงยามแห่งศรัทธาในพระเจ้าฉายภาพอิ่มเอมเป็นพี่น้องเกาะกลางในชุดสุภาพ สวมกะปิเญาะ ผลัดเวียนกันมาละหมาดที่มัสยิด และหลอมรวมวิถีชีวิตเข้ากับสิ่งที่เรียกว่าศรัทธาอย่างแสนรื่นรมย์
มิติของเกาะกลาง แผ่นดินแห่งชีวิตและศรัทธาเปี่ยมชัดให้ใครสักคนก้าวเข้ามาสัมผัส ล่องเรือหัวโทงผ่านความสมบูรณ์แห่งป่าโกงกางและทะเลรายล้อม เวียนแวะมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานสักคันไปตามทางเล็กๆ ที่เชื่อมโยงผู้คนหลายหมู่บ้านเข้าด้วยกัน
หรือผ่านพาตัวเองไปพบเจอกับรอยยิ้มและมิตรภาพอันจริงแท้ ที่หล่อหลอมให้บ้านกลางทะเลของคนเกาะกลางเปี่ยมชัดถึงนิยามของคำว่าสงบสุข ยั่งยืน และเป็นตัวของตัวเอง
How to Go?
จากตัวเมืองกระบี่ สามารถข้ามเรือไปเที่ยวเกาะกลางได้ 2 ท่า คือท่าเรือสวนสาธารณะ-ท่าเล (ราคานักท่องเที่ยวคนละ 10บาท) และท่าเรือเจ้าฟ้า-ท่าหิน (ราคานักท่องเที่ยวคนละ 30 บาท) บนเกาะกลางมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างและรถสามล้อพ่วงข้างให้บริการ ถ้าอยากพักกับชาวบ้าน ติดต่อกลุ่มโฮมสเตย์บ้านเกาะกลาง โทร. 08-9745-0495 หรือwww.krabihomestay.com